ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - กุรอ่านมะญีด...ผิดตรงใหน??
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
กุรอ่านมะญีด...ผิดตรงใหน??
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
hamzah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 05/05/2004
ตอบ: 34


ตอบตอบ: Mon Sep 24, 2007 2:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เอ่อ...บัง ชารีฟ ครับ แล้ว อาจารย์ดิเรก แปล เหมือนกอดิยานีย์ ทั้งหมด รึปาว ครับ?

แล้ว ตกลง ว่า บัง ชารีฟ เชื่อ ว่าอาจารย์ ดิเรก เป็นกอดิยานีย์ ใช่มั๊ย ครับ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
คนที่เดินผ่าน
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006
ตอบ: 104
ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com

ตอบตอบ: Mon Sep 24, 2007 5:13 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
…ตัวผมตั้งใจไว้ว่าเดือนรอมดอนนี้ จะไม่ข้องแวะกับเรื่องใดๆ หยุดพักฟิตนะต่างๆ เพื่อต้องการให้การถือศีลอดของผมนั้นสมบูรณ์ แล้วหลังจากนั้นแล้วมาต่อกันให้จบ…
…อาจมีคนเข้าใจข้อความของผมผิดไป ผมไม่ถือสา เพราะศัพย์ที่ผมใช้เป็นศัพย์ที่วัยรุ่นใช้กัน เป็นศัพย์แสลง …
…มาเข้าเรื่องดีกว่า อายะห์นี้ ผู้ที่จุดไฟ ไม่ใช่ประเด็นเลย เป็นการวิเคราะห์ของคุณ AlGhuraba ผมพอมีข้อมูลที่คุณ AlGhuraba ต้องการ ผมก็นำเสนอเท่านั้น…
…จะว่าไปแล้วปัญหาความหมายของอายะห์นี้ ข้อความที่ อ. Asan อธิบายนั้น ก็เพียงพอแล้ว สำหรับปัญหานี้ ไม่น่าจะลากมาไกล เลย…
…ที่เป็นปัญหาสำหรับบางคนก็คือ ไปเหมือน ก็อดยานีย์ เท่านั้น เอง เพราะบางคนไม่ได้ใส่ใจในความหมาย แต่ใส่ใจแค่เหมือนหรือไม่เหมือนเท่านั้น…
…ผมจะนำเสนอคำอธิบาย อายะห์นี้ ของ อ.ดารี บินอะหมัด (ร่อฮิมุลลอฮ) แล้วเปรียบเทียบกับ อ.ดิเรก ( ร่อฮิมุลลอฮ )ว่าความหมายใกล้เคียงกันหรือเปล่า ผู้อ่านควรเป็นผู้เข้าใจภาษาไทยดี และไม่อัคคติ …
…อ.ดารี ให้ความหมาย ผู้ที่จุดไฟ เป็น ผู้ที่ขอให้จุดไฟ ( ความหมายคนละอย่างกันนะครับ คนจุด กับคนที่ขอให้จุด ) และอธิบายอายะห็นี้ดีมากๆ อ่านครั้งเดียวเข้าใจเลย…
… “ อุปมาของพวกเขานั้น ดั่งอุปมัยของผู้ที่ขอให้จุดไฟขึ้น ดังนั้นเมื่อไฟให้แสงสว่างแก่สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขา อัลลอฮก็ทรงนำเอาแสงสว่างจากพวกเขาไป และปล่อยพวกเขาไปในความมืดมิด ซึ่งพวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นได้ “ อัลลอฮ ทรงเปรียบเทียบสภาพของพวกมุนาฟิก ขณะที่พวกเขาเข้ารับนับถืออิสลามใหม่ๆ โดยที่แสงแห่งอีมานได้ส่องเขาไปในหัวใจของพวกเขาขณะหนึ่ง แต่แล้วความสงสัยแคลงใจก็เกิดขึ้นแก่พวกเขา ทำให้เขาปฏิเสธการศรัทธานั้นเสีย เนื่องจากความไม่เข้าใจคุณค่าของอิสลาม แสงแห่งอีมานซึ่งเคยส่องในหัวใจของพวกเขาขณะหนึ่งก็พลันดับวูบ ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นทางที่ถูกต่อไปอีกนั้น พระองค์ทรงเปรียบเทียบสภาพของพวกเขาว่า เหมือนกับสภาพของผูที่ขอร้องให้จุดไฟขึ้น เมื่อไฟได้ให้แสงสว่างแก่สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขาแล้วก็มีฝนหรือลมพายุมาดับไฟนั้นเสีย ทำให้เขาตกอยู่ในความมือมิอมองไม่เห็นอะไร ( ตัฟซีร อัลฟุรกอน ภาคที่ 1 หน้า 50 – 51 )…
…เปรียบเทียบ กับอ.ดิเรก “ อุปมาของพวกเขาดั่งอุปใมยของผู้(หนึ่งเช่นมูฮำหมัดเมื่อเขา)จุดไฟ(เพื่อส่องสว่างแก่โลก)ดังนั้นเมื่อมันส่องสว่างสิ่งที่อยู่รอบๆพวกเขา อัลลอฮ์ทรงขจัดแสงสว่าง(จากสายตา)ของพวกเขา(เนื่องจากความดื้อด้านหลับตาต่อสัจธรรมในอิสลามซึ่งมุหัมมัดได้ส่องขึ้นและทรงละพวกเขาไว้ในความมือทึบ พวกเขามองไม่เห็น(6:39)…
…สังเกตุข้อความที่ขีดเส็นใต้ ของ อ.ดารี ผู้ที่นำอิสลามมาประกาศคือใคร ก็คือ ท่านร่อซูลลุลลอฮ นั่นเอง …
…อายะห์นี้ เป็นการอุปมาอุปมัย มันเข้าใจได้ 2 มิติ สรุปแล้วมันก็ต้องย้อนไปที่ อ.asan อธิบายนั้น คือ คำอธิบายอายะฮข้างต้นมีความหลากหลาย ไม่มีอุลามาอ์คนใหนตัดสินว่า แบบใหนผิด แบบใหนถูก และอุทาหรณ์ดังกล่าวไม่ได้เฉพาะพวกมุนาฟิกูนในสมัยของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่ใครก็ตามที่ เมื่อได้รับทางนำแล้ว ต่อมาเขาได้ทอดทิ้งทางนำไป เพราะ ความกลับกลอก และความลังเลของเขา เขาก็ไม่ต่างกับบรรดาพวกสัปปลับหรือกลักกลอกดังกล่าว ดังนั้น การแปลของอาจารย์ดิเรก อธิบายว่า อุปมาดังที่ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้นำแสงสว่างแห่งทางนำมายังชาวโลก แล้วผู้ที่มองไม่เห็นคุณค่าแสงสว่างแห่งทางนำ และไม่นำมาปฏิบัติเพราะความดื้อรั้น เขาก็ตกอยู่ในความมืดแห่งความหลงผิดต่อไป จึงไม่ทราบว่าถ้าอธิบายลักษณะนี้ กลายเป็นก็อดยานีย์ เป็นกาเฟร เชียวหรือ …
…ผมก็ไม่ทราบว่า อายะห์นี้กลายเป็นประเด็นมาได้อย่างไร…
…หรือเพราะใครบางคนจะไม่สนใจในความหมาย แต่เพียงสนใจว่าไปเหมือนใครเท่านั้น…

