ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - การศึกษากับสติปัญญาเพื่อการอยู่รอด
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
การศึกษากับสติปัญญาเพื่อการอยู่รอด

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เรื่องทั่วไป
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Thu Apr 20, 2006 3:34 pm    ชื่อกระทู้: การศึกษากับสติปัญญาเพื่อการอยู่รอด ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

วันนี้อยากจะคุยเกี่ยวกับการศึกษาและประสพการณ์ ที่มาเที่ยว กทม. เมื่อาทิตย์ที่แล้ว เป็นเรื่องเบาๆ ถ้าใครอยากคุยด้วยก็เชิญครับ....

การศึกษากับสติปัญญาเพื่อการอยู่รอด

ถ้าเราจะหาวิธีการ อธิบาย ความหมายของคำว่า การศึกษา อาจจะ อธิบาย และให้คำจำกัดความได้ ใน ลักษณะ และความหมายที่แตกต่าง กันออกไป ได้หลายทาง เนื่องจาก การศึกษา เป็น ขบวนการ ที่ มนุษย์ เรียนรู้ จากสิ่ง แวดล้อม เพื่อการอยู่รอด มา ตังแต่เริ่ม มีชีวิตขึ้นมา สู่โลกนี้ ความรู้และความชำนาญที่ ได้รับจาก การ ดำเนิน ชีวิตดังกล่าว ได้ ถูก พัฒนา ให้อยู่ในรูปแบบ ของบทเรียน และหลักสูตร ต่อๆมาก็ กลายเป็น แนวทางต่างๆ เฉพาะวิชา หลังจากได้ มีการค้นคว้า หาคำตอบ จากประสพการณ์ ที่ เกิดขึ้น จากสิ่งแวดล้อม และ สิ่งที่เกิด ขึ้น ต่อร่างกายของ เราเอง

การศึกาษาในปัจจุบัน ทุกสาขาวิชาการเป็น สิ่งที่ง่ายมาก สำหรับ มนุษย์รุ่นหลังๆ ทั้งนี้ เพราะว่า วิชาการ ทุกๆสาขา และ ทุกๆ ระดับ ได้ถูก จัด ไว้ ให้ เหมาะสมกับความต้องการ และความ สามารถของ แต่ละบุคคล ที่ สติปัญญาและ ความต้องการใน ตัว ที่จะผลักดัน ให้ไปถึงได้ การศึกษาทุกๆระดับ ได้มีกำหนดเวลา ว่า ควรจะใช้ระยะ เวลาในการ ศึกษา มากน้อยเท่าไร จึงจะทำให้ผู้ที่ผ่านขบวนการ ของการศึกษา สามารถที่จะใช้ความรู้ที่เรียนมา เบื้องต้น ออกมาหา ความชำนาญ ใน ชีวิตจริงได้

จากความหมายของการศึกษา อย่างย่อๆที่กล่าว มานั้น จึง บอกคุณสมบัติ ของผู้ที่สามารถ สำเร็จ ผ่านขบวน การ ที่วางไว้แต่ละระดับว่า

1. บุคคลผู้นั้น มีสติปัญญา และความสามารถ ในระดับ ตามที่บุคคลปกติควรจะมี ไม่ว่าจะ จบ ในระดับใด ตรี, โท, เอก ฯลฯ ในสาขาต่างๆ

2. บอกให้สังคมได้เห็นว่า บุคคล เหล่านั้น ใช้เวลาอยู่ใน ขบวนการของการศึกษานานเท่าใด

การสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่าง ประเทศ หาได้บอกถึงสติปัญญา และ ความเฉลียว ฉลาด ที่แท้จริง ของบุคคลนั้นๆไม่ เพียงแต่บอกว่า เขา เหล่านั้น อยู่ใน “โรงเรียนนานเท่าใด”

