ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - กระแสปิดหน้า VS กระแสหมั่นไส้‏
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
กระแสปิดหน้า VS กระแสหมั่นไส้‏

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เกี่ยวกับมุสลิมะห์
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
muslim
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 08/09/2009
ตอบ: 2


ตอบตอบ: Tue Sep 08, 2009 12:14 pm    ชื่อกระทู้: กระแสปิดหน้า VS กระแสหมั่นไส้‏ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กระแสปิดหน้า VS กระแสหมั่นไส้‏


ได้อ่านหนังสือโรตีมะตะบะ ขึ้นปกว่า “แต่งงานง่าย ซินาสิยาก” รู้สึกสนใจทันที น่าอ่าน ช่างเป็นคำพูดที่คมจริงๆ เพราะปัจจุบันคนเรามีค่านิยมแต่งงานยาก ทำซินากันง่าย แต่ว่าอิสลามสอนให้เราแต่งงานง่ายๆ แต่ยากที่จะไปทำซินา

ก็เลยเปิดอ่านดูเนื้อหา เป็นเรื่องสั้นที่สร้างตัวละครหลักขึ้นมาชื่อ “มีนา” เป็นมุสลิมะฮฺปิดหน้า ซึ่งสนใจมุสลิมีนที่ชื่อ “อามีน” เป็นผู้บรรยายวิพากษ์สังคมในโครงการ “แต่งงานยาก ซินาง่าย” ซึ่งตัวอามีนได้สนใจมุสลิมะฮฺที่ชื่อ “ซัลมา” ซึ่งไม่ปิดหน้า

ทั้งหมดนี้เนื้อหาเรื่องของการแต่งงานง่ายเป็นแค่ฉากบังหน้า เป็นลูกไม้ที่ใช้เพื่อสอดแทรกเหน็บแนมกระแสปิดหน้า เรื่องของเรื่องก็คือ ผู้เขียนสมมุติตัวเองว่าชื่อมีนา เป็นครู อดีตเป็นอามีเราะฮฺ มีนาเป็นคนปิดหน้า ซึ่งเข้าใจว่าตนเองเป็นคนดี คนเก่ง เพียบพร้อมคู่ควรที่จะแต่งงานกับอามีนซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหว จึงเป็นฝ่ายเสนอตัวให้ผู้ใหญ่ไปทาบทามทางฝ่ายอามีนให้ ส่วนทางอามีนกลับสนใจหญิงไม่ปิดหน้า แต่เรียบร้อย มารยาทดี ที่ชื่อซัลมา อามีนจึงปฏิเสธมีนาเพราะสนใจซัลมาอยู่

ปรากฏว่าผู้เขียน คือมีนาแสดงความพอใจที่อามีนปฏิเสธตนแล้วเลือกคนไม่ปิดหน้า โดยในข้อเขียนพูดว่า “วันรุ่งขึ้นที่ฉันได้รับรู้คำตอบจากปากอามีน มันไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจเลย กลับรู้สึกประทับใจในตัวเขา อามีนไม่ได้เลือกคนตามกระแส ว่าต้องเลือกภรรยาที่เป็นคนปิดหน้าเท่านั้น ไม่ได้ยึดติดว่าปิดหน้าเท่านั้นจึงจะเป็นภรรยาที่ดีได้ ถึงอามีนจะไม่ได้เลือกฉัน แต่เขาก็เลือกจากคนที่ดี ไม่ได้บกพร่องในเรื่องศาสนา แถมยังไม่ได้มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ฉันเองก็ประทับใจซัลมาตั้งแต่แรกเห็นและมันเป็นความรู้สึกเดียวกับบังอามีนที่มองเห็นในตัวเธอ”

นั่นคือความเห็นที่ผู้เขียนใส่ลงไป ซึ่งข้อแรกขอจับเท็จว่า ที่ว่าอามีนไม่ได้มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอกนั้นไม่จริงเลย เพราะก่อนหน้านั้น ผู้เขียนได้เขียนถึงคำพูดอามีนที่อธิบายต่อพ่อว่าทำไมจึงเลือกซัลมาว่า “เธออยู่เบื้องหลังครับพ่อ ทำหน้าที่เก็บกวาด และจัดอาหารคนเดียวโดยไม่ปริปากบ่น” เมื่อพ่อถามว่า เธอปิดหน้าหรือไม่ อามีนตอบว่า “เปล่าครับ เธอไม่ได้ปิดหน้า แต่เธอก็เป็นมุสลิมะฮฺที่ดีนะครับ ไม่ได้เหลวใหลอะไร ละหมาดก็ครบ แต่งตัวก็เรียบร้อย”