wassalam

ปล. “ ยินดีน้อมรับคำชี้แนะ ทุกรูปแบบ “
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุสลิม72
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 08/09/2005
ตอบ: 63


ตอบตอบ: Tue Sep 25, 2007 11:27 am    ชื่อกระทู้: อ่านให้ดี คูรดะห์รี บอกว่าผู้ที่ขอให้จุดไฟคือใคร??? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณคนเดินผ่านทางครับ ขอบคุณสำหรับภาษาอุรดู ของตัฟฮีมุลกุรอ่านแต่เสียดายไม่มีใครแปลเป็นไทยให้ชาวบ้านอย่างผมได้เข้าใจบ้าง ถ้าจะให้ดีช่วยหาคำแปลภาษาไทยให้หน่อยนะครับ
คราวนี้มาดู ข้อความของครูดะห์รีที่คุณยกมา "“ อัลลอฮ ทรงเปรียบเทียบสภาพของพวกมุนาฟิก ขณะที่พวกเขาเข้ารับนับถืออิสลามใหม่ๆ............พระองค์ทรงเปรียบเทียบสภาพของพวกเขาว่า เหมือนกับสภาพของผูที่ขอร้องให้จุดไฟขึ้น " คุณอ่านแล้วเข้าใจว่ามันต่างจาก ตัฟซีรที่เป้นที่ยอมรับของผู้รู้อย่างที่ผมยกมาให้ดูที่ต้นกระทู้อย่างไร? เขียนให้เข้าใจง่ายๆ มุนาฟิก เสมือน ผู้จุดไฟ ......พอไฟดับก็หลงอยู่ในความมืดอย่างตาบอดหูหนวก........
แล้วไปอ่านกุรอ่านมะญีด "อุปมาของพวกเขา(มุนาฟิก)ดั่งอุปใมยของผู้(หนึ่งเช่นมูฮำหมัดเมื่อเขา)จุดไฟ....... เขียนให้เข้าใจง่ายๆ มุนาฟิก เสมือน ..... อะอูซุบิลลาฮ์ มินัลญะฮล์...

และถ้าคุณพอมีความรู้ภาษาอาหรับอยู่บ้างก็นะจะเข้าใจ คำว่าغفرกับ استغفر
ว่ามันให้ความหมายต่างกันอย่างไร และทำไมครูดะห์รี่ ถึงแปลงว่า ผู้ที่ขอให้จุดไฟ wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
คนที่เดินผ่าน
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006
ตอบ: 104
ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com

