ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Fri Jan 09, 2009 7:18 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม
อิหม่ามอิบนุตัยมียะฮ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
ولا يجوز أن يعتمد فى الشريعة على الأحاديث الضعيفة التى ليست صحيحة ولا حسنة لكن أحمد بن حنبل وغيره من العلماء جوزوا أن يروى فى فضائل الأعمال ما لم يعلم أنه ثابت إذا لم يعلم أنه كذب ، وذلك أن العمل إذا علم أنه مشروع بدليل شرعى وروى فى فضله حديث لا يعلم أنه كذب جاز أن يكون الثواب حقاً ولم يقل أحد من الأئمة إنه يجوز أن يجعل الشىء واجباً أو مستحبا بحديث ضعيف ومن قال هذا فقد خالف الإجماع
مجموع الفتاوى 1/ 250-251
และไม่อนุญาตให้ยึดถือเอา บรรดาหะดิษเฎาะอีฟ ในเรื่อง ศาสนบัญญัติ ซึ่ง ไม่ใช่หะดิษเศาะเฮียะ และไม่ใช่หะดิษหะซัน แต่ว่า อะหมัด บุตร หัมบัล และบรรดานักวิชาการอื่นจากท่าน ,พวกเขาอนุญาต ให้รายงาน ในเรื่องที่เกี่ยวกับความประเสริฐของการงาน (ฟะฎออิลุ้ลอะอฺม้าล) ตราบใดที่เขาไม่ทราบอย่างแน่ชัด เมื่อ เขาไม่รู้ว่าเป็นหะดิษเท็จ และดังกล่าวนั้น คือการนำมาปฏิบัติ เมื่อรู้ว่าแท้จริง มัน(สิ่งนั้น)เป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้แล้ว ด้วยหลักฐานทางศาสนบัญญัติ และ เขาได้รายงาน ในประเด็นที่เกี่ยวกับความประเสริฐของมัน(ของสิ่งที่ศาสนามีบัญญัติไว้แล้ว) โดยที่ไม่รู้ว่า มันเป็นหะดิษที่เป็นเท็จ ก็อนุญาตให้ ถือว่าการตอบแทนนั้น เป็นความจริง และไม่มีผู้นำคนใด กล่าวว่า อนุญาตให้กำหนดสิ่งนั้น ว่า เป็นวาญิบ หรือ เป็นมุสตะหับ(เป็นสิ่งที่ชอบให้ทำ) ด้วย(การอ้างอิง)หะดิษเฎาะอีฟ และผู้ใดกล่าวอย่างนี้ แน่นอน เขาได้ขัดแย้งกับอัลอิจญมาอฺ
- มัจญมัวะอัล-ฟะตาวา เล่ม 1 หน้า 250-251 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Fri Jan 09, 2009 7:20 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม
อบูบักร บิน อัลอะเราะบีย์ กล่าวว่า
بعدم جواز العمل بالحديث الضعيف مطلقاً لا في فضائل الأعمال ولا في غيرها
ไม่อนุญาตให้ปฏิบัติตามหะดิษเฏาะอีฟ โดยสิ้นเชิง ไม่อนุญาตในเรื่อง ฟะฎออิลุ้ลอะอฺม้าล และไม่อนุญาตในเรื่องอื่นจากนั้น - ตัดรีบุดรอวีย์ เล่ม 1 หน้า 252
ท่านอัลบานีย์ ก็ได้ถือตามทัศนะนี้ - ดู เศาะเฮียะ อัตตัรฆีบ วัต-ตัรฮีบ ในคำนำ เล่ม 1 หน้า 47-68
ตัวอย่างหะดิษเฎาะอีฟ
من صلى بين المغرب والعشاء عشرين ركعة، بنى الله له بيتاً في الجنة "
ผู้ใดละหมาดระหว่าง (ละหมาด)มัฆริบ และ อีชา 20 เราะกาอัต อัลลอฮทรงสร้างบ้านให้แก่เขาในสวรรค์ - บันทึกโดย อัลบัยฮะกีย์ด้วยสายสืบที่เฎาะอีฟ
هذا الحديث في فضائل الأعمال، والفضل هنا قوله (بنى الله له بيتاً في الجنة) هذا الفضل لا يجوز إيراده لأن أصل العمل وهو صلاة عشرين ركعة بين المغرب والعشاء لم يثبت بدليل صحيح أو حسن، فلا يجوز حينئذ أن يورد حديث ضعيف في فضله