เห็นหรือยังว่าสาเหตุที่ทำให้อามีนชอบผู้หญิงคนนี้คือภายนอกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเก็บกวาดอยู่เบื้องหลังโดยไม่ปริปาก รวมถึงละหมาดครบ แล้วก็แต่งตัวเรียบร้อย ทั้งหมดนี้อามีนก็เลือกจากที่ตาเห็นภายนอก ไม่รู้หรอกว่าหัวใจ จิตใจของคนๆนั้นเป็นอย่างไร

ไม่มีใครรู้สิ่งที่อยู่ในใจ บางคนภายนอกปิดหน้า แต่จิตใจอาจไม่ดี เจ้าชู้ ขี้อิจฉา ชิงดีชิงเด่นกับผู้หญิงด้วยกัน ปิดหน้าแล้วทำเป็นเดินผ่านสายตาให้ผู้ชายสนใจ อย่างนี้ก็มี หรือไม่ว่าจะคนไม่ปิดหน้าอย่างที่อามีนเลือกก็เหอะ ลูกไม้ของผู้หญิงนั้นแพรวพราว แกล้งทำเป็นช่วยงานอยู่เบื้องหลัง แต่ก็รู้ว่ามีคนเห็นมีคนสนใจ ทำสงบเสงี่ยมเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม จิตใจมีแต่อิจฉาริษยา แอบหมั่นไส้เพื่อนๆที่ปิดหน้า อย่างนี้ก็มี

จริงๆคือเราไม่มีวันรู้สิ่งที่อยู่ภายใน การเลือกคู่มันก็เลยต้องดูจากภายนอกด้วยกันทั้งนั้น มีหรือที่สืบข้อมูลกันแล้วจะรู้ถึงภายในหัวใจ ไม่มีหรอก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องมอบหมายต่ออัลลอฮฺ

เชื่อได้เลยว่าตัวผู้เขียนเองไม่ได้ปิดหน้า แล้วก็ไม่พอใจที่มีผู้ชายส่วนหนึ่งนิยมเลือกหญิงปิดหน้าโดยเข้าใจว่าดีกว่า จริงๆก็น่าจะยอมรับไปซะให้หมดเรื่องไปเลยว่าเขาดีกว่าจริงๆ

เพราะถ้าไม่คิดแบบนั้น ในทางตรงข้ามก็คือ ถ้าเราไม่ยอมรับว่าเขาดีกว่า ก็คือ “เรากำลังจะบอกว่าเราดีกว่าเขา” นั่นเอง

มักเป็นความคิดที่แล่นอยู่ในหัวสมองของคนที่หมั่นไส้คนปิดหน้าว่า “เชอะ คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นน่ะสิ” ทั้งที่จริงๆแล้วไม่มีใครคิดแบบนั้น มุขแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่คลุมหิญาบว่า “เชอะ คลุมหิญาบแล้วคิดว่าดีกว่าคนไม่คลุมน่ะสิ ...ฉันน่ะไม่คลุมแต่ฉันจิตใจดีงามกว่านะยะ”

เชื่อหรือเปล่าว่าจริงๆแล้วโดยมากคนที่กล้าปิดหน้านั้น หัวใจต้องผ่านอะไรไปแล้วระดับหนึ่ง การที่จะคิดทะนงตนว่าดีกว่าคนอื่นนั้นไม่มีหรอก แต่เชื่อหรือเปล่าว่าคนอวดโฉมต่างหากที่คิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น ไหนคนอวดโฉมทั้งหลายช่วยสาบานต่ออัลลอฮฺแล้วมาเป็นสักขีพยานซิว่าคิดแบบนี้หรือเปล่า “ฉันเสียดายในความงามของฉัน ฉันขอโชว์ซะหน่อย” “ฉันอาย เลยไม่กล้าคลุม” “ฉันแต่งตัวมีรสนิยม” “พวกคลุมผมนี่งี่เง่าจริงๆ ฉันนี่แหละรู้สังคมรู้โลกมากกว่า”

น่าหน่ายใจ ที่วันนี้ฝ่ายต่อต้านกลับเหิมเกริม ประชดประชัน เหน็บแนมจนเป็นกระแส ในขณะที่ฝ่ายที่ถูกต้านกลับไม่ตอบโต้ความเท็จแม้แต่น้อย คนปิดหน้าเองออกมาพูดซ้ำๆ “คนปิดหน้าไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ไม่ปิด” มันก็ใช่ แต่ไม่น่าพูดออกตัวหรือถ่อมตัวอะไรแบบนี้บ่อยๆ ถ้าจะพูดประโยคนี้การถ่อมตัวที่ดีคือเงียบเสียดีกว่าพูด