การศึกษาในระบบต่างๆใน สถาบันการศึกษา ดังกล่าวแล้ว จึง เป็น บันไดอันหนึ่งที่ ทำให้ คนทุกๆคน มีความ เท่า เทียม กันได้ในสัง คมของการศึกษา, แต่ไม่ใช่ในสังคม ทางเศรษฐกิจ เราจะเห็นว่า ในประเทศด้อยพัฒนา เมื่อ ผู้คน พบปะกัน จะ ถามว่า คุณจบอะไรมา, เรียนอะไรมา, จบระดับใด ทั้งนี้เพราะว่า “การศึกษา” เป็นสิ่งเดียว ที่ จะใช้ วัดความ สำเร็จ ใน ชีวิตของบุคคล ประเภทนั้น และสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เท่าเทียมกันได้ ก็คือการศึกษา ดังนั้นจึงมีการแข่งขัน กันมากในเรื่องนี้

ผู้ที่มีมรรยาทในสังคม จะไม่ถามกันเรื่อง การศึกษาหรือ คุยกันถึงเรื่องรายได้ ใน อาชีพ ของ บุคคลที่ยังไม่คุ้นเคยกัน ทั้งนี้เพราะว่า ยังมีคนอีก กลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่เคยผ่าน ขบวนการศึกษาแบบ “ป้อนให้” เช่นการศึกษาตาม สถาบันต่างๆ แต่บุคคลในกลุ่มนี้ สามารถที่จะ ประสพความสำเร็จในชีวิต ในทุกๆทาง และเป็นที่ยอมรับในสังคม ทั้งนี้เพราะว่า บุคคล ในกลุ่มนี้ มีสติปัญญา และไหวพริบที่ จะ ตอบสนองสิ่งแวดล้อม โดย ตัวเอง และปรับตัว และหาประโยชน์ จากสิ่ง แวดล้อมเหล่านั้น ให้ประสพความสำเร็จได้ ….

การศึกษากับการอยู่รอด:

ผู้ที่สำเร็จ การศึกษาใน ระบบ “ป้อนให้” เมื่อจบออกมา อาจจะไม่สามารถ จะหาเลี้ยง ตัวเองได้ และ ไม่มีความ ละอายที่จะต้อง รบกวนพ่อแม่ ในเรื่อง ค่าใช้จ่าย ทั้งนี้เพราะ ว่า มีความเกียจคร้าน ที่จะ ทำงาน ที่ไม่ตรง กับสาขาที่เรียนมา หรือ งานที่ ตนเองคิดว่า “ต่ำต้อย” ไม่เหมาะสมกับการศึกษาที่ ตนเรียนมา การคิด เช่นนี้ ไม่ถูกต้อง การอาศัยพ่อแม่ และสร้างความ ลำบากใจ ในทางเศรษฐกิจ ให้กับพ่อแม่ หลังจากอายุ 24-25 แล้ว โดยที่ไม่คิดช่วยตัวเอง เป็นความประพฤติที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าพ่อแม่จะมีฐานะดีอย่างใดก็ตาม ทั้งนี้เพราะว่า ความรักของพ่อแม่ อดที่จะให้ลูกไม่ได้ ไม่ว่า ตนเองจะมีหรือไม่มีก็ตาม, ถ้าอยากจะเรียนต่อ ก็ควรหาทางทำงาน เพื่อช่วยตัวเองบ้าง

เมื่อสองวันที่แล้วผมเข้าห้องน้ำที่ “สยามพารากอน” เป็นห้องน้ำที่มีความสะอาดมาก กว่า ในศูนย์การค้า อื่นๆ ใน กทม. ผมเห็นชายหนุ่มสี่คนแต่งกายใน เครื่องแบบที่เรียบร้อย ยืนรักษาความสะอาด ห้องน้ำ ผมชอบให้กำลัง ใจ ผู้ที่ทำงานดีเสมอ ผมจึงเข้าไปคุยด้วย โดยชมว่า ห้องน้ำ “สะอาดดี” เขาตอบอย่างสุภาพ ว่า “ขอบคุณครับ” เมื่อผม ออกมาจากห้องน้ำ คุยกับเพื่อน ที่ไปด้วยกัน เขาบอกว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้ บางคนจบ “ปริญญาตรี” จากสถาบันดีๆ ใน กทม. เมื่อทราบเช่นนี้ ทำให้ผมเกิดความ พากพูมใจ ในความสามารถของ บุคคลเช่นนั้น ที่สามารถที่จะใช้ สติปัญญา แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ต้อง รบกวน พ่อแม่ หรือ ผู้ใด ในด้านเศรษฐกิจ ส่วนตัวของเขา แม้ตัวผมเอง ก็ไม่รัง เกียจ ที่จะ ทำงานใดๆ ก็ได้ ที่สุจริต และ ถูกศิลธรรม และความศรัทธา ของตัวเอง


wassalam


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sun Apr 23, 2006 9:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

การศึกษาทำให้คนเป็นคนดีหรือไม่?

