ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อิบน ซาบะฮฺกับกำเนิดลัทธิชีอะฮฺ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อิบน ซาบะฮฺกับกำเนิดลัทธิชีอะฮฺ

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เรื่องทั่วไป
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Mon Nov 06, 2006 4:32 pm    ชื่อกระทู้: อิบน ซาบะฮฺกับกำเนิดลัทธิชีอะฮฺ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

อิบน ซาบะฮฺกับกำเนิดลัทธิชีอะฮฺ

ด้วยความฉลาดแกมโกง อิบนฺ ซาบะฮฺรู้อยู่เต็มอกว่า การที่จะทำลายความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอิสลามทีละน้อยๆ ตามแผนการร้ายระยะยาวนั้น สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำก็คือการทำให้โครงสร้างพื้นฐานของอิสลามถึงกับพิการล ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการว่าด้วยเอกภาพของอัลลอฮฺ( เตาฮีด )และภาวะศาสดาของรสูลท่านสุดท้าย Solallah เขาได้คิดค้นแนวความคิดใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งต้องการจะให้แนวคิดเหล่านี้เป็นอิสระจากข้อห้ามและข้อจำกัดทางศีลธรรม ทั้งปวง บรรดามุสลิมที่เชื่ออยู่แล้วว่าท่านนบีอีซาจะลงมายังโลกนี้อีกครั้งก่อนวันอวสาน ของโลก อิบนฺ ซาบะฮฺก็ไปเทศนากับพวกเขาว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ Solallah ศาสดาแห่งอิสลามจะกลับมาปรากฏอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน เพื่อจะมาปรับปรุงและเสริมสร้างศรัทธาให้เข้มแข็งขึ้นตราบจนอวสานของโลก

อิบนฺ ซาบะฮฺเสนอความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺ

อิบนฺ ซาบะฮฺรู้จักจิตวิทยาของมนุษย์เป็นอย่างดี และเขายังรู้ว่าเมื่อไรและที่ไหนควรทำอย่างไร เขาเสนอหลักความเชื่อว่า ภายหลังท่านศาสดา Solallah ศ็อลฯ จากไปแล้ว ท่านอะลี รอฎิฯ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นบุตรเขยของท่านนั้นเป็นบุคคลที่ประเสริฐที่สุดเมื่อ เปรียบเทียบกับบรรดาชนชั้นนำทั้งหลายของอิสลามในขณะนั้น เขาเที่ยวสาธยายหะดีษของท่านศาสดา ฯ Solallah ที่เกี่ยวกับการยกย่องท่านอะลี รอฎิฯ มากมายหลายหะดีษ ในบรรดาหะดีษเหล่านี้มีหะดีษปลอมที่เขากุขึ้นเองก็มากเหมือนกัน เมื่อลูกศิษย์และสมัครพรรคพวกของเขาเกิดความเชื่อในสถานภาพอันสูงส่งขอ งท่านอะลี รอฎิฯ ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ประเสริฐที่สุดภายหลังการจากไปของท่านศาสดา ฯ Solallah แล้ว เขาจึงเสนอหลักความเชื่อใหม่ขึ้นอีกประการหนึ่ง กล่าวว่าศาสดาทุกท่านต่างก็มี " วะซี " ( คนสนิท )ด้วยกันทั้งนั้น วะซีผู้นี้คือคนที่รักษาความลับสำคัญๆ ที่ศาสดาแต่ละท่านจะมอบเอาไว้ให้ด้วยความไว้วางใจ วะซีของท่านนบีมูซาได้แก่ท่านยูซะ บุตรของนูน ส่วนวะซีของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ ได้แก่ท่านอะลี อิบนฺ อบีตอลิบ เขายังเน้นย้ำว่าการมีศรัทธาในหลักความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺนั้นเป็นสิ่งจำเป็น( วายิบ )เป็นอย่างมากเหมือนกับการศรัทธาในหลักเตาฮีดและภาวะศาสดาของท่านน บีมุฮัมมัด ศ็อลฯ สำหรับคนที่ด้อยปัญญาและหลอกลวงได้ง่าย เขาจะบอกโดยลับว่า ท่านอะลีมีปาฏิหารย์เหนือมนุษย์ทั้งหลาย ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เขาประกาศว่าท่านอะลีเป็นพระเจ้าที่จุติลงมาเกิด

ในหมู่มุสลิมนั้น มีหลายคนที่ไม่พอใจตระกูลบนูอุมัยยะฮฺ และให้การสนับสนุนบนูฮาชิม คนเหล่านี้จึงตอบรับการโฆษณาชวนเชื่อของอิบนฺ ซาบะฮฺได้ในฉับพลัน ทั้งๆที่หลายคนของพวกเขาเป็นผู้มีความรู้และมีไหวพริบดี อิบนฺ ซาบะฮฺและพลพรรคของเขาได้ทำงานอย่างลับๆ และหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อที่จะเผยแพร่แนวความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺและความยิ่งใหญ่ของท่านอะลี รอฎิฯ ในท่ามกลางมุสลิมสมัยนั้น