หะดิษนี้ เกี่ยวกับเรื่อง ?ฟะฎออิลุ้ลอะอฺม้าล?(= ความประเสริฐของอะมั้ลอิบาดะฮ) فضائل الأعمال، ) คำว่า ?ความประเสริฐ ในที่นี้คือ ถ้อยคำที่ว่า ?อัลลอฮทรงสร้างบ้านให้แก่เขาในสวรรค์ ?(بنى الله له بيتاً في الجنة ความประเสริฐในที่นี้ คือ?(بنى الله له بيتاً في الجنة ไม่อนุญาตให้รายงาน เพราะต้นเรื่องของ อะมั้ล (สิ่งที่ปฏิบัติ)คือ من صلى بين المغرب والعشاء عشرين ركعة ? (ผู้ใดละหมาดระหว่าง (ละหมาด)มัฆริบ และ อีชา 20 เราะ) ไม่ปรากฏหลักฐานที่เศาะเฮียะ หรือ หะซัน รับรองไว้ ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้รายงาน หะดิษเฎาะอีฟ ที่ระบุเกี่ยวกับความประเสริฐของมัน _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Thu Jan 15, 2009 10:55 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สุเหร่าที่บ้านผมตอนนี้ยิ่งกว่า ปฏิบัติตามฮะดิษ ฏออีฟ อีกครับ อาจารย์อะซัน
ข้าวซะกาตที่ชุมชนผม (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) ที่เอาไปให้กับมัสยิด
มัสยิดเอาไปขายต่ออีกทอดนึง และนำเงินมาบูรณะมัสยิด
มีคนไปค้านเรื่องนี้ คณะกรรการบอกว่า ที่ประชุมเขามีมติกันแล้ว
คะแนนคนที่ยกมือเห็นด้วย มีมากกว่าคนที่ไม่เห็นด้วย
ดังนั้น
ถ้าหลักการเปรียบเสมือนเนื้อย่างเกาหลี
ผมโหวต ก็เหมือนกับเนื้อย่างเกาหลีเหนือ
เพราะฉนั้น หลักการจึงกลายเป็นได้แค่เนื่อย่างเกาหลีใต้ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sunnahkung มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Wed Jan 21, 2009 7:05 pm ชื่อกระทู้: .. |
|
|
[color=red]เรียนท่านอ.อะสัน
ผมขอให้อ.อะสันยุติการวิภาษหลักฐานของท่านครู บดอ.ไว้แค่นี้ก่อนนะครับเพราะตอนนี้ผมทราบข่าวมาว่าท่านอ.ปราโมทย์จะทำการชี้แจงด้วยตัวของท่านเองให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่งกับหลักฐานที่ท่านครู บดอ. บิดเบือนไปขอให้อัลลอฮ์ตอบแทนอ.อะสันที่วิภาษกลับไปแล้วบางส่วนรออีกประมาณ10กว่าวันนะครับ[/color] |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Wed Jan 21, 2009 10:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ต้องขอขอบคุณ คุณ ซุนนะห์ คุง มาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ยาซากัลลอฮ ฮุค็อยร็อน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sunnahkung มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Thu Jan 22, 2009 8:06 pm ชื่อกระทู้: ....... |
|
|
ไม่เป็นไรครับ อ้อมีข่าวมาฝากพวกเราด้วยครับเคยได้ยินท่านอ.ปราโมทย์บอกว่าหากใครข้องใจเรื่องอะไรอยากให้ท่านช่วยวิเคราะห์หลักฐานให้เป็นการพิเศษท่านก็ยินดีครับ....ก็ปกติท่านเขียนวิเคราะห์ไว้ตั้งมากมายหลายเรื่อง
แต่น่าเสียดายอยากให้ทางเว็ปซุนนะฮ์ต่างๆนำบทความของท่านออกเผยแพร่ให้มากกว่านี้ความจริงอ.อะสันน่าจะนำบทความของท่านมาลงบ้างก็น่าจะดินะครับ
