อย่าตาย จนกว่าจะเป็นมุสลิม
วัน อาทิตย์ 14 มิ.ย. 09 @ 03:51
หัวข้อ: บทความและแง่คิด


อย่าตาย จนกว่าจะเป็นมุสลิม

                                                           โดย shabab kolbunsalim

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
السلام عليكم ورحمة الله وبركا ته
               หากพี่น้องสังเกตกับประโยคๆหนึ่งที่ปรากฎอยู่บนป้ายชื่อของมัสยิดที่เกิดเหตุนั้น เราจะพบว่ามีประโยคหนึ่งซึ่งพอที่จะทำให้เรานำมาพินิจ พิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างต้น เป็นอย่างดีว่า ระหว่าง ผู้ที่มีอุดมการณ์ในการแสวงหาความโปรดปรานต่อเอกอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลา อยู่เสมอๆ (คือ ผู้ที่เสียชีวิต)  กับผู้ที่มีอุดมการณ์เพื่อผลประโยชน์หรืออื่นๆนอกจากนี้นั้น(คือผู้ร้าย) เราคงจะมองออกหล่ะนะว่า อุดมการณ์มันต่างกันอย่างไร


             เมื่อเราเอาประโยคข้างต้นมาให้คำนิยามดังกล่าว  อย่างกับคำว่า อัลฟุรกอน เราจะพบว่า คำว่า อัลฟุรกอน  คือ การจำแนก แยกออก หรือ “ข้อแบ่งแยกระหว่างสิ่งดี และสิ่งไม่ดี” ซึ่งแน่นอน มันก็สอดคล้องหรอกนะ กับเหตุการณที่เกิดขึ้นหากเรามาพิจารณาถึงการกระทำข้างต้น

             คงไม่มีใครปฎิเสธหรอกว่าเหตการณ์ที่เกิดขึ้น ณ มัสยิดอัลฟุรกอนนั้น จะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเจ็บปวด ความเสียใจ ความสูญเสีย แก่พี่น้องมุสลิมเราทั้งชาวไทยและพี่น้องมุสลิมทั่วโลก....ได้อย่างน่าสลดหดหู่มากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมาในพื้นที่ดังกล่าวเป็นแน่ และคงเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนใจของสมาชิกในครอบครัวของบุคคลที่สูญเสียสมาชิกที่เป็นเสาหลักของเขาไปไม่ใช่น้อยเลยหล่ะ

             มันคงจะเจ็บลึก เจ็บแปลบ เจ็บใจ และปวดร้าวยิ่งนัก หากมีใครสักคนในครอบครัวเรา ถูกอธรรม ถูกกดขี่ ถูกย่ำยีจากกลุ่มคนที่ไม่มีแม้เสี่ยวหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ซึ่งพวกเขานั้นฆ่าได้แม้กระทั้งเด็ก สตรี คนแก่ อย่างที่เกิดมาแล้ว หรือแม้กระทั้งกับบ่าว    ผู้ที่กำลังนอบน้อมหลายๆคนทีเขานั้นพร้อมใจที่จะก้มกราบแด่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก แด่พระผู้สร้างตัวพวกเขาเหล่านั้นเองอย่างที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้

             นี่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้พิจารณากันดอกหรือ ว่าเขานั้นมิได้ถูกสร้างมาให้เป็นสิ่งอื่นใดเลย นอกจากความเป็นมนุษย์ผู้มีสติปัญญาไตร่ตรองว่า อะไรคือความเมตตา อะไรคือความสงสาร และอะไรคือสิ่งที่มนุษย์นั้นพึงต้องมีต่อมนุษย์ด้วยกัน หรือเขามิได้ตระหนักสิ่งนี้เลย.
..หรือเขาตระหนักเพียงว่า ฉันจะได้สิ่งนั้น ฉันจะได้สิ่งโน้น ภายหลังจากที่ฉันทำ...

            หลายคน คงจะได้เห็นภาพกันแล้วใช่ไหม หลายคนคงจะได้รับฟัง ติดตาม คำกล่าวอ้าง คำกล่าวบอก ของผู้เกี่ยวข้องต่างๆกันแล้วมิใช่หรือ แต่พี่น้อง เคยคิดไหม ว่าวันนี้! ฉันคิดว่า ฉันไม่อยากดูแล้วซึ่งละครต่างๆที่มีแต่ภาพเย้ายวนต่างๆ ฉันไม่อยากฟังแล้วซึ่งเสียงโทรศัพท์จากแฟนฉัน และฉันไม่อยากฟังและเห็นภาพแล้วซึ่งอะไรอื่นเลย นอกจากที่ฉันนั้นจะคิดว่า ฉันจะทำอย่างไร ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อพี่น้องของฉันในวันนี้ หรือฉันจะไม่สนใจ พี่น้องก็พี่น้อง ฉันก็อยู่ของฉันอย่างนี้หล่ะ จะทำอะไรได้ เดี่ยวเรื่องก็คงเงียบไปเองหล่ะ

             เราลองนึกและจินตนาการสักนิดซิว่า เสียงโฮ่ร้อง  เสียงของความสูญเสียของญาติพี่น้องเหล่านั้น จะเป็นเช่นไร ภาพของความสลดใจที่เกิดขึ้นต่อหน้าภรรยาและบุตรของเขานั้นจะเป็นเช่นไร และหลังจากที่พี่น้องสิบเอ็ดชีวิตได้กลับไปสู่พระองค์แล้ว ความสลดใจที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงความสลดใจ ที่ผ่านมาแล้วก็แค่ผ่านไป สำหรับพวกเขาเหล่านั้นเองหรือ มันเป็นอย่างนั้นกันใช่ไหม ที่เรานั้นคาดกันไว้

