ใครนะ.........?????????พี่น้องที่รักและมีเกียรติทุกท่าน เราทุกคนได้ทราบถึงความงดงามและความพิสดารที่เร้นแฝงซ่อนอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งทุกครั้งที่เราพินิจพิจารณา เราก็จะพบสิ่งใหม่ๆ ที่ต้องทึ่ง ประทับใจและเป็นปริศนาให้ชวนคิดทุกครั้งไป ในฉบับนี้เราจะติดตามกันต่อไปเพื่อทราบถึงความพิสดารต่างๆ ที่เราต้องฉงนและครุ่นคิด 1. กำเนิดมนุษย์ กับอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าพี่น้องครับ...ท่านเคยถามตัวท่านเองไหมว่า...?ใครนะ...ที่สร้างมนุษย์ให้มองเห็นด้วยกระจกเลนส์ ให้ได้ยินด้วยใบหูที่กางผึ่งเหมือนเรดาร์และให้ได้พูดด้วยลิ้นที่อ่อนนุ่มและไร้กระดูก...?ใครนะ...ที่ออกแบบรูปทรงมนุษย์และติดตั้งอวัยวะต่างๆ ที่ทุกคนมีเหมือนกันหมด แต่โลกทั้งโลกกลับไม่มีคนที่เหมือนกัน ซึ่งถึงแม้ว่าฝาแฝดที่เป็นสุดยอดของความเหมือน ก็ยังมีข้อแตกต่างที่สามารถแยกแยะว่าใครเป็นใครได้...?ใครนะ...ที่ทนุถนอมดูแลทารกตอนอยู่ในท้องแม่จากสภาพที่เป็นเพียงน้ำอสุจิ จนกลายเป็นทารกที่มีอวัยวะครบถ้วน หลับตื่น ดื่มกิน โดดดิ้นไปมา จนกระทั่งเมื่อครบกำหนดก็อำลาท้องแม่ ออกดิ้นสู่โลกกว้างในที่สุด...?ใครนะ...ที่สอนเด็กแรกเกิดให้รู้วิธีดูดนมจากเต้าอกแม่และเตรียมนมอันโอชะและเต็มเต้านั้นให้ลูกน้อย...?ครับ...การตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งหมดของคนทั้งโลกในสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้บ่งบอกถึงการมีผู้สร้างองค์เดียวกันดอกหรือ...? 2. ฟากฟ้าและแผ่นดินร่วมกันเป็นสักขีพยานยืนยันบ่งบอกถึงการสรรค์สร้างของพระผู้เป็นเจ้าพี่น้องครับ...ในฐานะที่เราเป็นผู้มีสติปัาสมบูรณ์และมีชีวิตอยู่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในโลกนี้ สมควรอย่างยิ่งที่เราจะต้องทบทวนถามตัวเองว่า...ใครนะ...ที่ปูพื้นแผ่นดินให้ราบเรียบ จนเราสามารถตั้งถิ่นฐานทำเป็นที่อยู่อาศัย...?ใครนะ...ที่สร้างท้องฟ้าให้เป็นหลังคา โดยไม่มีเสามาค้ำปักและไม่มีร่องรอยการต่อตอกแม้แต่รูเดียว...?ใครนะ...ที่จินตนาประดับประดาท้องฟ้าด้วยหมู่ดวงดาวที่สวยหรี่ระยิบระยับ แข่งขันกันทอแสงแพรวพราวมอบความสุข ชื่นตาชื่นใจแก่ชาวมนุษย์ อีกทั้งยังทำให้มนุษย์ทำเป็นป้ายบอกทางเมื่อยามหลงทางท่ามกลางความมืดของกลางคืน หรือตอนล่องลอยอยู่ในทะเลกว้าง...?ใครนะ...ที่วางสายน้ำลำคลองครอบคลุมทุกพื้นที่...?ใครนะ...ที่โปรยฝนชะโลมพื้นแผ่นดินแล้วงัดพืชพันธ์หลากสี กลิ่น รสชาติและคุณค่าออกจากร่องแตกของพื้นดิน...?ใครนะ...