เพราะอ.อะสันกับอ.ปราโมทย์เป็นเพื่อนรักกันนิ? ทำไมถึงรูล่ะก็เพราะผมเป็นลูกศิษย์ของท่านทั้ง2ผมชอบฟังเวลาท่านทั้'2ไปบรรยายที่สถานี2หาดใหญ่ ทั้ง2ท่านนอกจากจะมีความรู้เป็นเลิศแล้วยังมีจุดเด่นตรงที่เป็นคนพูดจาอ่อนหวานและสุภาพมากๆครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Thu Jan 22, 2009 8:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ครูในมุเก็มผม ก็เคยได้ตำราของอาจารย์ปราโมช มาอ่านเหมือนกัน ช่วงเดือนบวช 2 ปีที่แล้ว
เป็นการวิภาษ หลักฐาน ที่อาจารย์มุรีด นำเสนอ ซึ่งอาจารย์ปราโมชย์ มีทัศนะที่เห็นแตกต่าง
ผมก็เลยชื่นชอบผมงาน เป็นส่วนตัว เพราะส่วนหนึ่ง อาจารย์ปราโมชย์ ไม่ได้ทำเพราะ
ความรัก หรือ ความเกลียด แต่วิเคราะห์ไปตามหลักฐาน ก็อย่างที่ผมบอกว่า อาจารย์แกก็เคย
วิภาษหลักฐาน ของอาจารย์มุรีด ทีมะเสน มาแล้ว และอาจารย์ มุรีด ทีมะเสน ก็เอาผลงาน
อาจารย์ปราโมช มาลงในเวป |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sunnahkung มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Thu Jan 22, 2009 8:25 pm ชื่อกระทู้: .. |
|
|
มาดูกันครับ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sunnahkung มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Fri Jan 23, 2009 7:31 pm ชื่อกระทู้: .. |
|
|
อย่าว่าแต่อ.มุรีด ทิมะเสนเลยครับ ขนาดอ.ฟารีด เฟนดี้ อ.ปราโมทย์ ยังได้เคยวิภาษมาแล้วเลยครับแถมท่านยังส่งบทวิภาษไปให้อ.ฟารีดดูถึงบ้านและท่านยังบอกกับอ.ฟารีดอีกว่าหากข้อเขียนของท่านผิดพลาดอย่างไรขอให้อ.ฟารีดช่วยชี้แจงให้ท่านดูด้วย.ท่านยินดีน้อมรับฟังคำติติงเสมอ
เรื่องอะไรนะหรือ? ขอไม่บอกนะครับ(อ.อะสันคงยิ้มแปล้นเพราะท่านคงรู้ดี)....เห็นไหมครับว่าอ.ปราโมทย์ท่านก็วิภาษอย่างให้เกียรติในความแตกต่างที่ว่าเค้าเรียกความแตกต่างในด้านฟิกฮ์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Fri Jan 23, 2009 10:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นี่แหล่ะครับ เสน่ห์ของผู้รู้ ที่ยึดมั่นในกิตาบุลลอฮ และ ซุนนะห์
หัวเรื่องไม่ต้องบอกก็ได้ครับ
แต่ผมอ่านไม่ได้จริงๆครับ ถ้าให้อ่านต้องขอพารา สักสามเม็ด |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nawawee มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2012 ตอบ: 6
|
ตอบ: Fri Jan 20, 2012 8:23 am ชื่อกระทู้: |
|
|
นักวิชาการยุคนี้อยากดังหรือเปล่า ต้องตัดสินในสิ่งที่นักวิชาการส่วนใหญ่เขาไม่กล้าตัดสินว่าผิด เพราะเขากลัวผิด ที่จะไปตัดสินว่าเป็นบิดอะ *ตกนรก* ในสิ่งที่ไม่แน่ใจ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Feb 15, 2012 12:05 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ไปดูมาจาก บทความที่คุณ อารีฟีน วิภาษอาจารย์ปราโมทย์
b]ข้างล่างนี้ เขาบอกว่า อิหม่ามชาฟิอี ส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอ่านให้ผู้ตายในกุบูร[/b]