ตอบตอบ: Tue Sep 25, 2007 2:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
…อายะห์นี้จริงๆแล้วง่ายต่อความเข้าใจมากๆ อัลกุรอานมีความลึกซึ้งมากและเปิดกว้าง เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม บอกแล้วไงว่า ใครจะจุดไม่จุดไม่ใช่ปัญหา…
…ถ้าอ่านตั้งแต่อายะห์แรก ไล่เรื่อยมา ก็จะเข้าใจความหมายโดยรวม และจะไม่มาสะดุดอะไร หากใครยังไม่เข้าใจอีก ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคลคนนั้น แล้วจะให้ใครช่วยได้ครับ…
wassalam
ปล. .…ถ้าใครไม่เข้าใจก็อ่านข้อความนี้ ซ้ำไปซ้ำมา จนกว่าจะเข้าใจ “ คำอธิบายอายะฮข้างต้นมีความหลากหลาย ไม่มีอุลามาอ์คนใหนตัดสินว่า แบบใหนผิด แบบใหนถูก และอุทาหรณ์ดังกล่าวไม่ได้เฉพาะพวกมุนาฟิกูนในสมัยของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่ใครก็ตามที่ เมื่อได้รับทางนำแล้ว ต่อมาเขาได้ทอดทิ้งทางนำไป เพราะ ความกลับกลอก และความลังเลของเขา เขาก็ไม่ต่างกับบรรดาพวกสัปปลับหรือกลักกลอกดังกล่าว ดังนั้น การแปลของอาจารย์ดิเรก อธิบายว่า อุปมาดังที่ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้นำแสงสว่างแห่งทางนำมายังชาวโลก แล้วผู้ที่มองไม่เห็นคุณค่าแสงสว่างแห่งทางนำ และไม่นำมาปฏิบัติเพราะความดื้อรั้น เขาก็ตกอยู่ในความมืดแห่งความหลงผิดต่อไป จึงไม่ทราบว่าถ้าอธิบายลักษณะนี้ กลายเป็นก็อดยานีย์ เป็นกาเฟร เชียวหรือ “ …
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Tue Sep 25, 2007 3:41 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ขอบคุณมากครับคุณ Johnie Walker สำหรับสำเนา เมาดูดี ที่นำมาเสริม แต่อยากทราบว่าคำแปลภาษาอังกฤษนั้นเป็น version ไหนซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะใกล้เคียง คือถูกต้องตามสำนวนอุรดูเดิมๆ มากกว่าฉบับที่อาจารย์บรรจงใช้แปล ด้วยเหตุนี้ความเพี้ยนจึงถ่ายทอดต่อมาใน version ภาษาไทยด้วย ซึ่งผมจะเทียบให้ดูดังนี้

ตามสำเนาของคุณ

..(2:17) Their condition may be described in a parable: a man kindled a fire and when it illuminated all around him, Allah took away the light from their eyes and left them in utter darkness, where they could not see anything. *16 ..

...*16. This means that two opposite effects emerged when a true servant of God radiated the light which made it possible to distinguish true from false and right from wrong, and made the straight way distinct from the ways of error. To those endowed with true perception, all truths became evident. But those who were almost blinded by the worship of their animal desires perceived nothing.
The expression, 'Allah took away the light of their perception' should not create the impression that these people were not responsible for their stumbling into darkness. Only those who do not seek the Truth, who prefer error to guidance and who are adamantly disinclined to pursue the Truth despite its luminosity, are deprived, by God, of the light of their perception. God simply enables such people to do what they wish. ...


คำแปลอายะฮฺผ่านไปก่อนละกันนะครับ จับตรงคำอธิบายเลยว่า

นี่หมายความว่า เกิดผลซึ่งตรงข้ามกันสองอย่างอุบัติขึ้นเมื่อบ่าวที่แท้จริงคนหนึ่งของอัลลอฮฺจุดประทีปโคมไฟซึ่งทำให้สามารถจำแนกแยกแยะความจริงจากความเท็จ ของถูกจากของผิดได้ และทำให้หนทางที่เที่ยงตรงโดดเด่นชัดเจนขึ้นมาจากหนทางแห่งการหลงผิดทั้งหลาย สำหรับคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะมองเห็นสัจธรรมทั้งหมดได้อย่างกระจ่างชัด ส่วนผู้ที่เกือบจะมืดบอดด้วยการเทิดทูนบูชาอารมณ์ฝ่ายต่ำเยี่ยงเดรัจฉานของตนนั้นกลับมองไม่เห็นสิ่งใดเลย .... (เอาแค่นี้พอนะ)

เทียบกับ version ของ ชัยค์มุหัมมัด อักบัร ที่อาจารย์บรรจงใช้เป็นต้นฉบับงานแปล มีว่า

2:17 Their condition may be described in a parable : a man kindled a fire and when it illuminated all around him, Allah took away the light from their eyes and left them in utter darkness, where they could not see anything.(16)

(16)The parable means that when a person, Muhammad(Allah’s peace be upon him), spread the light of Truth that discriminated right from wrong and virtue from vice, those who used their faculties properly began to distinguish between these things. But the hypocrites, who were blinded by self-interest, could not see the right path even with the help of this light.


คำแปลข้อความอายะฮฺใช้สำนวนเดียวกันเลย ต่างกันที่คำอธิบาย คือ
-----------------------
[color=green2:17 สภาพของพวกเขาอาจอุปมาได้ดังชายคนหนึ่งได้จุดไฟขึ้น และเมื่อมันส่องสว่างสิ่งที่อยู่รอบๆเขา อัลลอฮฺก็ได้เอาแสงสว่างนั้นออกไปจากตาของพวกเขาและปล่อยพวกเขาไว้ในความมืดทึบที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด16