ที่ออกแบบเหล่าต้นไม้และวัชพืช ทำให้มีเกสรตัวผู้ตัวเมียและบัชาให้แมลงมาช่วยผสมพันธ์...?ใครนะ...ที่จินตนาห่อหุ้มผลไม้หลากแบบหลากสี ห่อทุเรียนอันอ่อนนุ่มด้วยหนามหนา ห่อสะตอด้วยเทือกยาวเป็นแคปซูล ห่อเงาะขนสีสดใส ห่อลำใย องุ่นด้วยเปลือกที่บางใสและมีสีที่งดงามใครนะ...ที่สร้างระบบความดันไว้ในน้ำ ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม จนเรือที่กว้างและหนักขนาดไหนก็สามารถลอยน้ำได้โดยไม่จม...?ใครนะ...ที่ทำให้ลมสงบเคลื่อนไหวและทำให้ลมเคลื่อนไหวสงบ...?ใครนะ...ที่เหนี่ยวรั้งเมฆที่หนักอึ้งด้วยน้ำฝนให้สามารถลอยในอากาศโดยไม่ตกสู่พื้นดิน...?ใครนะ...ที่เอาฤดูฝนออกจากฤดูแล้งและฤดูหนาวออกจากฤดูร้อน...?ใครนะ...ที่เอาไก่ออกจากไข่ และนำไข่ออกจากไก่...?ใครนะ...ที่แต่งตั้งมนุษย์เป็นราชาในแผ่นดินและบัชาสิ่งอื่นๆ ให้บริการปรนเปรอมนุษย์...? ให้ช้างลากซุง ให้ควายไถนา ให้ม้าขับขี่ ให้หมาเฝ้าบ้าน ให้ลาบรรทุกของ ให้นกเป็นไปรษณีย์ ให้ลิงขึ้นมะพร้าว ให้ไส้เดือนช่วยพรวนดิน ให้แพะบริการนม ให้ไก่เป็นยาม กู่ เตือนเวลา...? อ้า...ยิ่งไปกว่านั้น มันมีสิ่งที่น่าทึ่ง ที่คนมีปัาต้องทวนคิดอีก...สิ่งหนึ่ง... ครับใบหม่อนที่ปลูกกันส่วนมากทางภาคเหนือเวลาตัวหนอนกินแล้ว หนอนจะถ่ายมูลออกเป็นเส้นไหม...? เวลาผึ้งกินมันจะออกเป็นน้ำผึ้ง...? เวลาแพะกินมันแล้วมันจะออกเป็นน้ำนม...? ครับ...น่าคิดไหมครับ...หากสิ่งที่มันเกิดขึ้นโดยปราศจากผู้ควบคุมแล้ว แน่นอนมันจะต้องแปรรูปออกมาเป็นสิ่ง สีและสภาพเดียวกันหมด...? 3. ความมืด ความสว่าง ดวงอาทิตย์และดวงดาวร่วมเป็นสักขีพยาน บ่งชี้ถึงการสร้างสรรค์ ของพระผู้เป็นเจ้า พี่น้องที่รัก....ลองคิดสิครับ...ใครนะ...ที่สร้างกลางคืนให้มืดมิด และสร้างกลางวันให้โปร่งสว่างใครนะ...ที่บัชากลางวันและกลางคืนร่วมมือกันรับใช้ผลประโยชน์ของมนุษย์...?ใครนะ...ที่บังคับให้ดวงอาทิตย์ให้โผล่ทางทิศตะวันออกและลับลงทางทิศตะวันตก หากดวงอาทิตย์ไม่โผล่ขึ้นมาแน่นอนกิจการของมนุษย์ทุกวงการจะต้องหยุดชะงักและล่มสลายไปหมดสิ้น และเช่นกันหากดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นแต่ไม่ยอมลับดิน ค้างจ้าตลอดบนฟ้า...มนุษย์ทั้งโลกก็ไม่สามารถจะพักผ่อนหลับนอนได้ และต้องพินาศล้มตายในที่สุด... แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปราณีไม่ทรงปรารถนาเช่นนั้น พี่น้องครับ...เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เราก็จะตอบได้แล้วใช่ไหมว่า มันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่โลกนี้จะเกิดขึ้นเองโดยไม่มีผู้สร้าง เป็นไปไม่ได้...