การศึกษาเป็นเพียง การแสวงหาความ รู้เพื่อ ใช้เป็นเครื่องมือ ในการ ประกอบการทำมา หากิน และ ผลพลอยได้ก็คือ ความเจริญของ สังคมในทางเศรษฐกิจ, แต่ไม่ได้ เป็นหลักประกันว่า การศึกษาจะทำให้ ผู้สำเร็จการศึกษา เป็นคนดี และ เป็นส่วนประกอบของสังคมที่ดี เสมอไป นักเรียนแพทย์ หรือนักเรียนกฎหมาย ที่เก่ง ทางการเรียน ก็เช่นกัน ไม่มี หลักประกันว่า เมื่อเขาจบมาประกอบอาชีพ แล้ว จะเป็นทนายความที่ดี หรือ นายแพทย์ที่ ดี เสมอไป ก็หาไม่

อุปนิสัยของบุคคล เป็นผลจากพันธุ์กรรมหรือสิ่งแวดล้อม?

บางท่านอาจจะ ขาดความเข้าใจ ในเรื่อง พันธุ์กรรม หรือ การถ่ายทอด อุปนิสัยใจคอในสังคม ของแต่ละบุคคล มาจาก พ่อแม่ ว่า มาจาก ยีน ของพ่อแม่ การที่บุคคลใดก็ตาม จะมีนิสัยดีหรือเลว นั้น ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของ สิ่งแวดล้อม เป็น ส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่น นักศึกษาที่ฝักใฝ่ในการศึกษา ก็มักจะจับกลุ่มเดียวกัน และศึกษาร่วมกัน จะทำอะไรก็ กระทำร่วมกันเสมอ ไปไหนมาไหนด้วยกัน จนบางครั้ง เกิดความ นึกคิดคล้ายๆกัน ถ้านักศึกษาเหล่านั้น จับกลุ่ม อยู่ใน กลุ่มที่มีความ สุภาพ เขาเหล่านั้น ก็จะแสดง ความสุภาพ ต่อกัน และต่อผู้อื่น แต่ถ้าอยู่ในกลุ่มที่ มีนิสัยที่เลวด้วยกันแล้ว ก็จะมีนิสัยเลวเช่นเดียวกัน ความจริงนี้ ทดลองได้โดย ถ้าเรา ให้แม่ห่านเลี้ยงลูกเป็ด ตั้งแต่ตัวอ่อน ลูกเป็ด ก็จะ มีลักษณะ การเดิน เหิร คล้ายๆ กับห่าน .และเดินตามฝูงห่าน ด้วยอุปนิสัยลักษณะท่าทางเป็นห่าน

สิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุด ที่มีอิทธิพลต่ออุปนิสัยของ บุคคล ตั้งแต่เด็ก จนไปถึงวัย ที่เข้า สู่วงการศึกษาก็คือ ครอบ ครัว ของ บุคคลนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าบุคคลนั้น ได้รับการอบรมสั่งสอน ให้รักและเคารพบุพการี และเห็นความสำคัญของ บิดา มารดาแล้ว เขาก็เกิดความรักในบิดามารดาของเขา และ พยายามทุกอย่างที่ จะ รักษาเกียรติยศ และชื่อเสียง ของ บิดามารดา ของเขา แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้า บุคคลผู้นั้น ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ในเรื่อง มรรยาทและ ความ สุภาพ ต่อ บิดามารดา แล้ว เขาย่อมไม่เห็นความสำคัญ ของบิดามารดา ไม่ว่าจะเป็น บิดามารดาของผู้ใดก็ตาม แม้แต่บิดา มารดาของเขาเอง

มุสลิมกับการศึกษา:

มันเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ มุสลิมทุกๆคนจะต้อง ศึกษาและเข้าใจ ศาสนาอิสลามให้ถูกต้องในเรื่อง ของ ความ ศรัทธา และหลักการปฏิบัติ ที่ถูกต้อง ตามหลักการของอิสลาม และในขณะเดียวกัน มุสลิมก็ต้องแสวงหาวิชาความรู้ ในทาง โลก เพื่อ ความอยู่รอด ของ ศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ เพราะว่า ถ้า มุสลิม ไม่หาความเจริญใน ทางเทคโนโลยี พร้อมๆ กันกับการ เตรียมตัว ไปสู่ สวรรค์แล้ว มุสลิมจะสิ้นสภาพไปเพราะความอ่อน แอ ของสังคมมุสลิม

ด้วยเหตุนี้ มุสลิมทุกๆคนที่มีความคิดที่แตกต่างกันไป ในเรื่อง การปฏิบัติ ตามมัซหับและนิกาย ต่างๆ ควรจะ หาทางที่ จะหันมา ปรองดองกัน โดย หาจุดยืน ที่ ทุกๆฝ่าย สามารถที่ จะ ปฏิบัติได้ อย่างโปร่งใส โดยไม่ ผิดไปจาก บัญญัติในอัลกุรอาน ถ้ามุสลิมทุกๆท่าน มีความมุ่งหมาย ที่จะให้ ศาสนา อิสลาม เป็นศาสนาเดียวกันสำหรับ มุสลิมทุกๆคน แล้ว เราทุกๆคน จะต้อง ทำการหาจุดยืนร่วมกันตามหลักการจากอัลกุรอาน

การปฏิบัติตามท่านนบีทุกกระเบียด นิ้ว ในสมัยปัจจุบัน ย่อมทำไม่ได้ เพราะมุสลิมในปัจจุบัน อยู่ในสิ่งแวด ล้อม ที่ต่างกัน และถ้า จะปฏิบัติตาม หะดีษ ก็มีขอบเขตจำกัด ทั้งนี้ เพราะ ว่า บางสิ่งบาง อย่าง ที่ อยู่ใน หะดีษ ไม่ สอดคล้อง และ ทันต่อ เวลาและเหตุการณ์ ในปัจจุบัน ส่วนมากแล้ว นักปราชญ์ ทางศาสนา จะขาดความรู้ ใน ด้านวิทยาการ เทคโนโลยี เนื่องจาก การศึกษาถูกจำกัด อยู่กับ การถกเถียง กัน ถึงเรื่อง ที่เกิด ขึ้น เมื่อสมัย 1400 กว่าปี มาแล้ว ซึ่งยังหาข้อ ตกลงกันไม่ได้ มาจนถึงในปัจจุบัน และวกวนเวียน เหมือน ผู้หลงทาง อยู่ในความมืด

ตัวอย่างเช่น เมื่อมีสมาชิกของครอบครัวมุสลิม สิ้น ชีวิต ไป มันเป็นหน้าที่โดยตรง ของสังคม มุสลิม และ บุคคล ในสัง คมทั่วไป ที่จะต้อง ให้ความอบอุ่นและ ปลอบใจต่อ ครอบครัวของผู้ตาย ตามสมควร

เป็นหน้าที่ของเพื่อนบ้าน ที่จะต้อง จัดหา อาหาร ไปเลี้ยง บริการ ให้ครอบครัวผู้ตาย จะทำทุกๆวัน หรือ กี่วันก็ตาม เพื่อช่วยในความสดวก ของครอบ ครัว ผู้ตาย จะทำ อาหารให้ 3 วัน 7 วัน 10 วัน, 30 วัน หรือ 100 วัน หรือทุกๆวัน ผมไม่เห็นว่า ผิดหลักศาสนาอิสลาม แต่อย่างไร, ถ้าหากว่า ผู้ไปเยื่ยมเยียน เป็นผู้เตรียม อาหารไปให้กับครอบครัวของผู้ตาย, แม้แต่ ท่านนบีเอง ท่าน ก็ ส่งเสริมให้ นำอาหารไป เลี้ยงครอบครัวผู้ตาย