16 คำอุปมานี้หมายความว่าเมื่อบุคคลผู้หนึ่ง คือมุฮัมมัด(ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)ส่องแสงแห่งสัจธรรมที่จำแนกแยกแยะความผิดออกจากความถูกต้อง และแยกคุณธรรมออกจากความชั่ว บรรดาผู้ที่ใช้สติปัญญาความสามารถอย่างถูกต้องก็เริ่มที่จะแยกแยะสิ่งเหล่านี้ แต่พวกสับปลับที่ถูกผลประโยชน์ส่วนตัวทำให้ดวงตามืดบอดไม่สามารถที่จะมองเห็นหนทางที่ถูกต้องแม้จะมีแสงสว่างช่วยแล้วก็ตาม”[/color]
-------------------------------------
จะเห็นว่าต่างกันตรงที่ในต้นฉบับอุรดูกล่าวเพียงว่า “บ่าวที่แท้จริงคนหนึ่ง” แต่อีกฉบับหนึ่งระบุไปเลยว่าคือ มุฮัมมัด ข้อความที่ระบุว่าผู้จุดไฟคือท่านนบีมุฮัมมัดนี้น่าจะเป็นส่วนที่ผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษ (ชัยค์มุหัมมัด อักบัร) เสริมเข้ามาเองจากต้นฉบับตัฟฮีมุลกุรอาน ภาษาอุรดูของ อบุลอะอฺลา เมาดูดี โดยในต้นฉบับอุรดูจริงๆนั้นไม่มีข้อความเจาะจงดังกล่าว ผมคิดว่าถ้าเราจะพิจารณาข้อความนี้โดยลำพังก็คงยอมรับได้ว่าเนื้อหาไม่มีอะไรผิด แต่ถ้าจะนำมาเป็นบทขยายความอรรถาธิบายอายะฮฺนี้ น่าจะไม่ถูกต้อง เนื่องจาก

1. เนื้อหาในอายะฮฺก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกมุนาฟิกฺ คืออัลลอฮฺทรงมีดำรัสว่า
“และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าพวกท่านจงศรัทธาเยี่ยงที่ประชาชนเขาศรัทธากันซิ พวกเขาก็กล่าวว่าจะให้เราศรัทธาเยี่ยงผู้โฉดเขลาเหล่านั้นศรัทธากันกระนั้นหรือ? พึงรู้เถิดว่าพวกเขาเองนั่นแหละเป็นผู้ที่โฉดเขลาแต่พวกเขาหารู้ไม่ และเมื่อพวกเขาพบบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขาก็กล่าวว่า เราศรัทธาแล้ว และเมื่อพวกเขาได้ร่วมอยู่กับบรรดาหัวโจกของพวกเขาแต่ลำพัง พวกเขาก็กล่าวว่า แท้จริงเรายังอยู่กับพวกท่าน ที่จริงเราเพียงแต่เป็นผู้เย้ยหยันเท่านั้น อัลลอฮฺทรงเย้ยหยันพวกเขา และจะทรงยืดเวลาให้พวกเขาระเหเร่ร่อนอยู่ในการละเมิดของพวกเขาต่อไป ชนเหล่านี้คือผู้ที่ซื้อทางหลงผิดด้วยทางที่ถูก ดังนั้นการค้าของพวกเขาจึงไม่ได้กำไร และทั้งพวกเขาก็ไม่เคยเป็นผู้รับเอาทางที่ถูกต้อง” (2:13-16)

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือมุนาฟิกฺ ดังนั้นคำเปรียบเทียบอุปมาอุปมัยที่ตามมาในอายะฮฺที่ 17 นี้จึงหมายถึงบุคคลประเภทเดียวกันคือ มุนาฟิกฺ จะมาตีความใช้กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอฺะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้

2 จริงอย่างที่คุณอ้างถึงคำอรรถาธิบายฉบับของ อ.ดารี ในคำว่า “อัลละซี อิสเตาเกฺาะดะ” อันนี้แปลว่า ผู้ที่ขอให้จุด(ไฟ) ไม่ใช่แปลว่า ผู้ที่จุดไฟเอง ตรงนี้นี่เองที่ทำให้ไขว้เขว เนื่องจากพอแปลว่าผู้ที่ถูกเปรียบอุปมาในอายะฮฺนี้คือผู้ที่จุดไฟให้แสงสว่างจึงทำให้เข้าใจว่าน่าจะเป็นท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอฺะลัยฮิวะสัลลัม ที่นำแสงสว่างจากอัลลอฮฺมาสู่มวลมนุษยชาติ แต่คำที่ใช้ในอายะฮฺนี้พูดถึงผู้ที่ขอให้จุดไฟขึ้น ขอให้มีการนำหลักฐาน นำความกระจ่างมาแสดง ครั้นเมื่อมีผู้นำความจริงอันนั้นมา พวกเขาก็กลับปฏิเสธ ต่อต้าน และพยายามทำลายล้าง จึงสมควรแล้วที่อัลลอฮฺจะ “นำแสงสว่างออกไปจากพวกเขา” และปล่อยให้หลงอยู่ในความมืดมนแห่งการดื้อรั้นนั้นต่อไป

3 เมื่อตรวจสอบกับตัฟสีรภาษาอรับเล่มอื่นต่างก็ให้ความหมายตรงกันว่าหมายถึง มุนาฟิกฺ ไม่ใช่หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด เช่น …

อัลกุรฏุบี : คำว่า “อัลละซี”(ผู้ซึ่ง..)ใช้ได้ทั้งกับเอกพจน์และพหูพจน์ …. ดังนั้น “มะษะลุฮุม กะ มะษะลิลละซี…”(อุปมาของพวกเขาอุปมัยดั่งผู้ที่…) จึงมีความหมายเท่ากับ “กะ มะษะลิลละซีนะ อิสเตาเกาะดู…”(อุปมัยดั่งบรรดาผู้ที่ขอให้จุดไฟ…)… และยังมีผู้อธิบายเป็นอีกแง่หนึ่งว่า ที่ระบุถึงบุคคลคนเดียวจากคำว่า “อัลละซี” และ “อิสเตาเกาะดะ” นั้นเนื่องจากผู้ที่ขอให้จุดไฟนั้นคือคนคนหนึ่งในกลุ่มนั้นvery goodหมายความว่าเป็นมุนาฟิกด้วยกัน-)ที่จัดการจุดไฟให้พวกนั้น … ดังนั้นคำว่า “อิสเตาเกาะดะ”(ขอให้จุดไฟ) ในที่นี้จึงใช้ในความหมายว่า “เอาเกาะดะ”(จุดไฟ)ได้ … นี่คือคำอธิบายของอัลอัคฟัช