อิบนฺ ซาบะฮฺมีความระมัดระวังในการเลือกช่วงเวลาและโอกาสอันเหมาะสมสำหรับ ปฏิบัติการและป่าวประกาศสิ่งใดก็ตาม เมื่อจำนวนคนที่เชื่อในเรื่องอิมามะฮฺมีเพิ่มมากขึ้น เขาจึงบอกคนเหล่านั้นว่าท่านศาสดา ศ็อลฯ ได้มอบมรดกการสืบต่ออำนาจปกครองแทนท่านให้กับท่านอะลี รอฎิฯ เอาไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นท่านอะลี รอฎิฯ จึงเป็นเคาะลีฟะฮฺท่านแรกต่อจากท่านศาสดา ศ็อลฯ และยังเป็นอิมามคนแรกของบรรดามุสลิมทั้งหลาย เขายังเผยแพร่ต่อไปอีกว่าบรรดาเศาะฮาบะฮฺ(มิตรสนิท)ของท่านศาสดา ศ็อลฯ จงใจละเลยและไม่นำพาต่อพินัยกรรมของท่านศาสดา ศ็อลฯ เกี่ยวกับการสืบอำนาจผู้นำของท่านอะลี รอฎิฯ นอกจากนี้เขายังป่าวประกาศอีกว่าบรรดาเศาะฮาบะฮฺเป็นผู้ฉ้อฉลสิทธิการสืบอ ำนาจปกครองอันเป็นมรดกของท่านอะลี รอฎิฯ เศาะฮาบะฮฺเป็นคนที่หลงไหลในผลประโยชน์และตำแหน่งหน้าที่ทางโลก เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงสมควรได้รับคำประณามหยาบเหยียดเพราะเหตุดังกล่ าวนั้น อิบนฺ ซาบะฮฺผู้นี้แหละเป็นคนแรกที่เริ่ม " ตะบัรฺเราะฮฺ " ( การใส่ร้ายป้ายสีบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านศาสดาฯ Solallah ) หลังจากนั้นเขาได้ดำเนินตามแผนการร้ายอีกขั้นหนึ่ง กล่าวคือเขาได้ยุยงให้พลพรรคของเขาเปลี่ยนท่านอะลี รอฎิฯ มาดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺแทนที่ท่านอุษมาน รอฎิฯ หนทางที่จะทำให้ท่านอะลี รอฎิฯ ได้ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺอย่างแน่นอนนั้น อาจจะสำเร็จได้โดยการสร้างความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นมา แล้วปลดท่านอุษมาน รอฎิฯ ออกจากตำแหน่ง หรืออาจจะสำเร็จได้โดยการสังหารชีวิตท่าน เขาทำการปลุกปั่นยุยงประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาลของท่านอุษมาน รอฎิฯ โดยโจมตีเรื่องการแต่งตั้งมัรวานเป็นเลขาธิการใหญ่ ซึ่งมัรวานเองได้อาศัยอำนาจในตำแหน่งทำการบรรจุคนจากตระกูลเดียวกับตน ( บนูอุมัยยะฮฺ )เข้าไปยึดครองตำแหน่งหน้าที่ต่างๆในรัฐบาลจนหมดสิ้น อิบนฺ ซาบะฮฺโหมโฆษณาว่า มีการใช้อำนาจบาตรใหญ่และความอยุติธรรมอยู่ทุกหนทุกแห่ง และสถานการณ์เลวร้ายในขณะนั้นเรียกร้องให้ประชาชนก่อการปฏิวัติ

