shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Sun Mar 15, 2009 2:31 am ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบชีอะห์1 ในมุสลิมไทย |
|
|
http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?bNo=58&qNo=2278&kword=
คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
ข้อแตกต่างด้านโครงสร้างศาสนาระหว่างซุนนะห์และชีอะฮ์
1. โครงสร้างการศรัทธา (รุก่นอีหม่าน)
หลักการศรัทธาของซุนนะห์
หลักการศรัทธาของชีอะฮ์
1 - ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ 1 - เตาฮีด
2 - ศรัทธาต่อบรรดามะลาอิกะห์ 2 - อาดิ้ล
3 - ศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์3 - นุบูวะห์
4 - ศรัทธาต่อบรรดารอซูล 4 - อิมามะห์
5 - ศรัทธาต่อการกำหนดสภาวการณ์ 5 - กิยามะห์ หรือ มะอาด
6 - ศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์-
ที่มาหลัการศรัทธาของชีอะฮ์ จากบทสรุปการสัมนาวิชาการ หน้าที่ 25 หัวข้อ "พื้นฐานการศรัทธาของชีอะฮ์อิมามียะฮ์" โดยฝ่ายสื่อและสิ่งพิมพ์ สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม (สถาบันชีอะฮ์ในประเทศไทย
2. โครงสร้างหหลักปฏิบัติ (รุ่ก่นอิสลาม)
หลักปฏิบัติของซุนนะห์
หลักปฏิบัติของชีอะฮ์
1 การปฏิญาณตน 1 ละหมาด (3 เวลา)
2 ละหมาดวันละ 5 เวลา 2 - ถือศีลอด
3 - ถือศีลอด 3 - ซะกาต
4 - ซะกาต 4 - ฮัจญ์
5 - ฮัจญ์ 5 วิลายะห์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้ครับ
รุ้ทันชีอะห์ 1 ด้านขวาของเว้ปไซค์นี้ครับ
http://www.fareedfendy.com/
รุ้ทันชีอะห์ 2
ข้างล่างสุดครับ
คำถาม 1
ลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองมีหลักความเชื่อ หรือฐานการศรัทธาห้าประการคือ 1.เตาฮีด 2. อาดิ้ล 3. นุบูวะห์ 4. อิมามะห์ 5.กิยามะห์ หรือมะอาด
คำถามคือ
ลูกหลานของนบีท่านใดที่เรียบเรียงหลักการศรัทธาหรือฐานการศรัทธา 5 ประการให้ชีอะห์ยึดถือ
หมายเหตุ
หากชาวชีอะห์เป็นผู้สัจจริงก็ต้องอิงหลักฐาน และไม่จำเป็นต้องเอาหลักฐานจากตำราของชาวซุนนะห์มาแสดง แค่หลักฐานจากตำราของชาวชีอะห์เองก็ได้ (แต่ไม่ใช่ตำราที่เขียนขึ้นเมื่อวานนะครับ) หากชีอะห์ไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้ แล้วจะอ้างแก่บรรดาผู้คนได้อย่างไรว่า อิสลามตามแนวทางของพวกเขามาจากลูกหลานนบี มันมิใช่เป็นการโกหกต่อชาวโลกหรือ มันไม่ใช่เป็นการใส่ร้ายลูกหลานของท่านนบีหรือ
หวังว่าคงจะได้รับคำตอบนะครับ หากท่านเป็นผุ้สัจจริง
และคำถามนี้ ผมถามไปหลายกระทุ้แล้วนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เจ้าของกระทู้ : กระบี่แห่งศรัทธา ( 14 มีนาคม 52 8:28:00 )
ต่อไปนี้คือคำตอบของผมนะครับ
ไม่ทราบครับ ไม่มีหลักฐาน เพราะผมไม่รู้ ผมมันแย่ผมแพ้ ป. 4 ครับ
ถามชาบ้าบ กลับดั่งที่เคยถามไว้ว่า
หลักกการปฏิบัติในอิสลามของซุนนะนั้นมีแค่ห้าข้อเองหรือครับ และถามพวกชีอ๊ะด้วยเช่นกันว่า หลักปฏิบัติในอิสลามของชีอ๊ะนั้นมี 5 ข้อเหมือนกันกับซุนนะหรือครับ ถ้ามี 5 ข้อทั้งสองฝ่าย รวมกันก็ได้แค่ สิบข้อเอง
อันนี้ผมถามทั้งสองฝ่ายแหละครับ ใครจะตอบก่อนก็ได้ ถ้าชาบ้าบพร้อมก็ตอบก่อนได้ เพราะที่ถามผมมา ผมตอบแล้วว่า ผมไม่รู้ ผมมันแย่ ผมแพ้ ป4 ครับ
แล้วที่ผมถามชาช้าบรู้หรือป่าว หรือช้าบ้าบจะแย่ จะแพ้ อนุบาล 2 ครับ
รอคำตอบทั้งวันทั้งคืน คริ ๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณ อุสมาน ลูกหยี หรือคุณ กระบี่ ครับ........