ชายที่เลือกคู่โดยดูที่ปิดหน้ากลับถูกหมั่นไส้ อุตส่าห์เลือกสวนทางกับชาวโลกยังถูกหาว่าเป็นกระแส ทั้งๆที่ต้องเผชิญในอะไรในสังคมมากมาย ยิ่งแล้วตัวคนปิดหน้านั้นจะยิ่งได้สัมผัสกับสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ บรรยากาศที่แตกต่างของคำว่า “คนแปลกหน้า” ที่คนไม่ทำก็มิอาจได้รับรู้หรือเข้าใจ

รู้หรือเปล่า จริงๆแล้วเรื่องการปิดหน้า ถูกปลุกประเด็นสร้างกระแสขึ้นมาจากฝ่ายต่อต้านโดยเป็นส่วนใหญ่ เพราะเกิดจากการที่หัวใจมีปัญหา เต้นผิดปกติ หัวใจไม่สงบครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องอคติและริษยา

มีหนังสือลุอฺลุอฺเล่มนึงเคยสัมผัสการเลือกคู่ของมุสลิมีน โดยจับประเด็นเรื่องการเลือกคู่ของมุสลิมีนในเรื่องของปิดหรือเปิดหน้า ก็เลือกมาสัมภาษณ์ทั้งสองแนวคิด ทั้งๆที่ไม่น่าเอามาเป็นประเด็นเพราะ ใครจะเลือกคนเปิดหน้าก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะความดีของคนไม่ได้อยู่แต่เรื่องนี้เท่านั้น ข้อนี้ก็เข้าใจตรงกันว่า คนเปิดหน้าแต่ความดีอื่นๆก็อาจมีมากมายที่ทดแทนได้ หรืออาจมากกว่าตัวเลือกที่ปิดหน้าก็เป็นได้ แต่พบว่ามีความเห็นแปลกๆที่ให้สัมภาษณ์ในหนังสือ โดยกล่าวอย่างแข็งกร้าวทำนองว่า “เลือกคนเปิดหน้าแน่นอน ไม่สนคนปิดหน้า ยิ่งแล้วคนที่ปิดหน้าแล้วคิดว่าดีกว่าคนอื่นนี่ไปไกลๆเลย” จริงๆมันก็น่าย้อนถามสองข้อว่า 1.แล้วถ้าปิดหน้าแต่ไม่คิดว่าตัวดีกว่าคนอื่นล่ะจะสนหรือไม่ 2.แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคิดตัวเองดีกว่าหรือไม่ได้คิด

คำตอบมันก็คือไม่สน แล้วก็ไม่รู้ มันก็รู้กันอยู่ถ้าลองใช้สติปัญญาทบทวนดูในสิ่งที่ตนเองพูดหรือรู้สึกนึกคิด แต่ก็เพราะเราไม่ใช้ปัญญาแต่เราใช้อารมณ์นี่สิ มันก็แค่ “กระแสต่อต้านปิดหน้า” เท่านั้นเอง อัลลอฮฺให้สมองให้สติปัญญาเพื่อใคร่ครวญ แต่กลับคิดได้แค่ว่าชายที่เลือกหญิงปิดหน้านั้นเป็นแค่ “กระแส” ...ก็น่าเศร้า แต่ก็ขอให้ผลตอบแทนที่ได้รับทั้งโลกนี้และโลกหน้านั้นเป็นไปตามสมองที่ใช้ก็แล้วกัน ไม่ได้เอะใจบ้างเลยว่าเขาอาจรู้อะไรดีๆมากกว่าที่เราคิด


ในโลกนี้นั้น ...

เชื่อหรือไม่ มีผู้ชายที่เลือกผู้หญิงที่ความหมวย เอ็กซ์ เซ็กซี่ มากกว่าชายที่เลือกหญิงที่เรียบร้อย

เชื่อหรือไม่ มีผู้ชายที่เลือกผู้หญิงแต่งตัวโชว์ร่าง มากกว่าชายที่เลือกผู้หญิงที่คลุมผม

เชื่อหรือไม่ มีผู้ชายที่เลือกผู้หญิงที่คลุมผมทั่วไป มากกว่าชายที่เลือกผู้หญิงที่คลุมหิญาบถูกต้อง

เชื่อหรือไม่ มีผู้ชายที่เลือกผู้หญิงที่คลุมหิญาบเปิดหน้า มากกว่าชายที่เลือกผู้หญิงปิดหน้า


ถ้าไม่เชื่อก็ท้าให้เอาเอแบคโพลมาสำรวจได้ ...แต่คิดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ

ในเมื่อทุกคนรู้แบบนี้ แล้วทำไมเล่าพี่น้องเอ๋ย ทำไมเราถึงกล้าเรียกว่านี่คือ “กระแส” ?