ขอเพียงแต่ว่าอย่าไปกำหนด ว่า เป็นหลักการของอิสลาม ที่ จะต้อง ทำบุญให้คนตาย 7-10-30-100 วัน ก็แล้ว กัน ถ้าทำการกำหนดเช่นนั้น ถือว่า เป็นการ อุตริ ประดิษฐ์ หลักการของ ศาสนา ขึ้นมาใหม่ จะตกนรกหรือไม่ ต้องแล้วแต่พระประสงค์ของ พระเจ้าเท่านั้น

การไปรบกวนทานอาหาร ของครอบ ครัว ผู้ตาย และรับเงินจากครอบครัวผู้ตาย ผมว่าไม่เป็นการสมควร เพราะ เป็น การสร้าง ภาระ ให้ กับ ครอบครัวผู้ตาย การอ่าน อัลกุรอาน เพื่อ ให้ครอบครัวผู้ตาย เข้าใจ ถึง โองการของพระเจ้าเกี่ยว กับ การเกิดการตาย ก็เป็นการปลอบใจ อีกอย่างหนึ่ง แต่การไปอ่านอัลกุรอาน โดยที่ ผู้ฟังไม่เข้าใจภาษาอรับ ก็ไม่ เกิดประโยชน์อะไร นอกจาก ทำให้เกิด ความวิเวกวังเวง เท่านั้น แต่หลักการที่อยู่ในหะดีษนั้น ชาวอรับเขาเข้าใจ อัลกุรอาน ซึ่งเป็น ภาษาของ เขา แต่ถ้าจะกล่าวว่า เป็นการขอ ดุอา ให้กับผู้ตาย ส่งวิญญาณผู้ตายให้ไปสู่สวรรค์แล้ว เป็นเพียงแค่ ความคิดของ ท่านนั้ปราชญ์ ทางศาสนาเท่านั้น

และถ้าหากจะกล่าวหรืออ้าง ว่า "ผลบุญการอ่านอัลกุรอานของครอบครัวมัยยิด และตัสบีหฺ การกล่าวตักบีร และบรรดาซิกรุลเลาะฮ์อื่นๆ จะถึงมัยยิด ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้ทำการฮะดียะฮ์มอบให้แก่มัยยิด ผลบุญก็จะไปถึงเขา" เป็นเพียง แค่ความคิดของ นักปราชญ์ ทางศาสนาเท่านั้น ทั้งนี้ เพราะว่า ท่านเหล่านี้ ไม่มีทาง จะทราบอนาตคได้ เพราะเเป็นเรื่อง ของ พระเจ้า เท่านั้น การอ่านอัลกุรอาน และดุอาต่างๆ ควรจะ ทำให้เพื่อเป็น ประโยชน์ แก่ครอบครัว ผู้ตาย เสียมากกว่า ตัวผู้ตาย

จากตัวอย่างเรื่องหน้าที่ของมุสลิม ที่สมควรมี ต่อ ครอบครัวผู้ตายนั้น เป็นเรื่องของ จรรยาธรรม มากกว่า เป็นเรื่อง ของ ความ ศรัทธา แต่ถ้าเราไปอ้างว่า เคยเห็นเคยได้ยิน นักปราชญ์ว่า จะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้ว ย่อม ไม่เป็นที่ ตกลงกันได้ ทั้งนี้ เพราะ ท่าน นักปราชญ์ เหล่านั้น อาจจะ มีความเห็นที่ต่างกัน ตามความเข้าใจ ของเขา ดังนั้น ย่อมไม่มี ที่จบได้ โดยเหตุนี้ การจัดเลี้ยงอาหารให้กับ ครอบครัวผู้ตาย ควรจะเป็นหน้าที่ ของมุสลิม มากกว่า การจะไป กินบุญหรือ รับ “ทาน” จาก ครอบครัวผู้ตาย

ถ้ามุสลิมที่ไปเยี่ยม ครอบครัวของผู้ตาย และไปเป็นภาระให้ ครอบ ครัว ของผู้ตาย ต้องทำอาหารเล้ยง และ รับเงิน จากครอบครัว ของผู้ตาย เนื่องจาก จากการไปนั่งอ่านดุอา ให้กับผู้ตาย ก็ขอให้นึกถึง บทกลอนเรื่อง “ซักเซ้า ผลมะนาวทิ้งทานในงานศพ ” ของไทยเราที่อ่านเมื่อสมัยเด็กๆ

