อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[abushaheed]

ศูนย์ข่าวภาคใต้- ช่วงรอยต่อระหว่างปี 2547 – 2548 ที่ผ่านมา ขณะที่คนทั้งประเทศกำลังมุ่งติดตามข่าวโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ ตลอดแนวฝั่งทะเลอันดามัน และประเทศต่างๆ

อีกด้านหนึ่งของด้ามขวาน ณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ยังคงเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจว่าโศกนาฏกรรมสึนามิได้ก่อความเสียหายให้กับมวลมนุษยชาติขนาดไหน

ในภาวะที่ทุกสายตาละจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทอดมองไปยังชายฝั่งทะเลตะวันตก ท่าม
กลางเหตุการณ์ร้ายๆ ในพื้นที่นี้ ที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นปกติ

ปฏิบัติการจับกุมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ หลายระลอก

วันที่ 28 ธันวาคม 2547 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเฉพาะกิจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ทหารพรานชุดเฉพาะกิจที่ 23 บุกเข้าไปในสถาบันปอเนาะมะฮัดอัลกรุอานนุลการีม บ้านกาเยาะมาตี ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คน

หนึ่ง นายมะซอเร ลาเต๊ะ อายุ 37 ปี

สอง นายโบรฮัล มาแจ อายุ 22ปี

สาม นายมูฮัมมัดกาแมส์ ซาเด็ง อายุ 21 ปี

สี่ นายมะเซดี มะเกะ อายุ 19 ปี รายนี้ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ข้อหา

ร่วมกันก่อการร้ายเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจร

ห้า นายลาเต๊ะ มะดีเย๊าะ อายุ 50 ปี เจ้าของสถาบันปอเนาะมะฮัดอัลกุรอานนุลการีม ถูกจับกุมในข้อหาสนับสนุนการก่อการร้าย ช่วยเหลือผู้กระทำผิดโดยให้ที่พำนัก ซ่อนเร้น หรือด้วยประการใดๆ

หก นายแวอาแซ สาอิ ชาวจังหวัดปัตตานี ถูกจับกุมในข้อหาก่อความไม่สงบ ก่อเหตุปล้นปืนและพยายามฆ่า ในพื้นที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีทั้งหมด
เจ็ด นายอับดุลเลาะ สะมะแอ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดยะลา

ตำรวจและทหารพรานชุดนี้ ยังพยายามติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการ ที่กำลังหลบหนีอีก 4 คน

หนึ่ง นายมูหมัดนาเซ บือราเฮง

สอง นายรอมลี สาเระ

สาม นายบารี เปาะสลาเมาะ

สี่ นายบารานิง แตมามุ

ต่อมา วันที่ 7 – 8 มกราคม 2548 กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักข่าวกรองแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และกองทัพภาคที่ 4 ร่วมกันจับกุมครูสอนศาสนาอีก 5 คน

หนึ่ง นายมะสุกรี ฮารี อายุ 35 ปี ผู้จัดการโรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา ตำบลลำใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

สอง นายสะและ เด็ง อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/11 หมู่ที่ 1 ตำบลธารโต อำเภอธารโต จังหวัดยะลา

สาม นายตอเล๊ะ ดิสะเอ๊ะ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/11 ม.1 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา

สี่ นายมุสตอปา เจ๊ะยะ อายุ 23 ปี คนงานของบริษัท ฟีดีเอส คลีนนิ่ง จังหวัดนราธิวาส ทำงานรักษาความสะอาดที่ศาลากลาง จังหวัดปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 95/2548

ห้า นายอิสยาส มันหวัง อายุ 24 ปี ครูประจำศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 96/2548

ตามมาด้วยการจับกุมนายสุไฮมี ตอเลาะ ในเวลาต่อมา

ข้อน่าสังเกตก็คือ นายมะสุกรี ฮารี นายสะและ เด็ง นายตอเล๊ะ ดิสะเอ๊ะ ล้วนแล้วแต่เป็นครูสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดยะลา ทั้ง 3 ถูจับกุมในข้อหาร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย หรือข่มขู่ว่าจะใช้กำลังเพื่อการแบ่งแยกราชอาณาจักร อันเป็นความผิดฐานกบฏ