สิ่งที่มีคนในโลกนี้ทำกันน้อยๆ มันคือกระแสหรือ ?


การปิดหน้าน่ะหรือคือกระแส ? แล้วกระโปรงสั้นสายเดี่ยวไม่ใช่กระแสหรือ ?

คลุมผมแต่ใส่เสื้อกางกางแฟชั่นสวยงาม อย่างนี้ไม่ใช่กระแสหรือ ?

คลุมหิญาบเปิดหน้าที่เราเห็นทั่วไปทั้งโลกนี้ ไม่ใช่กระแสหรือ ?

นั่นสินะ อะไรที่มันมีน้อยๆ มันมักเด่น มักเป็นที่จับจ้อง และมักเป็นประเด็น


เอาล่ะ หากเรียกว่ามันคือกระแส ไม่เป็นไร แต่ถามว่าสิ่งนี้ไม่ใช่กระแสที่ดีหรอกหรือ ?

จะเป็นอะไรไปหากสมัยนี้ มุสลิมนิยมละหมาดซุนนะฮฺ มุสลิมนิยมถือศีลอดซุนนะฮฺ

มุสลิมนิยมละหมาดกิยามุลลัยลฺ มุสลิมนิยมไว้เครา มุสลิมนิยมปิดหน้า มุสลิมนิยมให้สลาม

มุสลิมนิยมแต่งงานง่าย มุสลิมนิยมบอยคอต มุสลิมนิยมญีฮาด มุสลิมนิยมฟื้นฟูซุนนะฮฺต่างๆ

มุสลิมนิยมเลือกคู่กันที่การปิดหน้า มุสลิมนิยมเลือกคู่กันที่เครา มุสลิมนิยมเลือกคู่กันที่มารยาท

มุสลิมนิยมเลือกคู่กันที่การถือศีลอดบ่อยๆ มุสลิมนิยมเลือกคู่กันที่การทำงานศาสนา

เหล่านี้หากแพร่กระจายไปทั่วโลก มันไม่ได้เป็นกระแสที่ดีหรอกหรือ ?


ช่างน่าหน่ายใจเหลือเกินกับประชาชาติของเราที่มีแต่ความอิจฉาริษยากัน ช่างน่าหน่ายใจกับการที่ประชาชาติเราต่อสู้กันทางอารมณ์ ตามนัฟซู หัวสมองคิดแต่เรื่องอคติต่อพี่น้อง มากกว่าอคติต่อศัตรูอิสลาม หยุมหยิมกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ สร้างกระแสต่อต้านสิ่งดีงาม มุ่งตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ

พี่น้องช่วยกันดุอาอฺเถิด ...โอ้อัลลอฮฺ โปรดให้ความสูงส่งกลับมายังประชาชาติอิสลาม ช่วยขจัดความริษยาออกไปจากประชาชาติของเรา ให้ประชาชาติของเรากลับมาเข้มแข็งในหลักการ หยุดความเคลื่อนไหวของผู้ทำลาย และสนับสนุนผู้ฟื้นฟู

โอ้อัลลอฮฺ โปรดให้สัจธรรมนั้นชนะความเท็จโดยทั่วทุกพื้นที่ ขอให้สัจธรรมปรากฏในทุกพื้นที่ ให้คนมีการปิดหน้าตามแบบซอฮาบียะฮฺและภรรยานบีนั้นแพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของโลก โดยไม่มีผู้ใดต่อต้านไหว ช่วยให้การต่อต้านนั้นยิ่งเป็นการทำให้มันขยายเร็ว ดังที่อิสลามนั้นแผ่ขยายอย่างรวดเร็วเมื่อยิ่งมีการต่อต้าน

พี่น้องมุสลิมะฮฺทั้งหลายที่เปิดหน้า โปรดอย่าน้อยใจหากท่านมิได้คิดร้ายกับใคร มิได้ริษยาใคร ท่านไม่ได้ผิดอะไร แต่ขอให้ท่านเปิดใจรับในสิ่งที่ดีกว่าเถิด หากท่านไม่ทำก็ไม่ผิด แต่หากปฏิเสธหรือต่อต้าน มันคือความผิดอย่างแน่นอน วันนี้หากทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยโปรดเลือกข้างให้ถูกเถิด

ก่อนที่หลวงพ่อจะพูดว่า “โยมมุสลิม อาตมาล่ะงงว่าในศาสนาอาตมาไม่มีใครปลุกประเด็นว่าชีที่โกนหัวไม่ได้ดีไปกว่าชีพราหมณ์ แต่ทำไมศาสนาของโยมมุสลิมกลับมีประเด็นว่าคนปิดหน้าดีกว่าคนเปิดหน้าหรือไม่”