ดั่งที่ผมถามคุณมาตลอดระยะเวลา...เกือบ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึง...กรณีโครงสร้างของลัทธิ ชีอะห์ อิหม่ามสิบสอง ที่มีโครงสร้างที่แตกต่างจากอิสลามที่แท้จริง
สรุปความของท่าน มีเพียงนี้..........คงไปหา สืบแล้ว ไม่เจอใช่ไหมครับ....ถึงตอบมาดั่งนี้
ไม่ทราบครับ ไม่มีหลักฐาน เพราะผมไม่รู้ ผมมันแย่ผมแพ้ ป. 4 ครับ
ฉะนั้น
1.ย่อมหมายรวมว่า การเรียบเรียงหลักการศรัทธาหรือฐานการศรัทธา 5 ประการให้ชีอะห์ยึดถือนั้น ย่อมตกไป
และไม่ถือว่า โครงสร้างข้างต้น ได้มีที่มาที่ไปจากหลักการอิสลามเลย................คงไม่ขัดข้องนะครับ...
--------------------
2. การที่คุณถามกลับมาว่า....หลักกการปฏิบัติในอิสลามของซุนนะนั้นมีแค่ห้าข้อเองหรือครับ และถามพวกชีอ๊ะด้วยเช่นกันว่า หลักปฏิบัติในอิสลามของชีอ๊ะนั้นมี 5 ข้อเหมือนกันกับซุนนะหรือครับ ถ้ามี 5 ข้อทั้งสองฝ่าย รวมกันก็ได้แค่ สิบข้อเอง
คำตอบข้างต้น..มีดังนี้ครับ
5 ข้อของโครงสร้างในหลักการปฎิบัติของสุนนะห์นั้น ย่อมไม่อาจที่จะนำมารวมกันกับ 5 ข้อของโครงสร้างหลักการปฏิบัติของชีอะห์ได้เลยแม้แต่น้อยครับ...เพราะอันเนื่องจากว่า....หลักโครงสร้างการปฏิบัติและการศรัทธาของสุนนะห์และชีอะห์นั้น ไม่ใช่เป็นความแตกต่างในด้านการปฏิบัติเรื่องปลีกย่อยบางประการตามที่มีการกล่าวอ้างกันเท่านั้น แต่เป็นความแตกต่างตั้งแต่ฐานรากของความศรัทธาและหลักปฏิบัติเลยทีเดียว และความแตกต่างที่ว่านี้ไม่ใช่แค่เพียงจำนวนที่ต่างกันแต่รายระเอียดของเนื้อหาก็แตกต่างกันด้วย
สิ่งที่เราต้องคำนึงเป็นประการแรกก็คือ ศาสนาอิสลามไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของผู้ใดเป็นการเฉพาะ ที่ใครคิดจะปรับเปลี่ยนโครงสร้าง หรือแก้ไขตัดทอนได้ตามใจชอบ แต่ศาสนาอิสลามมีที่มาจากพระองค์อัลลอฮ์โดยให้ท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมเป็นผู้ประกาศ ฉะนั้นเราจึงต้องตรวจสอบโครงสร้างทั้งสองนี้เป็นประการสำคัญว่า มีโครงสร้างที่แตกต่างจากคำสอนของพระองค์อัลลลอฮ์และคำสอนที่ท่านรอซูลได้ประกาศหรือไม่ และหากได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่มีที่มาจากคำสอนก็ย่อมจะเป็นศาสนาอิสลามไม่ได้
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
اِنَّ الذِيْنَ فَرَّقُوا دِيْنَهُمْ وَكاَنُوا شِيَعًا لَسْتَ مِنْهُمْ فِى شَئٍّ
แท้จริงบรรดาผู้ที่แยกศาสนาของพวกเขาออกไป แล้วกลายเป็นกลุ่ม เจ้า (มูฮัมหมัด) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแต่ประการใด ซูเราะห์อัลอันอาม อายะห์ที่ 159
เราจะเห็นได้ว่าโครงสร้างของศาสนาทั้งสองด้านนั้นมีความแตกต่างกัน แต่โครงสร้างไหนเล่าที่มีที่มาจากคำสอนของท่านนบี และโครงสร้างไหนเล่าที่กล่าวอ้างว่าเป็นศาสนาอิสลาม แต่ท่านนบีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เราไปติดตามดูจากอัลกุรอานและฮะดีษโดยเริ่มต้นจากการศรัทธาก่อนเป็นอันดับแรกดังนี้
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