จากตัวอย่างที่ยกมาอย่างย่อๆ นี้ เพียงแค่ การไปเยี่ยม ครอบครัว มัยยิด เท่านั้น ถ้าเราศึกษา จาก ความคิดของท่าน นักปราชญ์ ทางศาสนา แต่ไม่ใช้สติปัญญาและเหตุผล จากสามัญสำนึกของเรา และ แนวทางของสังคม ที่เจริญแล้ว แล้ว เราย่อมไม่ไป ถึง ข้อสรุป ร่วมกันได้

เนื่องจากท่านอุลมาไม่มีความรู้ในด้าน เทคโนโลยี และไม่ทันต่อวิทยาศาสตร์ ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวด เร็ว ท่าน จึงไม่สามารถที่จะ อธิบายถึงความตกต่ำของสังคมมุสลิม อย่างมีเหตุผลได้ แต่ใช้การอธิบายที่ว่า เนื่องมาจาก พระประสงค์ของ พระเจ้า ที่ต้องการให้มุสลิม อยู่ในสภาพที่จะต้อง เตรียม ไปพบกับพระองค์ ซึ่งเป็นการสอนที่สวนทาง กับความเจริญรุ่งเรื่อง, มุสลิมจะต้องเช้าใจด้วยว่า การสอนมุสลิม ให้เดินสวนทางกับ สังคมทางวิทยาศาสตร์ นั้น ไม่ใช่เป็นวิถีทางของ หลักการอิสลาม และการสอนเช่นนั้น ไม่ได้ช่วยให้สังคมมุสลิม เจริญ ในเลย


wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Mon Apr 24, 2006 7:45 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

เนื่องจาก สังคมมุสลิมเราขาดความกระตือรือล้น ในเรื่อง ความเจริญก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ โดยที่มุสลิมลืม ไปว่า ครั้งหนึ่ง เราได้เคยเป็นผู้นำใน ด้าน ความนึกคิดทางวิชาการเทคโนโลยี แต่หลังจากท่านนบีสิ้นชีวิต ไปแล้ว มุสลิมเราหันหลัง ให้กับ ความนึกคิด ด้านวิทยาศาสตร์ กลับไปสนใจกับ เรื่อง ประเพณี เพียงอย่างเดียว ดังนั้น การด้อยพัฒนาล้าหลัง ในทาง วิทยาศาสตร์ ของ สังคม มุสลิม จึงทำให้ มุสลิม กลายเป็นทาสของ ความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ ของสังคมอื่น, ความล้าหลังของสังคมมุสลิม ในทางวิทยาการและ เทคโน โลยี เป็นเหตุแห่งความอ่อนแอ ทางด้าน การเป็นผู้นำของโลก และในที่สุด ก็จะไม่มีอิสลามเหลือ ให้เป็น สมบัติ ของ ประชาชาติ รุ่น ต่อๆไป

การที่ผมนำเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว ใน ที่นี้ เพราะ ถึงเวลาแล้ว ที่ มุสลิม จะต้องหยุด การโต้เถียง กันเรื่อง ศาสนา นิกาย และ มัซหับ ซึ่ง เป็นเรื่อง ของความเชื่อ ที่ขาดหลักตรรกวิทยา และขาดหลักฐานที่แน่นอน มุสลิมจะต้องหยุด ความคิดที่ถอยหลัง และ จะต้องเตรียมตัว เพื่อ ความท้าทาย ของความก้าวหน้าทาง วิทยาการ ชึ่ง เป็นความจริง ที่ มุสสลิมกำลัง เผชิญอยู่ ในสังคมในปัจจุบัน

สิ่งที่สำคัญ ที่มุสลิมทุกๆท่านจะต้องสำนึก คือ สภาพที่ตกต่ำและด้อยพัฒนาของสังคม มุสลิม ในปัจจุบัน ไม่ได้ เกิด เพราะ พระเจ้า กำหนด เช่นนั้น แต่สภาพความจริงทั้งหมดนั้น เกิดจาก การกระทำ และปฏิบัติ ของ มุสลิมเอง ที่หลงเชื่อนักปราชญ์ ที่ขาดความเข้าใจ ใน ความก้าวหน้า ของสังคม และสิ่งแวดล้อม รอบตัวเรา การที่มุสลิมเรานั่งขอดุอา จาก พระเจ้า ไม่ช่วยอะไรแก่เราเลย นอกจากว่า เราจะต้อง เริ่ม ช่วยตัวของเราเองก่อน