จาก ..เยาวชนที่หน่ายใจกับประชาชาติ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Wed Sep 09, 2009 12:17 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation อัลฮัมดุลิลลาฮฺ เขียนได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

อยากให้ท่านผู้เขียน เขียนต่อเนื่องต่อไปเรื่อยๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
muslim
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 08/09/2009
ตอบ: 2


ตอบตอบ: Wed Sep 09, 2009 12:14 pm    ชื่อกระทู้: ใครสร้างประเด็นงี่เง่า ? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ใครสร้างประเด็นงี่เง่า ?

หลังจากที่เขียนเรื่อง “กระแส (หมั่นไส้) ปิดหน้า” ส่งตามเมล์ ก็มีเสียงต่อว่าตอบโต้มาทันที เข้าใจได้ไม่ยากว่า มีอยู่สองประเภทที่ต่อว่ามา ประเภทแรกคือกลุ่มผู้ที่ถูกพาดพิงไป และอีกประเภทคือคนที่ไม่ชอบเห็นความขัดแย้ง หรือฟิตนะฮต่างๆ ซึ่งมีการต่อว่ามาว่า เป็นประเด็นงี่เง่า ไม่น่าเอามาพูด และมีการเข้าใจผิดไปว่าเป็นการวิจารณ์ตัวบุคคลโดยตรงหรือตัวผู้เขียน

สำหรับบทความนี้ก่อนอื่นต้องขอมะอัฟต่อบุคคลที่ถูกพาดพิง คือผู้เขียนคอลัมน์โรตีมะตะบะที่กล่าวถึงไป เนื่องจากได้มีความเข้าใจผิดพลาดเกิดขึ้น ตรงนี้ต้องขอถอนและแก้ใหม่เป็น ผู้เขียนนั้นไม่ได้ริษยาหมั่นไส้คนปิดหน้า เพราะตนเองก็ปิดหน้า แต่เหน็บผู้ชายที่เวลาเลือกคู่ กลับเลือกแต่คนปิดหน้า ทั้งๆที่คนปิดหน้าหลายคนก็มีข้อด้อยหลายข้อกว่าคนที่ไม่ปิดหน้า ..ขอละไว้ตรงนี้ก่อน และขอตอบบก.ที่ได้ชี้แจงมาทันควันดังนี้..

อัสสลามุอะลัยกุ้ม
ข้อแรก คนที่เขียนเรื่องนี้เขาก็ปิดหน้า
ข้อสอง ในฐานะบรรณาธิการที่อ่านงานเขียนด้วยตัวเอง สิ่งที่จับความได้ในเรื่องสั้นนี้ก็คือ การเลือกคน ไม่ใช่จะพูดประเด็นเรื่องการปิดหน้า
ข้อสาม อันนี้ขอแนะนำ การจะสื่อสารหรือพิมพ์อะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นสาธารณะ แนะนำน้องว่า ควรจะสืบเสาะอะไรให้มั่นใจก่อน เช่น อีเมล์มาถามที่วารสาร ก่อนที่จะพิมพ์ลงไป อย่างเช่นกรณีนี้การที่น้องไปพิมพ์ในเว็บอิกเราะฮฺเพื่อต้องการเผยแพร่ ตัวผมเองมองว่า มันคือการสร้างฟิตนะฮฺกันเสียเปล่าๆ ทั้งกรณีกับวารสาร กับคนที่เปิดหน้า หรืออื่นๆ
วัสสลามุอะลัยกุ้ม
บรรรณาธิการวารสารโรตีมะตะบะ



ชี้แจง.. จริงๆแล้วบก.ไม่จำเป็นต้องออกตัวหรือเดือดร้อนอะไร เพราะปกติก็ชอบซื้อชอบอ่านอยู่แล้ว เนื้อหาดีโดนใจวัยรุ่น แล้วหนังสือสาธารณะย่อมจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ เข้าใจผิด เข้าใจถูกกันได้ ผลงานก็ย่อมมีทั้งผิดทั้งถูก นี่คือมนุษย์ จะไม่ถูกตำหนิเลยเป็นไปไม่ได้ ..ตรงนี้ขอตอบสิ่งที่บก.ชี้แจงมาเป็นข้อๆ