آمَنَ الرَّسُوْلُ بِمَا أُنْزِلَ اِلَيْهِ مِن رَّبِّهِ وَالمُؤْمِنُوْنَ كُلٌّ آمَنَ بِاللهِ وَمَلائِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ
รอซูลนั้นศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมายังท่านและมุอ์มินก็ศรัทธาเช่นนั้นด้วย ทุกคนต่างศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮ์,บรรดามะลาอิกะห์, บรรดาคัมภีร์ และบรรดารอซูลของพระองค์ ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 285
เพียงอัลกุรอานอายะห์เดียวนี้ก็คงทำให้ท่านได้ทราบว่า การศรัทธาของผู้ใดที่ออกนอกกรอบจากคำสอนของอัลกุรอาน ในขณะที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ยืนยันจากอายะห์ข้างต้นว่า นี่คือการศรัทธาของท่านรอซูลและบรรดามุอ์มินทุกคน แต่เราก็ไม่พบร่องรอยหรือวี่แววการศรัทธาของชีอะฮ์จากอายะห์นี้เลย ฉะนั้นเราจึงกล่าวได้ว่า พื้นฐานการศรัทธาของชีอะห์ไม่เหมือนการศรัทธาของท่านรอซูล และไม่เหมือนการศรัธาของมุสลิมทั้งโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และเมื่อได้พิจารณาถึงหลักปฏิบัติก็จะพบว่าแตกต่างไปจากคำสอนของท่านรอซูลอีกด้วยคือ
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ بُنِيَ الاِسْلاَمُ عَلي خَمْسٍ شَهَادَةِ أنْ لاَ اِلَهَ اِلاَّ اللهُ وَأنَّ مُحَمَّداً
رَسُوْلُ اللهِ وَاِقَامِ الصَلاَةِ وَايْتَاءِ الزَكاةِ وَالحَجِّ وَصَوْمِ رَمَضَانَ
ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า อิสลามตั้งอยู่บนรากฐานห้าประการคือ การปฏิญานว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ และ มุฮัมม่าดุรรอซูลุ้ลลอฮ์, การดำรงละหมาด,การจ่ายซะกาต,การทำฮัจญ์ และการถือศีลอดเดือนรอมฏอน บันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 7
แม้ว่าในอัลกุรอานและฮีษของท่านนบีจะสอนเรื่องการศรัทธาและการปฏิบัติไว้หลายประการด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ใดจะหยิบเอาเรื่องใดในคำสอนมาเป็นโครงสร้างหลักของศาสนาโดยพละการ เพราะมิเช่นนั้นแล้วต่างคนต่างก็จะนึกคิดกันไปเอง และอย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่า หากเรื่องวิธีการชำระปัสสาวะและอุจจาระท่านนบีก็ยังสอนไว้ แล้วเรื่องสำคัญเช่นท่านนบีจะปล่อยให้ไขว่คว้ากันเองโดยท่านมิได้สอนเช่นนั้นหรือ ถึงแม้ว่าจะมีอัลกุรอานอีกหลายอายะห์และฮะดีษของท่านรอซูลอีกหลายบทที่บอกถึงเรื่องนี้ไว้ แต่ที่นำมาแสดงนี้ก็เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นว่า อะไรจริงและอะไรคือสิ่งอุปโลกน์ และเราจะปิดท้ายกันด้วยฮะดีษบทต่อไปนี้
بَيْنَمَا نَحْنُ عِنْدَ رَسُوْلِ اللهِ صَلى اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ ذَاتَ يَوْمٍ اِذْ طَلَعَ عَليْنَا رَجُلٌ شَدِيْدُ بَيَاضِ الثِيَابِ
شَدِيْدُ سَوَادِ الشَعَرِ لاَ يُرَى عَليْهِ أثْرُ السَفَرِ وَلاَ يَعْرِفُهُ مِنَّا أَحَدٌ حَتَّى جَلَسَ اِلَي الَنِبيِ صَلىَ اللهُ
عَلْيهِ وَسَلَّمَ فَأسْنَدَ رُكْبَتَيْهِ اِلَي رُكْبَتِهِ وَوَضَعَ كَفَّيْهِ عَلي فَخِذَيْهِ وَقَالَ يَا مُحَمَّد أَخْبِرْنِي عَنِ الاِسْلاَمِ
فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ الاِسْلاَمُ أنْ تَشْهَدَ أنْ لاَ اِلَهَ اِلاَّ اللهُ وَأنَّ مُحَمَّدا رَسُوْلُ اللهِ
وَتُقِيْمَ الصَلاةَ وَتُؤْ تِيَ الزَكَاةَ وَتصُوْمَ رَمَضَانَ وَتَحُجَّ الَبْيتَ اِنِ اسْتَطَعْتَ اِليْهِ سَبِيْلا قَالَ صَدَقْتَ
قَالَ فَعَجِبْنَا لَهُ يَسْألُهُ وَيُصَدِّقُهُ قَالَ فَأخْبِرْنِي عَنِ الايْمَانِ قَالَ أنْ تُؤْمِنَ بِاللهِ وَمَلائِكَتِهِ وَكُتُبِهِ
وَرُسُلِهِ وَاليَوْمِ الآخِرِ وَتُؤْمِنَ بِالقَدْرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ قَالَ صَدَقْتَ قَالَ فَأخْبِرْنِي عَنِ الاِحْسَانِ
قَالَ أنْ تَعْبُدَ اللهَ كَأنَّكَ تَرَاهُ فَاِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَاِنَّهُ يَرَاكَ
ขณะที่พวกเราอยู่กับท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมในวันหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีชายผู้หนึ่งปรากฏต่อหน้าพวกเรา เขามีเสื้อผ้าที่ขาสะอาด,มีผมดำขลิบ, ร่องรอยของการเดินทางไม่ปรากฏให้พวกเราเห็นเลย และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเรารู้จักเขา จนกระทั่งเขาได้มานั่งอยู่ต่อหน้าท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม โดยเอาเข่าของเขาเกยกับเข่าของท่านนบี แล้วเอามือของเขาวางที่หน้าตักของท่าน และกล่าวว่า โอ้มูฮัมหมัด โปรดบอกฉันเกี่ยวกับอิสลาม ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้ตอบว่า อัลอิสลามคือการที่ท่านจะต้องปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การสักการะนอกจากพระองค์อัลลอฮ์ และ มูฮัมหมัดคือศาสนทูตของพระองค์ และการที่ท่านจะต้องดำรงละหมาด,บริจาคซะกาต, ถือศีลอดเดือนรอมฏอน และทำฮัจญ์หากมีความสามารถ เขากล่าวว่า ท่านพูดถูกแล้ว พวกเราแปลกใจเหลือเกิดนที่เขาถามและก็ยืนยันในคำตอบเอง เขาถามต่อไปว่า โปรดบอกฉันถึงเรื่องอีหม่าน ท่านตอบว่า คือการที่ท่านจะต้องศรัทธาต่ออัลลอฮ์,มะลาอิกะห์ของพระองค์,บรรดาคัมภีร์ของพระองค์,บรรดาศาสนทูตของพระองค์, ศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์และการที่ท่านต้องศรัทธาต่อการกำหนดทั้งความดีความชั่วของพระองค์ เขากล่าวว่า ท่านพูดถูกต้องแล้ว และถามต่อไปว่า โปรดบอกฉันถึงเอียะห์ซาน ท่านตอบว่า คือการที่ท่านจะต้องสักการะต่อพระองค์ประหนึ่งว่าท่านได้เห้นพระองค์ ถึงแม้ว่าท่านไม่ได้เห็นพระองค์ก็ตามแต่พระองค์ทรงเห็นท่าน บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม ฮะดีษเลขที่ 9
หลักฐานจาก http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=110
ดังนั้น.....คำถามที่คุณ ถามนั้น..ย่อมตกไปเช่นเดียวกันครับ....เพราะถามผิดข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ครับ......
โอเคนะครับ กระจ่างนะ.....ผมขอถามบ้างหล่ะ...แล้วไม่ต้องตอบมาอีกนะ...ไม่ทราบครับ ไม่มีหลักฐาน เพราะผมไม่รู้ ผมมันแย่ผมแพ้ ป. 4 ครับ
.....ตอบง่ายไปไหมครับ...
.....
----------------------------- |
|