มุสลิมจะต้องเริ่มสนใจศึกษาวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีต่างๆ และจะต้อง ยอมรับเอา การ ศึกษาหาความรู้ในด้าน วิทยาการทาง เทคโนโลยี เป็นส่วน หนึ่ง ของ ความศรัทธาต่อ พระองค์อัลลอฮ์ และผมอาจจะกล่าวไว้ในที่นี้ว่า ถ้า สังคมมุสลิม ไม่เริ่ม สนใจและ เอาใจใส่ ใน ทาง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีแล้ว สังคมมุสลิมจะถึงปรโลกเร็วกว่าสังคมอื่นๆ

wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 2:52 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

สาเหตุที่ทำให้มุสลิมไม่ก้าวหน้าทาง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ที่สำคัญอยู่ที่ การวางและจัด หลัก สูตร การสอน การสอนในโรงเรียนในสังคมมุสลิม ส่วนมาก เป็นการสอนโดยใช้ คำพูดและ ความ คิด ของ ครูอาจารย์เป็น พื้นฐาน และเป้าหมาย ของการศึกษา จำกัด การ สมาคมอยู่ในสังคมของ มุสลิมเท่า นั้น หลักสูตรไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาตั้งแต่ สมัย โบราณ ความรู้ที่ถ่ายทอดให้ ไม่มีการเปลี่ยน ความ รู้ที่นักเรียนได้รับ, ก็ได้รับโดยการ ศึกษาแต่เพียง การบังคับในหลักการของศาสนา นักเรียนไม่อาจ จะถามปัญหา หรือ คัดค้าน ความคิดเห็น และความเข้าใจ ของครูได้ เพราะ ถูกสอนว่า การถามหรือ สงสัย ใน หลักการศาสนานั้น เป็นบาป และ จะตกนรก

การสอนเป็นการสอนแบบ ครูอาจารย์เป็น ผู้ที่มี อำนาจอยู่ แต่ผู้เดียว การท่องจำเป็นหลักการ เรียนที่สำคัญ โดยไม่ต้องให้นักเรียนมีโอกาศได้ใช้ ความคิด ในการ รับความรู้ สิ่งที่สำคัญ และเป็น สาเหตุ ของการแตกแยกในสังคม มุสลิมทุกหย่อมหญ้า ในปัจจุบันนี้ ก็คือ นักเรียน และผู้ปกครอง ของนักเรียน ได้ ตั้งใจไว้แล้ว ว่า จะให้นักเรียน เข้า เรียน หรือ ตั้งใจที่จะเรียน กับครู บาอาจารย์ ที่ มีความเชื่อและความ ศรัทธาที่อยู่ ในแนวทาง เดียวกัน และการศึกษา ก็ไม่อาจที่จะ แยกแยะออก มาเป็นวิชา การต่างๆ ชัดเจน

การสอนและการเรียนในสังคมมุสลิม ในแบบ การบังคับเช่นนี้ เป็นผลของการ ปฏิบัติตามประเพณี ที่ต่อ เนื่อง กันมานาน ซึ่งการเรียน การสอนเช่นนี้ เหมาะกับ สังคมและหมู่บ้านเล็กๆ ที่ สามารถจะ รักษาความสมดุลของ มันเองได้, แต่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและ ซับซ้อนเช่นสังคม ในปัจจุบัน มุสลิมไม่สามารถที่จะยึดติดอยู่กับ การเรียนการสอน ตามประเพณี แต่เพียงอย่างเดียว ได้