ท่านอิมาม อันนะวาวีย์ ได้กล่าวอธิบายไว้ในหนังสือ อัล-มัจญฺมั๊วะ ของท่านว่า
يُسْتَحَبُّ لِزَائِرِ القُبُوْرِ أَنْ يَقْرَأَ مَا تَيَسَّرَ مِنَ القُرْآنِ وَيَدْعُوْ لَهُمْ عَقِبَهَا نَصَّ عَلَيْهِ الشَّافِعِيُّ وَاتَّفَقَ عَلَيْهِ الأَصْحَابُ وَزَادَ فِيْ مَوْضِعٍ آخَرَ: وَإِنْ خَتَمُوْا القُرْآنَ عَلَى القَبْرِ كَانَ أَفْضَلَ
"และสุนัตให้ผู้ไปเยี่ยมกุบูร ทำการอ่านสิ่งที่ง่าย ๆ จากอัลกุรอานและทำการขอดุอาอ์ให้แก่เขาหลังจากเสร็จสิ้นการอ่าน ซึ่งอิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้ระบุมันไว้(ในหนังสืออุมมฺ) และบรรดาสานุศิษย์ก็มีความเห็นพร้องกันต้องกันและอิมามอัชชาฟิอีย์ได้กล่าวเพิ่มในตำราเล่มอื่นอีกว่า หากพวกเขาได้อ่านจบหนึ่งจบที่กุบูร ก็จะเป็นการดียิ่ง" ดู เล่ม 5 หน้า 276
แต่ข้างล่างบอกว่า อิหม่ามชาฟิอี บอกว่า อ่าน ผลบุญไม่ถึงผู้ตาย
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ใน หนังสืออัลอัซฺการของท่านเช่นกันว่า
أَجْمَعَ الْعُلَمَاءُ عَلَى أَنَّ الدُّعَاءَ لِلأَمْوَاتِ يَنْفَعُهُمْ وَيَصِلُهُمْ ثَوَابُهُ...وَاخْتَلَفَ الْعُلَمَاءُ فِيْ وُصْوِلِ ثَوَابِ قِرَاءَةِ القُرْآنِ، فَالْمَشْهُوْرُ مِنْ مَذْهَبِ الشَّافِعِيِّ وَجَمَاعَةٍ أَنَّهُ لاَ يَصِلُ. وَذَهَبَ أَحْمَدُ بْنُ حَنْبَل وَجَمَاعَةٌ مِنَ العُلَمَاءِ وَجَمَاعَةٌ مِنْ أَصْحَابِ الشَّافِعِيِّ إِلَى أَنَّهُ يَصِلُ، وَالاِخْتِيَارُ أَنْ يَقُوْلَ القَارِئُ بَعْدَ فَرَاغِهِ: اللَّهُمّ أَوْصِلْ ثَوَابَ مَا قَرَأْتُهُ إِلَى فُلاَنٍ، وَاللّهُ أَعْلَمُ
"บรรดาปวงปราชญ์ได้(อิจญฺมาอฺ)ลงมติเห็นพร้องว่า แท้จริงการขอดุอาอ์ให้แก่บรรดาผู้ตายนั้น มันเป็นผลประโยชน์แก่พวกเขาและผลบุญการขอดุอาก็ถึงไปยังพวกเขา.....และบรรดาอุลามาอ์ได้ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่อง ผลบุญการอ่านอัลกุรอานถึงผู้ตาย ดังนั้น คำกล่าวที่เลื่องลือ จากมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์และปราชญ์กลุ่มหนึ่งนั้น คือ ผลบุญไม่ถึงผู้ตาย(กล่าวคือหากอ่านอัลกุรอานเพียงอย่างเดียวโดยไม่ขอดุอาตามท้าย) และท่านอิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล พร้อมด้วยปวงปราชญ์กลุ่มใหญ่ และกลุ่มหนึ่งจากบรรดาสานุศิษย์ของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้ กล่าวว่า แท้จริง ผลบุญดังกล่าวถึงผู้ตาย และทัศนะที่ได้รับการแฟ้นแล้ว คือให้ผู้อ่านกล่าวดุอาอ์หลังจากเสร็จสิ้นจากการอ่านอัลกุรอานว่า "โอ้อัลเลาะฮ์ ขอได้โปรดทำให้ผลบุญจากสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น ไปถึงคนนั้นๆ (..........) ด้วยเทอญ (ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างปราชญ์) วัลลอฮุอะลัม " ดู อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์ อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์ เล่ม 4 หน้า 194
..................