ข้อแรก.. ก็ขอมะอัฟผู้เขียนและความเข้าใจผิดในส่วนหนึ่ง แต่ก็อยากให้ผู้เขียนถอนคำพูดเช่นกันที่ดูถูกคนเลือกคู่โดยการปิดหน้าว่าเป็นการ “ตามกระแส” ตรงนี้ถือเป็นฟิตนะฮฺ และเป็นการกล่าวหาใส่ร้ายโดยไม่ศึกษาความคิดของคนเหล่านั้นให้รอบครอบเสียก่อนเช่นกัน แต่ก็เข้าใจว่าเนื่องจากผู้เขียนก็ปิดหน้า จึงไม่ได้เขียนเนื่องจากริษยาหมั่นไส้แน่นอน แต่อาจเป็นเพราะมักได้ยินสิ่งนั้นบ่อยๆ เช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่ได้ยินบ่อยๆจนเกิดการเข้าใจผิดในตัวผู้เขียนว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนเหล่านั้นด้วย

ข้อสอง.. ในแต่ละหนังสือหรือแต่ละบทความ ไม่ว่าเราจะเรียนภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือไหนๆ ก็จะมีการสอนให้จับใจความ ฉะนั้นคนที่นำการจับใจความมาใช้ก็จะรู้ว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไร หากมีโจทย์ว่า ประโยคไหนเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้เขียนต้องการสรุปหรือต้องการบอกถึงความเห็นของผู้เขียน คำตอบก็อย่างที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปแล้ว ซึ่งทางบก.เองก็เห็นเหมือนกันว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับการเลือกคน ..ตรงนี้ถูก แต่บอกว่าไม่เกี่ยวกับการปิดหน้า ..ตรงนี้ไม่ใช่ เพราะบทสรุปว่าตกลงในการเลือกคน จะเลือกคนด้วยการดูที่อะไร.. ผู้เขียนก็ได้ให้คำตอบแล้ว และข้าพเจ้าก็ได้ไฮไลน์ในส่วนไคลแม็กซ์ของเรื่องไปแล้วในบทความที่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ต้องย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องกับบก.เลย เพราะบก.ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบไปเสียทั้งหมด บางครั้งงานเขียนก็เป็นสิ่งอิสระของคอลัมนิสต์ และก็ย้ำอีกเช่นกันว่า ในการเข้าใจผิดของข้าพเจ้าเกี่ยวกับตัวผู้เขียนนั้น ประเด็นของบทความก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ตัวผู้เขียนโดยตรง เพียงแต่ว่าผู้เขียนเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งที่ถูกยกมาในประเด็นที่ได้สื่อไป

ข้อสาม.. การที่จะเผยแพร่อะไรที่เป็นสาธารณะต้องสืบให้ดีเสียก่อน ตรงนี้ก็เห็นด้วยกับมาตรฐานข้อนี้เหมือนกัน และขอยอมรับในความผิดพลาด และตัวผู้เขียนเองก็ต้องยอมรับในความผิดพลาดด้วยเหมือนกันที่เผยแพร่เรื่องราวในสาธารณะก็คือหนังสือ โดยพาดพิงบุคคลที่สาม ก็คือชายที่เลือกคู่โดยดูที่การปิดหน้านั้นว่าเป็นการตามกระแส ตรงนี้ไม่เป็นการฟิตนะฮฺหรือ? ไม่เป็นการดูถูกคนอื่นเกินไปหรือ? ไม่เป็นการให้ร้ายไปหน่อยหรือ? ถึงแม้จะไม่ได้กล่าวเจาะจงบุคคลใด แต่มันก็กว้างกว่าเพราะเป็นการเหมาโดยรวม และมันก็ยังเป็นการตำหนิสิ่งดีงามที่อิสลามให้มา ตำหนิสิ่งดีงามในสังคมมุสลิม ที่ผู้ชายจะเลือกคู่ครองโดยดูที่มารยาทการแต่งกาย ระดับในการปกปิดหวงแหนหรือสงวนเรือนร่าง ซึ่งผู้เขียนก็น่าจะรู้เนียะมัตที่ตนเองได้รับ ร้อนก็ร้อน หายใจก็ลำบาก กินก็ลำบาก ไปไหนมาไหนคนก็มองเป็นตัวประหลาด แต่ก็ทำ ทำเพื่ออะไร? ในขณะที่คนส่วนมากไม่ได้เลือกผู้หญิงแบบนี้ แต่ชายส่วนน้อยพวกนี้เขาเข้าใจ ไม่ได้สิ้นคิด ไม่ได้ทำเพื่อเท่ แต่กลับถูกกล่าวถึงในแง่ร้าย จึงขอเตือนว่าผู้เขียนอย่าได้หลงตามกระแสความคิดคน ลมปากคำพูดคน และก็หวังว่าบก.จะให้มีการแก้ตัวในการนำเสนอสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลบล้างข้อผิดพลาด แล้วก็ส่วนที่บก.บอกว่าจะเป็นการฟิตนะฮฺต่อคนเปิดหน้า อันนี้ไม่จริงเลย ก็ขอย้ำเหมือนในบทความที่แล้วว่า คนเปิดหน้าไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องหมั่นไส้ เพราะไม่ได้ต่อว่าเลย อ่านให้เข้าใจจะรู้ว่าต่อว่าไปเฉพาะคนขี้อิจฉาเท่านั้น