ด้วยเหตุนี้ในคำแปลอัลกุรอานฉบับภาษาอังกฤษเล่มอื่นๆจึงแปลคำ“อิสเตาเกาะดะ”ว่า จุดไฟ แต่ก็ให้ความหมายของผู้ที่จุดไฟนี้ว่าเป็นมุนาฟิกฺเช่นกัน เช่น

อัฺบดุลลอฮฺ ยูสุฟอฺะลี : (38) เมื่อชายคนนั้นต้องการแสงสว่าง เพียงเขาจุดไฟขึ้นมันก็จะส่องสว่างขึ้นมาแล้วเขาก็ได้รับการสรรเสริญยินดีจากคนรอบข้าง แต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน ในที่สุดเปลวไฟก็มอดลงแล้วมันก็กลับมืดลงกว่าเดิม พวกเขาจึงหลงทางกันหมด นั่นคือการสับปลับตลบตะแลง การหลอกลวง และการเย่อหยิ่งจองหองที่มาพร้อมกับความชั่วช้า การเยาะเย้ยถากถาง หรือการล้อเลียนนั้นมันจะได้รับความนิยมชมชอบอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ทว่ารัศมีอันแท้จริงของความศรัทธาและความจริงจังต่างหากที่เป็นเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งแน่นอนความชั่วช้าเหล่านั้นมันย่อมจะนำทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยให้หลงไปจากทางที่ถูกต้องและจะทำลายล้างเขาให้ย่อยยับไปในที่สุด …

อัลลามะฮฺชาบิร อะหมัด อุษมานี (ตัฟสีรอุษมานี) : (28) อุปมาของพวกมุนาฟิกฺเหล่านี้เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่จุดไฟขึ้นกลางป่าเพื่อส่องทางในค่ำคืนอันมืดมิดที่มีเมฆหนาทึบ เมื่อไฟสว่างขึ้นทำให้สามารถมองเห็นทางได้อัลลอฮฺก็ทรงดับไฟนั้นเสีย เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในความมืด ณ กลางป่านั้นไม่สามารถจะมองเห็นอะไรได้เลย ในทำนองเดียวกับพวกมุนาฟิกฺ เนื่องจากพวกเขากลัวมุสลิมจึงได้พยายามเสาะแสวงแสงแห่งคำประกาศศรัทธาซึ่งยังประโยชน์แก่พวกเขาได้เพียงน้อยนิด คือได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่เมื่อใดที่แสงแห่งคำประกาศศรัทธานั้นและผลประโยชน์ต่างๆมลายไป และทันทีที่เขาจบชีวิตลงเขาก็จะต้องประสบกับชะตากรรมอันน่าอดสูและการลงโทษอันเจ็บแสบ

นี่คือตัวอย่างการอรรถาธิบายอายะฮฺนี้โดยนักวิชาการต่างๆ ซึ่งต่างก็อธิบายตรงกันว่า “ผู้ที่จุดไฟ” หรือ “ผู้ที่ขอให้จุดไฟ”ในที่นี้คือพวกมุนาฟิกฺไม่ใช่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอฺะลัยฮิวะสัลลัม -วัลลอฮุอะอฺลัม!

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผมสำหรับคำแปลที่แตกต่างกันของอายะฮฺนี้ ยังไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่านั่นคือทรรศนะ กอดิยานี เพราะความเข้าใจของบุคคลอาจแตกต่างคลาดเคลื่อนไปได้ แต่เป็นเพียงสิ่งที่ควรมาช่วยกันวิเคราะห์ถึงความถูกผิดของแต่ละทรรศนะ แต่ละสำนวนมากกว่าครับ

และก็ขอย้ำอีกครั้งว่า ผมเข้าใจว่ากระทู้นี้คือการพยายามหาข้อผิดพลาดของกุรอานมะญีด เพื่อการปรับปรุงแก้ไข และปกป้องเยาวชนของเราในอนาคตมิให้รับสิ่งผิดๆ ที่อาจจะมีแทรกอยู่ในนั้น ไม่ใช่การระบุว่าใครคนหนึ่งซึ่งตายไปแล้ว ใช่ หรือ ไม่ใช่ กอดิยานี...เป็นอย่างนี้รึป่าวครับคุณ “มุสลิม72” ?


wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
IRF
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005
ตอบ: 155


ตอบตอบ: Tue Sep 25, 2007 8:01 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บัง asanถามว่า

: น้องมุสลิม 72 ครับ นอกเรื่องแล้วนะครับ คือ บังต้องการให้น้องและคุณชารีฟ ชี้ชัดว่า จุดใหนที่อ.ดิเรก แปลผิดร้ายแรง จนต้องถูกประนามว่า "กอ็ดยานีย์เมืองไทย" ________________________________________