เพราะอะไรหรือ...?เพราะว่าถ้าหากโลกนี้มันสร้างตัวมันเอง การสร้างของมันจะต้องตั้งอยู่บนสองสมมุติฐานต่อไปนี้เท่านั้น... สมมุติฐานที่หนึ่ง...มันยังไม่มีตอนที่มันสร้างตัวมันเอง สมมุติฐานที่สอง...มันมีอยู่แล้วตอนที่มันสร้างตัวมันเอง เครื่องบินลำหนึ่งๆ อยู่ๆไม่ใช่ว่ามันจะเกิดเป็นเครื่องบินขึ้นมาเอง แต่มันต้องมีสถาปนิกผู้ออกแบบ มีวิศวกรผู้คำนวณ และมีช่างผู้สร้างมันขึ้นมา มันถึงได้กลายมาเป็นเครื่องบินที่มีระบบการทำงานที่สมบูรณ์ สามารถบินได้ ดังนั้นเป็นเรื่องไร้สติปัาเหลือเกินถ้าผมจะบอกว่า เครื่องบินนั้นเกิดขึ้นมาโดยบังเอิ! เช่นเดียวกันธรรมชาติซึ่งมีกลไกมีระบบที่ซับซ้อนมากกว่าเครื่องบินหลายเท่า ถ้าใครจะบอกว่ามันเกิดขึ้นมาโดยบังเอิก็คงโง่เขลายิ่งกว่าที่ผมบอกว่าเครื่องบินเกิดมาโดยบังเอิซะอีก! เราอย่าว่าไปถึงธรรมชาติทั้งหมดเลย เราเอาแค่นกก็พอ แค่นี้ก็เยี่ยมยอดกว่าเครื่องบินแล้ว เพราะเครื่องบินไม่มีสมองคิด ไม่สามารถผสมพันธุ์และฟักไข่แล้วคอยนำอาหารมาป้อนให้ลูก ไม่สามารถถ่ายทอดดีเอ็นเอจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่งเพื่อกำเนิดเครื่องบินมาใหม่อีกลำ! เพราะฉะนั้นความศรัทธาในพระเจ้า จึงเป็นสัจธรรมไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อและงมงาย ดังนั้นใครที่ต้องการจะปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าจึงมีทางออกเดียวคือ
หลอกตัวเอง! ไม่ยอมรับความจริง! สำหรับใครที่บอกว่าไม่มีพระเจ้า ด้วยความที่ไม่รู้นิยามของคำว่าพระเจ้านั้น ผมก็จะขอบอกว่ามุสลิมเราก็เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าเช่นกัน! เพราะหากเราพูดถึงคำว่าพระเจ้าแล้ว ผู้คนก็มักจะนึกไปถึงเทพเจ้าที่อยู่บนเมฆ เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งน้ำ เทพแห่งการกีฬา เทพแห่งศิลปะ เทพแห่งการทำลายล้าง ฯลฯ ซึ่งพระเจ้าเหล่านี้อิสลามก็เชื่อว่าไม่มีเช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงจากจินตนาการเพ้อฝันของมนุษย์ แต่ถ้ามันจะมีจริงๆขึ้นมาแล้วล่ะก็ มันก็คือสิ่งที่อยู่ภายใต้กฎธรรมชาติอีกที ก็คือถูกสร้างมาโดยอัลลอฮฺผู้ซึ่งสร้างธรรมชาติมานั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นชาวกรีก ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาวอาหรับเองก็เชื่อว่ามีเทพเจ้าเหล่านี้โดยที่ชาวมักกะฮฺในอดีตนั้นก็เคารพบูชาเทพเจ้าหลายองค์และปั้นรูปขึ้นมาเคารพบูชา แล้วให้เทพเจ้าทั้งหลายนำคำวิงวอนขอพรไปให้ทูลแก่อัลลอฮฺพระเจ้าสูงสุดเพื่อประทานพรมาให้มนุษย์อีกที แต่อัลลอฮฺได้ยืนยันให้มนุษย์รู้ว่าเทพเจ้าเหล่านั้นไม่มีจริง มันเป็นจินตนาการที่มนุษย์เสกสรรปั้นแต่งขึ้นเอง โดยที่อัลลอฮฺได้ให้ทุกๆศาสดาที่พระองค์แต่งตั้งนั้นมาสอนคำพูดเดียวกันว่า
“ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ” รวมทั้งท่านนบีมุฮัมมัดก็ต้องทำหน้าที่นำประโยคนี้มาสอนแก่มนุษยชาติเช่นกัน ดังนั้นประโยคนี้จึงเป็นคำพูดที่สำคัที่สุดของมุสลิม และสำหรับคนที่เข้ารับอิสลามคำกล่าวแรกที่เขาต้องพูดก็คือคำว่า
“ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “ไม่มีพระเจ้า แต่มีอัลลอฮฺ” หรือที่เราให้ความหมายให้มีสำนวนที่ถูกต้องว่า“ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เราควรเครพและบูชานอกจากอัลลอฮฺ”นั่นเอง ถ้าเราเคลียร์ความเชื่อตรงนี้ได้มันก็คือทางไปสู่สวรรค์ พระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์มาอย่างไร้จุดหมายหรือให้มนุษย์ใช้ชีวิตบนโลกอย่างไม่รู้จักบุคุณของพระองค์เลย แต่ได้ส่งบรรดาผู้สอนสัจธรรมมาทุกยุค ทุกสมัยให้มาประกาศว่า ให้ทุกคนปฏิบัติตัวตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺแท้จริง คัมภีร์อัลกุรอานนั้นคือพระดำรัสของอัลลอฮฺ มิใช่เป็นคำกล่าวของชัยฏอนผู้ที่ถูกสาปแช่ง และอัลกุรอานนั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นข้อตักเตือนแก่ประชาชาติทั้งมวล สำหรับผู้ที่ประสงค์ในหมู่พวกเราที่จะอยู่ในทางอันเที่ยงตรงและที่จะดำรงชีวิตตามสัจธรรม และพวกเราจะไม่มีความสามารถในการกระทำสิ่งใด เว้นแต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ ดังนั้น จงขอความสมประสงค์จากอัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลก เพื่อให้พวกเราทั้งหลายบรรลุสู่แนวทางที่ดียิ่งเถิด โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย! ด้วยความรักและห่วงใยจากฉัน ซึ่งฉันในฐานะเป็นผู้สืบทอดศาสนาที่ท่านอาดัมและบรรดาศาสนทูตของอัลลอฮฺได้นับถือมา ฉันขอเชิชวนพวกท่านทั้งหลายจงหันกลับมานับถือศาสนาอิสลามกันเถิดท่านจงกล่าวเถิด คำปฏิาณว่า:
“ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮฺ” ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ
แน่นอน ท่านจะพบกับความสันติสุขในโลกนี้ และท่านจะพ้นจากไฟนรก และจะได้เข้าสวนสวรรค์ในวันปรโลก.
หากท่านอยากรู้เพิ่มเติมติดต่อได้ที่ ศูนย์เผยแผ่ศาสนาอิสลาม
Email: jalaludin_dw@hotmail.com