ขอชี้แจงประเด็นบทความที่แล้วต่อว่า ตรงนี้ไม่ได้เป็นการจุดประเด็นหรือสร้างเรื่องบ้าๆบอๆขึ้นมาพูด แต่ขอให้หยุดนิ่งคิดทบทวนอย่างเป็นธรรมนิดนึงว่า หากเรื่องปิดหรือเปิดหน้าจะเป็นประเด็นขึ้นมาแล้ว ฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายที่เริ่มจุดประเด็น? ฝ่ายไหนที่เป็นผู้ตีประเด็นให้ร้อนเสมอ?

เอาล่ะถ้าคนเราใช้ปัญญาก็จะได้คำตอบ ก็ขอบอกว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะจริงๆที่เกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้น มีการบ่น วิจารณ์ ตลอดจนโจมตีการปิดหน้าอย่างไม่หยุดไม่หย่อน โดยมุขซ้ำๆที่มักอ้างกันก็คือการกล่าวหาคนปิดหน้าว่า “คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น” และจนกระทั่งประเด็นถูกตีให้ร้อนจนกลายเป็นขบวนการ เป็นกระแสต่อต้าน ต่อสู้ทางความคิด

จึงคิดอยู่นานแล้วว่าจะได้มีการตอบโต้เรื่องนี้ซะที เพราะฝ่ายถูกต้านนั้นก็อ่อนแอเสียเหลือเกิน จนกระทั่งหลวมตัวพูด “คนปิดหน้าไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ไม่ปิด” เพื่อยอมลดดีกรีความแรงของคนต่อต้าน แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดที่ถูกต้องข้อนี้ อาจสร้างความเข้าใจผิดในหลักการต่อผู้คนได้ ไม่ต่างกับคำพูดว่า “คนถือศีลอดซุนนะฮฺไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ไม่ถือ” “คนที่เศาะดะเกาะฮฺไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ไม่เศาะดะเกาะฮฺ” “คนที่กล่าวสลามไม่ได้ดีไปว่าคนที่ไม่ให้สลามพี่น้อง” อะไรทำนองนี้ มันอาจทำให้คนคิดว่าก็ไม่เห็นต้องทำหนิ ก็ขออย่าไปกดเกรดให้สิ่งที่ “เป็นตั้งซุนนะฮฺ” ..อันนี้ขอใช้คำพูดจากโรตีมะตะบะ

และเผอิญว่าได้มาเจอตัวอย่างที่จะถูกหยิบยก ทั้งจากหนังสือลุอฺลุอฺ และโรตีมะตะบะ ก็เลยดึงมาเป็นตัวอย่างอ้างอิง แต่ว่าผู้เขียนซวยไป ตกเป็นแพะไปทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในขบวนการเหล่านั้นเลย แต่ไม่ใช่กรณีของลุอฺลุอฺที่ได้เลือกสัมภาษณ์ชายที่เอาชื่อหนังฝรั่งมาตั้งเป็นนามแฝง อันนั้นถือว่าตรงคนถูกคน เพราะหนังสือก็รู้แวดวงอยู่แล้วว่าฝ่ายไหนมีใครบ้างจึงดึงมาสัมภาษณ์ ก็มีคำพูดทำนองว่า “ได้อ่านหนังสือพกพาที่แจกงานนิกาหฺ เห็นคนเลือกโดยดูที่ปิดหน้าแล้วรู้สึกตกใจ” ..เราก็คิดเออน่าแปลกตรงไหน เราเองก็ไม่เคยอ่านแต่เคยดูวีซีดีสัมภาษณ์ 10 หนุ่มโสด ก็มีหลายคนก็เลือกคู่โดยดูคนปิดหน้า ตรงนี้ล่ะมั้ง การมีสื่อเล็กๆน้อยๆออกมาในสังคมบ้าง ก็ถูกมองแล้วว่าเป็นกระแส เป็นเรื่องน่าหมั่นไส้ ..คำพูดนี้มีเยอะ ไม่ใช่แค่ผู้เขียนโรตีมะตะบะเท่านั้น