มุสลิม 72 ตอบว่า

:
แหม่บังก็ไม่น่าเกิดอารมณ์เลย ก็ผมเห็นบังมีตัฟสีร เยอะ แปลก็เก่ง เราน่าจะร่วมมือกันหาความจริงให้สังคมได้รับทราบไม่ใข่หรือครับ เอาน่าใหนๆบังก็ขอให้ผมชี้ว่าผิดตรงใหน? บังก็ช่วยผมด้วยแล้วกัน อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชี้เองด้วย พอดีมีคนเขาอาสาคัดมาให้นะบังว่า กุรอ่านมะญีด ผิดตรงใหน? ตามที่บังถาม อีกอย่างที่ตั้งกระทู้นี้ ผมไม่ได้บอก หรือกล่าวหาใครว่าเป็น ก๊อดยานีย์ เป็นการเฟร และก็ไม่มีประสงค์จะเปิดโปงใครโดยเฉพาะคนที่ไปสอนใครบอกใครอีกไม่ได้แล้ว(เพราะนอนอยู่ในกุโบร์) แต่ต้องการจะชี้ให้สังคมทราบว่า ในปลาทอดหอมกรุ่นที่วางอยู่ข้างหน้ารอให้ทุกคนตักใส่ปาก มันมีก้างที่พร้อมจะสร้างความเจ็บปวดให้กับคนกินได้โดยเฉพาะเด็กๆที่ไม่รู้ว่าตรงใหนเนื้อ ตรงใหนก้าง่.....ก็ช่วยๆกันนะ


----->>>>>>>

ตอบตรงประเด็นรึเปล่า?? ครับพี่น้อง

จุดสำคัญของปัญหา "รู้ทันก็อดยานีย์" แสดงว่าประเด็นเราต้องคุยกันเรื่องก็อดยานีย์
ไม่ใช่พูดเรื่องก็อดยานีย์อยู่ แต่พอถามว่าว่าใครเป็นก็อดยานีย์ช่วยชี้ให้ชัดๆซิ? กลับไม่กล้าชี้
(เฮ่ยเปล่าๆ เราไม่ได้พูดว่าใครเป็นก็อดยานีย์ซะหน่อย
เราพูดแค่ว่ามีคนบิดเบือนกุรอาน เราต้องช่วยกันปกป้อง...) มันจะมาอีหรอบนี้ประจำ
คือเราต้องการลูกผู้ชาย ไม่ใช่อีแอบ .. ปลุกกระแสก็อดยานีย์ ..แต่พอจี้ให้ชี้ว่าไหนล่ะก็อดยานีย์
กลับบอก เปล่าๆ..เราไม่ได้ว่าใคร ..เออ เวย..

ฉะนั้น ...ย้ำคำพูดเดิมครับ

>>> เรื่องที่ตรงกัน ไม่ต้องเอามาพูด.
. เรื่องที่ว่ากุรอานมีคนแปลผิด ตีความผิด ต้องชี้แจง ต้องแก้ไข ..เออ อันนี้ก็ตรงกันล่ะครับ
ฉะนั้นไม่ตรงเอามาพูด


แต่ปัญหาที่เป็นอยู่คือไม่ใช่ว่าต้องการปกป้องอากีดะฮฺหรอกครับ (อันนั้นเป็นแค่ลู่ทาง)
เป้าหมายจริงๆคือจะคว่ำเชคริฎอ อ.มุรีด และสื่ออนุรักษ์ ..ก็เท่านั้นแหละ
(คือเราไม่ได้ไปรู้เนียต แต่พฤติกรรมมันฟ้อง)

จริงๆแล้วจะตีกลุ่มนี้ด้วยการตีผีก็อดยานีย์หรือเห่าเงา(ตามๆกันนั้น)
มันจะได้ผลเฉพาะคนโง่กลุ่มเล็กๆที่ไม่รู้วิชาการก็เท่านั้นแหละครับ
แต่คนที่มีปัญญา ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาเค้ารู้ทันเกมจับประเด็นถูกครับ

......>>>>

นักวิชาการสลาฟิยูนทุกคน(รวมถึงที่แอบย่องเข้ามาโพสต์ๆในเว็บนี้) ผมแนะนำต้องไปศึกษาจากเชคริฎอครับ จริงๆน่ะแนวทางสลัฟพวกคุณก็รู้กันอยู่แล้ว
แต่ให้ศึกษาโดยละเอียดเข้าไปอีกจากเชคริฎอครับ จริงๆนะครับ
คือจะได้แนวสลัฟแท้ๆเลย (ไม่ใช่แค่คุยโม้ว่าตัวเป็นแนวสลัฟ)
ณ ปัจจุบันนี้เรามีปัญหารอบด้านที่ฟิตนะฮฺต่อแนวสลัฟ ไม่ว่าจะพวกชีอะฮฺ
พวกสายกลางที่ชอบตีแนวสลัฟว่าสุดโต่ง ..โอยเยอะแยะ
เรามาร่วมกันสนับสนุนคนที่เค้าเป็นสลัฟจริงๆเถอะครับ
ยิ่งอ.อิสหากนี่ผมแนะนำว่าต้องศึกษาจากเชคริฎอเยอะๆเลยครับ
เพราะอ.อิสหาก เป็นคนที่พูดเก่ง คมคาย ลีลาดี
แล้วชาวบ้านเค้าไม่รู้วิชาการนักหรอกครับ เค้าก็มักมองว่าโหคนนี้แหละรู้จริง (เค้าดูฟอร์ม)
แบบนี้อันตราย ฉะนั้นผมแนะนำครับให้อ.อิสหากมาศึกษาแนวสลัฟจากเชคริฎอเพิ่มเติม
จะได้เอาไปสอนชาวบ้านอย่างถูกต้องมากขึ้นครับ

www.islaminthailand.com
ใครอยากรู้แนวสลัฟแท้ๆเข้าไปศึกษาได้ครับ .....ใครว่าคนอื่นเค้าไม่ปกป้องอากีดะฮฺ
...แหกตากันไม่ได้ครับยุคนี้ การสื่อสารเจริญแล้ว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
IRF
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005
ตอบ: 155