(ในวงเล็บสีแดงคุณอาริฟีน เพิ่มเติมเข้าไป เพื่อให้ดูว่า การอ้างทั้งสองข้อความ สอดคล้องกัน
ความจริงอิหม่ามชาฟิอีเอง มีทัศนะว่า ผลบุญการอ่านอัลกุรอ่านไม่ถึงผู้ตาย ซึ่งมีนักวิชาการอื่นอีกกล่าวยืนยันไว้เช่น
อิหม่ามหะฏอบ อัลมาลิกีอัลกะบีร (มีชีวิตอย่ช่วง ฮ.ศ. 902-954 ) กล่าวว่า
والمشهور من مذهب إمامنا الشافعي وشيخه مالك والأكثرين كما قاله النووي في فتاويه وفي شرح مسلم أنه لا يصل ثواب القراءة للميت
และที่รู้จักกันแพร่หลาย จาก มัซฮับอิหม่ามของเรา ชาฟิอี และอาจารย์ของท่าน มาลิก และบรรดานักวิชาการส่วนมาก ดังที่อันนะวาวีย์ ได้ระบุเอาไว้ในฟัตวาของเขา และใน ชัรหุมุสลิม ว่า "ผลบุญการอ่าน ไม่ถึงผู้ตาย - ดู มะวาฮิบุลญะลีล เล่ม 2 หน้า 627 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Fri Feb 17, 2012 4:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
nawawee บันทึก: | นักวิชาการยุคนี้อยากดังหรือเปล่า ต้องตัดสินในสิ่งที่นักวิชาการส่วนใหญ่เขาไม่กล้าตัดสินว่าผิด เพราะเขากลัวผิด ที่จะไปตัดสินว่าเป็นบิดอะ *ตกนรก* ในสิ่งที่ไม่แน่ใจ |
เรื่อง นรกเป็นสิทธิ ของอัลลอฮ จะให้เข้านรกก็ได้ แต่เรื่องของบ่าวคือ สอนให้ตามคำสอนนบี และระวังเรื่องบิดอะฮ และให้รักษาสุนนะฮ เพราะฉะนั้นอยากถามว่า ทำไมจึงพยายามปกป้องสิ่งที่เป็นบิดอะฮกันนัก ใครตามแบบสุนนะฮ ก็กล่าวหาว่าวะฮาบี ใครถืออะกีดะฮตามตัวบท ไม่ตีความก็กล่าวหาเขาว่า "เป็นอะกีดะฮยิว " ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่ได้มาจากเว็บสุนนะฮสะติวเด้นหรอกหรือ คุณนะวาวีย์ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Sep 25, 2013 12:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อิหม่ามอัตติรมิซีย์ กล่าวว่า
وقد كان بعض أهل العلم يستحب أن يوجه إلى أهل الميت شيء لشغلهم بالمصيبة وهو قول الشافعي
และแท้จริง ส่วนหนึ่งของนักวิชาการ ชอบ(ส่งเสริม)ให้นำสิ่งใดๆไป (มอบ)ให้ครอบครัวผู้ตาย เพราะพวกเขายุ่งอยู่กับเคราะห์กรรมที่ประสบ และมันคือ ทัศนะของอัชชาฟิอี ดู สุนันอัตติมิซีย์ เล่ม 3 หน้า 323 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Sep 25, 2013 12:52 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
มุหัมหมัด ชัมสุลหัก อัลอะซีม อะบาดีย์ กล่าวว่า
قَالَ ابْنُ الْهُمَامِ فِي فَتْحِ الْقَدِيرِ شَرْحِ الْهِدَايَةِ : يُسْتَحَبُّ لِجِيرَانِ أَهْلِ الْمَيِّتِ وَالْأَقْرِبَاءِ الْأَبَاعِدِ تَهْيِئَةُ طَعَامٍ لَهُمْ يُشْبِعُهُمْ لَيْلَتَهُمْ وَيَوْمَهُمْ ، وَيُكْرَهُ اتِّخَاذُ الضِّيَافَةِ مِنْ أَهْلِ الْمَيِّتِ لِأَنَّهُ شُرِعَ فِي السُّرُورِ لَا فِي الشُّرُورِ وَهِيَ بِدْعَةٌ مُسْتَقْبَحَةٌ
อิบนุฮุมาม กล่าวในฟัตหุลเกาะดีร ชัรหุอัลฮิดายะฮ ว่า ชอบให้เพื่อนบ้านของครอบครัวผู้ตาย และบรรดาญาติใกล้ชิดที่อยู่ห่างใกล เตรียมอาหารให้แก่พวกเขา(ให้แกครอบครัวผู้ตาย) ให้พวกเขาอิ่มในตอนกลางคืนและกลางวัน และมักรูฮ เลี้ยงแขก จากฝ่ายครอบครัวผู้ตาย เพราะ แท้จริง มัน(การเลี้ยงแขกนั้น)ได้ถูกบัญญัติในยามมีความสุข ไม่ใช่ในยามเคราะห์ร้าย และมันคือ บิดอะฮที่น่าเกลียด ดู เอานุลมะอฺบูด เล่ม 8 หน้า 406 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|