ทั้งนี้เพราะเด็กๆจะเกิด ความสับสน ไม่รู้แจ้งว่า อะไรเป็นสิ่ง ที่ ควรและไม่ ควรกล่าวควรทำ ในสังคมที่ ซับซ้อน เช่นนี้ ตัวอย่าง เช่น ในสังคมไทย ประเพณีการลอยกระทง, การเล่นสาด น้ำ ในวันสงกรานต์, เราสอนว่า การร่วมสนุก ร่วมฉลอง ในพิธีการเช่นนั้น เป็นการ ขัด ต่อ หลักศรัทธา ของ อิสลาม แต่บางอย่าง ที่เยาวชนมุสลิม ถูกสังคม กลืนไปโดยไม่รู้ตัว ท่านอาจารย์ ก็ไม่สนใจที่จะอธิบาย ให้ เขา เหล่านั้น เข้า ใจ

ตัวอย่างเช่น:

บางครั้ง เราอาจจะได้ยิน เยาวชนมุสลิม กล่าวคำอุทานว่า “โถ” หรือ “โธ่เอ๋ย” แทนที่จะได้ยินคำว่า “อัลลอฮ์” โดยที่ขาดความเข้าใจ ว่าสิ่งที่กล่าว ออกมานั้น มีความหมาย และ รากศัพท์ มาจากที่ใด ทั้งนี้ เพราะ เยาวชนเหล่านั้น เกิดมาก็ได้ยิน เช่นนั้น มาตั้งแต่เด็ก ก็เลยนึกว่า เป็นเรื่องและภาษาธรรมดา ที่ใช้อยู่ในสังคม ความซับซอ้นของสังคม และ ความเข้าใจเองตามกำเนิดโดยการ ขาดการสอนและการ ตักเตือน จึงกลายเป็น คำอุทาน อย่างธรรมดา ของมุสลิม ในสังคมไทยไปแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ สังคมมุสลิมจำเป็นที่จะต้อง แสวงหา การแก้ไข เพื่อสนองความท้าทายของ สังคมปัจจุบันที่ ซับซ้อน โดยการ นำการศึกษา ที่สามารถที่จะ รักษาระดับ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประเพณี และ วัฒนธรรมที่ต่อเนื่อง กับ ความ ก้าวหน้าของ สังคมรอบๆเรา มาใช้

การศึกษาของ มุสลิม ตามแบบประเพณีแต่เพียงอย่าง เดียว นั้น อย่าง ที่กระทำกัน ใน ปัจจุบัน เป็นส่วนมาก ไม่ช่วย ให้ เยาวชน เกิดควาวมคิด ส่งเสริมสังคม แต่ในทาางตรงข้าม กลับทำให้ เกิด ความรู้สึกนึกคิด ติดอยู่ กับ แบบฉบับ ของ ความคิด ของ ครูผู้สอน ที่ถูก จารึก ให้ฝังอยู่ในความทรงจำ มาตั้งแต่เด็ก

เมื่อเขาไปพบปัญหาที่ไม่ตรง กับ แบบฉบับ ที่เคยเรียนมา เขาเหล่านั้น ก็ขาด สติปัญญา และความคิด ที่เป็นของตนเอง ในการไตร่ตรอง, ไม่รู้จักการแก้ปัญหา ในที่สุด ก็เกิด ความต่อต้าน การเปลี่ยนแปลง ของ สังคม และขาดเหตุผล บางครั้ง กลายเป็น ความโกรธ ที่ ผสมด้วยความ หยาบคาย และ แล้ว เกิดความละอายใจตัวเอง ในภายหลัง หลังจาก เรียนรู้ว่า ปัญหานั้น เป็น สิ่ง ใหม่ที่ ตน ยังไม่เคย เรียนรู้มา ก่อน


โดยเหตุที่การศึกษา ตามแบบฉบับ ที่เรียน แต่ทางประเพณีเป็นพื้นฐาน นั้น ไม่สามารถ จะทำให้สังคม มุสลิม ตามทันโลก ที่เปลี่ยนแปลง ไปอย่าง รวดเร็ว ได้ ระบบการเรียนเช่นนี้ จึง ไม่อาจจะ ทำให้ มุสลิม เป็นผู้นำของโลก ใน ด้านการ วิวัฒนาการทาง เทคโนโลยี และ วิทยาศาสตร์ ใน โลกปัจจุบันได้


wassalam


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เรื่องทั่วไป ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.14 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