ตอบตอบ: Tue Sep 25, 2007 8:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปล. ผมเป็นคนที่ชอบเอ่ยชื่อครับ
เพราะการไม่เอ่ยชื่อก็ค่าเท่านั้นแหละ เพราะคนเค้าก็รู้กันอยู่ดีว่าพูดถึงใคร

ปล. จะสังเกตได้ว่า ผมแนะนำเฉพาะอ.อิสหากนะครับ เพราะท่านเป็นนักวิชาการ
ส่วนบังคอลิด ปานตระกูล ผมแนะนำว่าท่านไม่ต้องขึ้นบรรยายหรอกครับ
เพราะระดับความรู้ของท่านไม่ใช่นักวิชาการ ลงมาคุยภาษาชาวบ้านๆล่างเวทีกับพวกผมดีกว่า
อัดวิดีโอไว้ด้วย (แล้วก็อย่าให้เทปหายเหมือนกับชุดที่เชคริฎอ คุยกับอ.อิสหากอีกล่ะ เราจะเก็บเทปไว้เอง)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
hamzah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 05/05/2004
ตอบ: 34


ตอบตอบ: Wed Sep 26, 2007 1:28 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Laughing
เครื่องรอบจัดจังแหะ...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุสลิม72
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 08/09/2005
ตอบ: 63


ตอบตอบ: Wed Sep 26, 2007 10:44 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุณครับคุณAlGhuraba ที่มาช่วยแปลให้ชาวบ้านอย่างผมได้เข้าใจตัฟฮีมุลกุรอ่านทั้งอุรดู และภาษาฝรั่ง และเรื่องจุดประสงค์ของกระทู้อย่างที่ท่านเข้าใจหนะ แม้นแล้ว
ส่วนคุณ IRF ถ้าจะให้ดีขอให้ไปอาบน้ำละหมาด แล้วละหมาดซุนนะห์สักสองร่อกะอัต แล้วไปดูที่ต้นกระทู้ว่าผมเขียนภาษาไทยว่างัย อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ถามบังอะสันก็ได้นะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุสลิม72
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 08/09/2005
ตอบ: 63


ตอบตอบ: Wed Sep 26, 2007 11:31 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณIRF ครับ ใหนๆคุณก็เคยอ้างว่า" รวมถึงนักวิชาการที่ถูกพาดพิง และถูกเอ่ยชื่อกล่าวหาในรายการวิทยุ ได้แก่ เชคริฎอ สมะดี, อ.มุรีด ทิมะเสน, อ.มุสฏอฟา อยู่เป็นสุข และ อ.ฟาริด เฟ็นดี้ ทั้ง 4 ท่านก็ให้ทรรศนะตรงกันว่า หนังสือของอ.ดิเรก คือกุรอานมะญีดนั้น มีหลักอะกีดะฮฺที่ผิดเพี้ยน (ไม่มีใครรับรองว่าถูกต้อง)"
คงไม่ลืมนะว่าพูดไว้ที่ใหนหว่า? ก็ช่วยกันอีกแรงซิ ว่า ที่ผิดเพี้ยนหนะมันผิดตรงใหน? แล้วจะแก้กันอย่างไร? อาจาน 4 ท่านที่ว่านี่เคยบอกรึเปล่า?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
hamzah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 05/05/2004
ตอบ: 34


ตอบตอบ: Thu Sep 27, 2007 1:24 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เอ้า วนมาคำถามเดิมอีกแล้ว.... ถามไปยังไม่ได้ตอบนี่ครับตกลงรู้หรือไม่รู้ครับ ว่า มัน ผิดตรงไหน เลยมาถามกลับ แบบนี้.......เอาเป็นว่า รู้หรือไม่รู้ครับ ว่าผิดตรงไหน? บังมุสลิม 72
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุสลิม72
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 08/09/2005
ตอบ: 63


ตอบตอบ: Thu Sep 27, 2007 10:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

hamzah บันทึก:
เอ้า วนมาคำถามเดิมอีกแล้ว.... ถามไปยังไม่ได้ตอบนี่ครับตกลงรู้หรือไม่รู้ครับ ว่า มัน ผิดตรงไหน เลยมาถามกลับ แบบนี้.......เอาเป็นว่า รู้หรือไม่รู้ครับ ว่าผิดตรงไหน? บังมุสลิม 72

อ่านมานี่หน้าที่3แล้ว ยังไม่รู้อีกหรือนู๋ ว่าผิดตรงใหน? ขอดุอาเยอะๆนะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
อิลยาส
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005
ตอบ: 279