             ผู้ศรัทธาเอ๋ย ความสลดใจที่เกิดขึ้น กับภาพที่เราเห็นนั้น คงไม่เท่ากับความสลดใจ กับภาระต่างๆที่จะเกิดขึ้น และทิ้งไว้ภายหลัง ให้กับภรรยา ลูกๆ หรือผู้ที่พวกเขาเหล่านั้นเคยรับผิดชอบอยู่หรอกนะ ใครเล่าที่จะจุนเจือและเยียวยาพวกเขาเหล่านั้น นอกจากพี่น้องของเราเองใช่ไหม

             อาจจะไม่เป็นที่แปลกใจหรือฉงนใจมากนัก หากสิ่งที่เกิดขึ้น กับกรณีเหตุการณ์ยิงประชาชนที่ผ่านมานั้น หากมันจะเกิดขึ้น ณ บนถนนหนทาง หรือตามสถานที่ต่างๆ อันพ้นซึ่งขอบเขตของการจำกัดสิทธิและจำกัดถึงความสูงส่ง ที่ใครอื่นมิอาจที่จะมาล่วงล้ำเขตนั้นได้แต่อย่างใด แต่มันคงต้องนำมาคิดและนำมาพิจารณาแล้วหล่ะว่า ความสูงส่ง ความศักดิ์สิทธิที่มีอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้นั้น  ใครหน้าไหนกันเล่า ช่างกล้าล้ำเข้ามาขนาดนี้ได้...

!!!โอ้อัลลอฮขอพระองค์ ทรงลงโทษพวกเขาเหล่านั้น อย่างเหมาะสมด้วยเทอญ

             ผู้ศรัทธาเอ๋ย เคยคิดไหมว่าอะไรเล่าที่เป็นเหตุให้พระองค์อัลลอฮ ซุบฮานาฮุ

วา ตะอาลา ทรงปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้น ย่ำยี เหยียดหยาม สถานที่สาธารณสถานแห่งนั้นได้ หรือไม่ใช่เพราะเรา หรือไม่ใช่เพราะการกระทำของพี่น้องเราเอง!ที่เย็นชา เย็นใจต่อการศึกษาอิสลาม มิใช่เพราะพวกเราดอกหรือ ที่ไม่พินิจพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างๆที่ผ่านมาครับ

                   มิใช่เราดอกหรือ ..มิใช่เพราะบาลาอฺดอกหรือ!!!

             ก็วันนี้!เรามัวแต่หมกมุ่น มุ่งมั่นแข็งขันกันในเรื่องของการแต่งตัว ฉันอยากแต่งตัวแบบนี้ อยากใส่สีแบบนั้นเพื่อให้เป็นที่สะดุดแก่สายตาชาย หรือฉันอยากดูละคร ฟังเพลง คุยกับแฟน ทำนั่นทำนี่ ตามที่ฉันนั้นต้องการ ตามอารมณ์ที่อยากทำ หรือตามที่อารมณ์ฉันอยากอ่าน ฉันอยากอ่านนิยายหนิ ฉันอยากอ่านแฟชั่นมุสลิมหนิ...ใครจะทำไม   และก็ฉันจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่า อัลลอฮทรงใช้ไหม รอซูลทรงสอนไหม ไม่เคยคิดเลย                 

             ก็แบบนี้หล่ะนะ จะมีเวลาไหนกันเล่า ที่จะมาศึกษาอิสลามแล้วนำอิสลามไปเผยแพร่ ไปนาศีฮัตตักเตือนกันกับพวกเขาเหล่านั้น ในพื้นที่เหล่านั้นกันหล่ะครับ

             จะมีโอกาสไหมเนี่ย!! ที่ฉันนั้นจะเป็นคนที่มีอีหม่าน มีตักวา และจะมีโอกาสไหมที่ฉันนั้น จะเป็นคนที่ตายอย่างมีเกียรติ ตายอย่างคนที่นอบน้อมต่อพระผู้สร้างของฉัน แล้วเสียชีวิตไปในขณะที่ฉันทำอิบาดะห์อยู่อย่างพวกเขาเหล่านั้น

             เอาเถอะนะ จะทำอะไรก็เชิญ จะเสียชีวิตแบบไหนก็แล้วแต่จะเลือก จะเสียชีวิตอย่างมีเกียรติ อย่างเป็นคนนอบน้อม หรือมีอีหม่าน หรือจะเสียชีวิตในขณะคุยโทรศัพท์ ดูละคร ฟังเพลงหรืออ่านนิยาย ก็แล้วเถอะ

             แต่พึงพิจารณากันสักนิดเถิดว่า พึงระมัดระวังการใช้ชีวิตกันเถิดนะ เพราะท่านอย่าได้ตาย จนกว่าพวกท่านจะเป็นผู้ศรัทธาที่นอบน้อมเสียก่อน !!!!

             อัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลา ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ Ale-`Imraan อายะฮที่ 102 "โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮ์อย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าตาย เป็นอันขาด นอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น"

อย่าตาย อย่าตาย จนกว่าฉันจะเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์เสียก่อน ถามตัวเองกันสักนิดนึง!

والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته


แนะนำและติชม


shabab_000@hotmail.com








บทความนี้มาจาก Moradokislam.org
http://www.moradokislam.org

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.moradokislam.org/modules.php?name=News&file=article&sid=398