ส่วนนายมุสตอปา เจ๊ะยะ กับนายอิสยาส มันหวัง ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันฆ่านายดาบตำรวจโมฮัมหมัด เบญญกาจ ผู้บังคับหมู่งานวิทยาการจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2547

นอกจากนี้ ทั้งสองยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยพัวพันในคดีสังหารนายรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี คดีสังหารนายดุษฎีบุญ ฤทธิสุนทร นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สังหารนายมนูญ คชอ่อน ครูโรงเรียนปะกาฮารัง ยิงนายอารายิ ยูซง อบต.บาราเฮาะ และคดีสังหารเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคดีในจังหวัดปัตตานี

ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ตำรวจอ้างว่า ใช้เวลาเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามความเคลื่อน
ไหวของผู้ต้องหาทั้ง 2 มาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน จนเป็นที่แน่ชัดจึงขออนุมัติหมายจับศาลอาญา ที่ 95 – 98/2548 เพื่อจับกุมนายมุสตอปา เจ๊ะยะ นายอิลยาส มันหวัง นายมะอาซี บุญพล และนายตูรีดี มะดง ตามลำดับ

ขณะนี้ ทั้งนายมะอาซี บุญพล และนายตูรีดี มะดง ยังคงอยู่ในระหว่างหลบหนี

เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ถูกจับกุมและผู้ถูกออกหมายจับ 2 คน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหา
วิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

หนึ่ง นายนายอิลยาส มันหวัง

สอง นายมะอาซี บุญพล

ทั้ง 2 ไม่เคยผ่านการศึกษาด้านศาสนาจากต่างประเทศ

ประเด็นที่ต้องตั้งข้อสังเกตอย่างเป็นพิเศษ อยู่ตรงที่ในวันจับกุมนายอิลยาส มันหวัง เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เชิญนายมะหามะสุกรี ดือราแม นักศึกษาชั้นปี 1 สาขาภาษามลายู จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ
ภูธรอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยใช้เวลาสอบนานถึง 2 ชั่วโมง

เป็นการสอบปากคำ โดยไม่ยอมให้นายวรวิทย์ บารู รองอธิกาบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่ถูกเชิญมาเป็นพยานในการเชิญตัวนายมะหาสุกรี ดือราแม มอบปากคำคราวนี้ และทนายความอีก 1 คน เข้ารับฟังการสอบปากคำ

ทั้งนายนายอิลยาส มันหวัง และนายมะอาซี บุญพล จบปริญญาตรีสาขากฎหมายอิสลาม ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่เปิดสอนในวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

นายอิลยาส มันหวัง จบเมื่อปี 2545 ส่วน มะอาซี บุญพล เป็นรุ่นน้องของนายอิลยาส มันหวัง 1 ปี

หากมองย้อนกลับในระหว่างที่ทั้ง 2 กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทั้ง 2 ต่างเป็นนักกิจกรรมตัวยง

นายอิลยาส มันหวัง มีอดีตเป็น “นายกสโมสรวิทยาลัยอิสลามศึกษา” วิทยาลัยที่มีฐานะเทียบเท่ากับคณะของมหาวิทยาลัย

ยุคนั้น นายอิสยาส มันหวัง มีบทบาทโดดเด่นจากการทำกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายจากวิทยาลัยอิสลามศึกษา เช่น ออกค่ายอบรมศาสนาอิสลามภาคฤดูร้อนให้กับเยาวชนมุสลิม หรือกิจกรรมเพื่อสาธารณะอื่นๆ เช่น อาสาสมัครสอนหนังสือเด็ก ที่ศูนย์เด็กกำพร้าบ้านปัตตานี เป็นต้น

ส่วนมะอาซี บุญพล มีอดีตเป็น “ประธานชมรมมุสลิม” แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งเป็นชมรมที่มีบทบาทสร้างผู้นำให้กับสังคมมุสลิมภาคใต้มาแล้ว นับจำนวนไม่ถ้วน กระทั่ง เป็นที่รู้กันดีของสังคมมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้