ตอบตอบ: Thu Sep 27, 2007 4:44 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอลัยกุม..
คุยกันดีๆ..มีสัมพันธ์นะคั๊บ...คุยเชิงวิชาการ..ถ้าจามาเนบแนมกัน..มันก้อไม่มีประโยชน์นะคั๊บ..ผมไม่ทราบว่า
คุนเอฟเอฟมีตุดยืนเรื่องวิชาการแบบไหน..หรือได้มาอย่างไร..
เริ่มต้นของเรื่องดีก่านะคั๊บ..(เริ่มใหม่เพราะถามไปห้าข้อยังไม่มีคำตอบเรย)
- กรุอานมะญีด ผิดที่แปลมาจาก กิตาบของ ชาวอะกีย์ดะฮฺกอดยานีย์ (ไม่ต้องถามอีกนะ..ว่าผิดตรงไหนบ้าง)
- กรุอานมะญีด ผิดที่แปลมาจากภาษาอื่นจากอาหรับ..(ถ่ายทอดกรุอานด้วยภาษาอื่น)
- กรุอานมะญีด ผิดที่ถูกแปลโดย ผู้หวังดีที่ไม่มความรู้ในวิชาอูซูลตัฟซีร(แปลถูกก้อยังมีความผิด)

ทีนี้การกระทำ..ไม่พาดพิงตัวบุคคลนะคั๊บ
- ปกป้อง และ ส่งเสริม กรุอานมะญีด เท่ากับไปมีมุวาลาอฺให้ อะลุ้ลอะฮฺวะฮฺ วัล บิดอะฮฺ
- ปกป้อง และ ส่งเสริม กรุอานมะญีด เท่ากับ ฝืนอิจมาอฺ อะลุซซุนนะฮฺ ในการออกห่างจากมัจลิส และ กิตาบของ อะลุ้ลอะฮฺวะฮฺ วัล บิดอะฮฺ
- ปกป้อง และส่งเสริม กรุอานมะญีด เท่ากับ ตัซกียะฮฺ แนวทางของอะลุ้ลบิดอะฮฺ สละฟุซอและหฺไม่เคยทำกัน

ส่วนคนตายก้อเป็นเรื่องของคนตาย..คนเป็นอย่าไปยุ่งให้วุ่นวายให้ความคลุมเครือ
ขออัลลอฮฺนำทางพวกเราศู่ทางอันเที่ยงตรง..ไม่ใช่ทางของบรรดาผู้ถูกกริ้ว และหลงผิด..อามีน

วัสลามุอลัยกุม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shareeff
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/06/2007
ตอบ: 79


ตอบตอบ: Fri Sep 28, 2007 3:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ตอบ: Thu Sep 27, 2007 7:44 pm

--------------------------------------------------------------------------------
อัสลามุอลัยกุม..
คุยกันดีๆ..มีสัมพันธ์นะคั๊บ...คุยเชิงวิชาการ..ถ้าจามาเนบแนมกัน..มันก้อไม่มีประโยชน์นะคั๊บ..ผมไม่ทราบว่า
คุนเอฟเอฟมีตุดยืนเรื่องวิชาการแบบไหน..หรือได้มาอย่างไร..
เริ่มต้นของเรื่องดีก่านะคั๊บ..(เริ่มใหม่เพราะถามไปห้าข้อยังไม่มีคำตอบเรย)
- กรุอานมะญีด ผิดที่แปลมาจาก กิตาบของ ชาวอะกีย์ดะฮฺกอดยานีย์ (ไม่ต้องถามอีกนะ..ว่าผิดตรงไหนบ้าง)
- กรุอานมะญีด ผิดที่แปลมาจากภาษาอื่นจากอาหรับ..(ถ่ายทอดกรุอานด้วยภาษาอื่น)
- กรุอานมะญีด ผิดที่ถูกแปลโดย ผู้หวังดีที่ไม่มความรู้ในวิชาอูซูลตัฟซีร(แปลถูกก้อยังมีความผิด)

ทีนี้การกระทำ..ไม่พาดพิงตัวบุคคลนะคั๊บ
- ปกป้อง และ ส่งเสริม กรุอานมะญีด เท่ากับไปมีมุวาลาอฺให้ อะลุ้ลอะฮฺวะฮฺ วัล บิดอะฮฺ
- ปกป้อง และ ส่งเสริม กรุอานมะญีด เท่ากับ ฝืนอิจมาอฺ อะลุซซุนนะฮฺ ในการออกห่างจากมัจลิส และ กิตาบของ อะลุ้ลอะฮฺวะฮฺ วัล บิดอะฮฺ
- ปกป้อง และส่งเสริม กรุอานมะญีด เท่ากับ ตัซกียะฮฺ แนวทางของอะลุ้ลบิดอะฮฺ สละฟุซอและหฺไม่เคยทำกัน

ส่วนคนตายก้อเป็นเรื่องของคนตาย..คนเป็นอย่าไปยุ่งให้วุ่นวายให้ความคลุมเครือ
ขออัลลอฮฺนำทางพวกเราศู่ทางอันเที่ยงตรง..ไม่ใช่ทางของบรรดาผู้ถูกกริ้ว และหลงผิด..อามีน


วัสลามุอลัยกุม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shareeff
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/06/2007
ตอบ: 79


ตอบตอบ: Fri Sep 28, 2007 3:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสสาน ไออาเอฟ คนเดินผ่าน คงหาข้อสรุปเกี่ยวกับกุรอานมายีดไห้ตัวเองและพี่น้องมุสลิมได้แล้วนะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4  ถัดไป
หน้า 3 จากทั้งหมด 4

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.09 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