ใครที่มีใจเป็นธรรม เบื่อฟิตนะฮฺ ก็ช่วยขอดุอาอฺกันด้วยให้อัลลอฮฺทรงหยุดยั้งผู้สร้างฟิตนะฮฺตัวจริง ผู้ที่อธรรมต่อผู้อื่นตัวจริง

พี่น้องโปรดอย่าบ่นลอยๆ ตำหนิลอยๆโดยไม่ดูสาเหตุที่มาที่ไป ไม่ใช่ว่าคนสิบคนรุมชกรุมกระทืบชายคนหนึ่ง แล้วท่านเดินมาพอดีเห็นจังหวะชายผู้ถูกกระทำชกกลับหนึ่งหมัด ท่านก็ต่อว่าว่าเขาทำร้ายผู้อื่นทำไม? และก็เป็นไปได้ว่าอาการเมาหมัดอาจทำให้เขาชกผิดคน คนอื่นก็โดนลูกหลงไป

ฉะนั้นขอปิดท้ายด้วยการชี้แจงพี่น้องที่ส่งมาเตือนอีกท่านที่ว่า “ทำไมต้องเอาประเด็นงี่เง่าแบบนี้มาพูดเถียงด้วย”

ขอตอบว่า ..จากที่ชี้แจงไปแล้ว ขอให้ท่านคิดทบทวน ว่าจริงๆแล้ว ใคร คนแบบไหน คนพวกไหน ที่เป็นผู้เอาประเด็นงี่เง่าแบบนี้มาพูดเถียงด้วย? ใครที่ไม่ยอมหยุด? ..และขอให้ท่านดูให้ดีว่าก่อนหน้าที่มีบทความของข้าพเจ้านี้ เคยมีบ้างไหมที่ฝ่ายผู้ถูกต่อต้านได้ออกมาตอบโต้โจมตีกลับใดๆหรือไม่? เราจะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเงียบกริบมาตลอด นำเสนอแต่หลักการ ไม่เคยโจมตีกลับ จนกระทั่งถึงวันนี้ ข้าพเจ้าขอเป็นคนเดียวที่ตอบโต้แทนว่า พวกต่อต้านนั่นแหละที่เป็นผู้ “ตามกระแส” และอีกทั้ง “สร้างฟิตนะฮฺ” ทั้งที่จริงไม่อยากให้มีคำว่า “ฝ่าย” เกิดขึ้นเลย แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง

ส่วนที่ท่านกล่าวว่า “แต่ละคนก็ย่อมมีความคิด ความอ่าน ความเห็นต่างกัน แต่ความคิด ความอ่านนั้น ไม่เลยเถิดจากกรอบของศาสนา”

ขอแนะนำว่า ..แต่ละคนจะมีความคิดอ่านเป็นของตนเองไม่ได้ แต่จะต้องคิดในกรอบหลักการศาสนา ใช่เลยดังที่ท่านกล่าวมานั่นแหละ จึงขอชี้แจงมา ณ โอกาสนี้ ถึงแม้ประเด็นที่เขียนไปจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องปิดหรือเปิดหน้าดีกว่ากัน แต่ไหนๆก็ขอชี้แจงว่า ในหลักการศาสนาไม่มีบอกว่าเปิดหน้าดีกว่า แต่โดยกรอบแล้ว ในระดับอุละมาอฺเห็นต่างกันเป็นสองทัศนะ ว่าการปิดหน้านั้น 1.วาญิบ 2.มุสตะหับ คือเขาเพียงเห็นต่างกันว่าอนุโลมให้เปิดหน้าหรือไม่ก็เท่านั้นเอง แต่ทุกทัศนะบอกว่าปิดนั้นดีกว่าเปิดอย่างแน่นอน นี่คือกรอบศาสนา

จึงขอใช้โอกาสเสนอแนะพี่น้องมุสลิมะฮฺว่า อย่าไปปวดหัวกับเรื่องเลือกคู่ที่กล่าวไป นั่นเป็นการพิจารณาของชาย เราไม่ต้องไปสน แต่สำหรับตัวมุสลิมะฮฺเอง เพื่อความสะดวกขอแนะนำว่าท่านชัยคฺ ยูซุฟ ก็อรฺเฎาะวี ได้ถือทัศนะว่าเป็นมุสตะหับ คือส่งเสริมให้กระทำ ฉะนั้นน่าลองปฏิบัติดูบ้างเมื่อมีโอกาส เพราะเป็นผลบุญและทั้งผลดีอื่นๆต่อตัวเอง และทำไปเรื่อยๆก็จะชินและคุ้นเคยมากขึ้น


จาก เยาวชนที่หน่ายใจกับประชาชาติ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เกี่ยวกับมุสลิมะห์ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.07 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