บทบาทสำคัญของ “ชมรมมุสลิม” แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี คือ ออกค่ายอาสาพัฒนาชุมชนมุสลิม ออกค่ายสร้างโรงเรียนตาดีกา ออกค่ายอบรมเยาวชนมุสลิมในภาคใต้ ส่งอาสาสมัครนักศึกษาสอนศาสนาตามโรงเรียนตาดีกา ในชุมชนรอบมหาวิทยาลัย เป็นต้น

ทั้ง 2 ได้รับการยอมรับจากนักศึกษามุสลิม แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีในยุคนั้นว่า เป็นนักกิจกรรมที่มีศักยภาพสูง

แน่นอน ไม่มีใครนึกว่า วันหนึ่งทั้ง 2 จะตกเป็นผู้ต้องหาก่อความไม่สงบ

นายอิลยาส มันหวัง เป็นชาวอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จังหวัดยะลา ก่อนถูกจับกุมมีฐานะเป็นครูสอนศาสนา สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน แห่งกระทรวงศึกษาธิการ

นางฮามีดะห์ มันหวัง ผู้ภรรยา เป็นครูวิทยากรอิสลามศึกษา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลา
นครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มีอดีตเป็นรองนายกสโมสรวิทยาลัยอิสลามศึกษารุ่นเดียวกัน

ส่วนนายมะอาซี บุญพล เป็นชาวอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา จบจากชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเตรียมศึกษาวิทยา โรงเรียนของนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี

ด้วยเหตุที่นายมะอาซี บุญพล ยังว่างงานต้องแวะเวียนเข้าไปที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อติดตามข่าวรับสมัครงานอยู่เป็นระยะ จึงถือโอกาสไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนนักศึกษารุ่นน้องเป็นประจำ

ทว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงนายดุษฎีบุญ ฤทธิสุนทร นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลา
นครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี บรรดานักศึกษามุสลิมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องล้วน
แล้วแต่ถูกจับตามองจากคนของรัฐ ด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างยิ่ง

กระทั่ง นำมาสู่การตรวจค้นบ้านพักนักศึกษามุสลิม 4 ครั้ง ยึดอุปกรณ์การเรียนไปหลายชิ้น

ส่งผลให้นายมูฮำหมัดฮาซัน ซังการี ประธานชมรมมุสลิม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีคนปัจจุบัน อดีตนักเรียนจากโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ต้องหลบลี้หนีหน้าไปจนบัดนี้ก็ยังไม่กลับเข้าห้องเรียน ด้วยทนแรงกดดันจากคนของรัฐไม่ไหว

อันเป็นแรงกดดันที่เกิดขึ้น ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ยิงนายดุษฎีบุญ ฤทธิสุนทร

การจับกุมอดีตผู้นำนักศึกษา ทั้ง 2 คน และการกดดันอย่างหนักจนผู้นำนักศึกษามุสลิมคนปัจจุบันทนไม่ไหว นำมาสู่เสียงเล่าลือที่สร้างความหวั่นไหวให้กับหมู่นักศึกษามุสลิม ณ มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีอยู่ในเวลานี้

เสียงเล่าลือระบุว่า บัดนี้มีการขึ้นบัญชีดำนักศึกษามุสลิมของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีแล้วกว่า 50 คน ในจำนวนนี้ เป็นนักศึกษาชั้นปี 3 ซึ่งกำลังมีบทบาททำกิจกรรมอยู่ตามองค์กรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถึง 14 คน

คำเล่าลือเหล่านี้ ย่อมสร้างความหวาดหวั่นกับนักศึกษามุสลิม แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีอย่างหนัก

นี่ยังไม่นับรวมไปถึงความหวาดระแวงของผู้คนทั่วไป ที่มีต่อนักศึกษามุสลิมของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งนี้

นี่คือ เค้าลางแห่งความยุ่งยาก ที่ยืนโบกมือรออยู่เบื้องหน้า ณ เวลานี้

ประชาไทรายงาน

[mahdisaudi]

ขอพระองค์อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงคุ้มครองน้องๆที่บริสุทธิ์ทุกท่าน และคนใดกลั่นแกล้งผู้เรียนสอนอัลกุรอานขอจงพินาศบรรลัย