ทฤษฎีอิมามะฮฺ

ทฤษฎี " อิมามะฮฺ " นี้เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่อับดุลลอฮฺ บินซาบะฮฺเสกสรรปั้นแต่งขึ้นอย่างแท้จริง เขาสร้างมันให้เป็นหลักความเชื่อพื้นฐานสำหรับชาวชีอะฮฺโดยตรง ชีอะฮฺทุกกลุ่มต่างก็ยึดถือทฤษฎีนี้ในฐานะที่เป็นรากฐานของศาสนาของพวกเข า ทั้งๆที่หลักความเชื่อนี้ไม่ปรากฏว่ามีอยู่ในอัล-กุรฺอานหรือในหะดีษของท่านศา สดา Solallah ซึ่งเป็นต้นตอของคำสอนต่างๆในอิสลามแต่อย่างใด อัล-กุรฺอานมิได้ให้การสนับสนุนทฤษฎี " อิมามะฮฺ " แม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม อัล-กุรฺอานได้ปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าวเสียด้วยซ้ำไป เมื่อไม่พบหลักฐานใดจากอัล-กุรฺอานและหะดีษมาสนับสนุนหลักศรัทธาพื้นฐา นของพวกเขา ชาวชีอะฮฺจึงกล่าวหาบรรดาผู้รวบรวมบันทึกอัล-กุรฺอานในยุคต้นว่าทำการดัดแ ปลงอัล-กุรอาน โดยป้ายสีพวกเขาว่าตัดทอนอายะฮฺต่างๆ ที่สนับสนุนหลักศรัทธาของพวกเขาออกจากอัล-กุรฺอานไปจนหมดสิ้น โดยเฉพาะทฤษฎีอิมามะฮฺ จุดยืนที่บรรดาสาวกของอิบนฺ ซาบะฮฺยึดอยู่ได้แก่ การกล่าวว่าอัล-กุรฺอานขนานแท้และดั้งเดิมนั้นมีอยู่ 70,000 อายะฮฺ แต่ถูกตัดทอนลงเหลือเพียง 6,666 อายะฮฺเท่านั้น พวกเขากล่าวหาว่ามีอัล-กุรฺอานมากกว่าครึ่งหนึ่งถูกปิดบังเอาไว้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดๆมาสนับสนุนคำกล่าวหา ของตนเองได้ นอกจากการอ้างว่าอิมามอัล-ฆอยบฺ( ผู้หลบซ่อน )หรืออิมามคนที่ 12 ของพวกเขาเป็นผู้เก็บรักษาอัล-กุรฺอานฉบับสมบูรณ์ขนานแท้และดั้งเดิมที่มีอ ยู่ 70,000 อายะฮฺเอาไว้ และท่านจะมอบอัล-กุรฺอานดังกล่าวคืนให้กับโลกเมื่อท่านได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ งก่อนวันอวสานของโลกนี้

เมื่ออัล-กุรฺอานมิได้สนับสนุนทฤษฎีอิมามะฮฺ ชาวชีอะฮฺจึงกุหะดีษปลอมขึ้นโดยอ้างเท็จให้กับท่านศาสดา ศ็อลฯ ในทำนองว่าหลักความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺถูกสอนให้กับท่านอะลีแต่เพียงผู้เดียว และเป็นไปอย่างเร้นลับเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะสนับสนุนความเชื่อของพวกเขา ชาวชีอะฮฺมักจะอ้างอิมามบากิรฺและอิมามญะฟัรฺ ศอดิกอยู่เป็นประจำ พวกเขายัดเยียดข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นคำพูดของท่านอิมาม บากิรฺเกี่ยวกับเรื่องอิมามะฮฺ " อัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งทรงบอกความลับเรื่องวิลายะติลลาฮฺ( อำนาจการปกครองของพระเจ้า )ให้ญิบรีล อะลัยฮิสสะลาม รับทราบ แล้วญิบรีลได้บอกความลับเรื่องนี้ให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ รับทราบ จากท่านนบี Solallah เรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดเป็นความลับต่อไปยังท่านอะลี ซึ่งท่านอะลีได้บอกความลับเรื่องนี้ต่อไปยังบุคคลที่ท่านต้องการ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกท่าน( ชีอะฮฺ )จะต้องประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ " เรื่องนี้ท่านอิมามบากิรฺจะล่วงรู้หรือไม่ว่ามีการยัดเยียดคำพูดให้กับตัวท่านอย่า งไร้ความจริงเกิดขึ้นแล้ว!

ขอให้รับทราบกัน ณ บัดนี้เลยว่า ทฤษฎีอิมามะฮฺนั้นเป็นความลับที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีมาโดยตลอด ในหมู่มลาอิกะฮฺ มีเพียงญิบรีล อะลัยฮิสสะลาม เท่านั้นที่ทราบเรื่อง ในบรรดานบีทั้งหลาย มีเพียงนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ เท่านั้นที่ทราบเรื่อง ในท่ามกลางเหล่าเศาะฮาบะฮฺ มีเพียงท่านอะลีเท่านั้นที่ทราบเรื่อง แต่จากตำราอ้างอิงที่น่าเชื่อถือทั้งหลาย ท่านอะลีจะบอกความลับเรื่องนี้ให้บุคคลใดรับทราบบ้างนั้น ยังไม่เป็นเรื่องที่รู้กันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขอให้เราพยายามมองให้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ทฤษฎีอิมามะฮฺนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ ในเมื่อความเชื่อในหลักการข้อนี้เป็นสิ่งจำเป็นหลักของศาสนาสำหรับมวลมนุษ ยชาติทั้งหลาย แล้วทำไมถึงต้องเก็บเป็นความลับมากขนาดนั้น พิจารณาตามเหตุผลแล้ว จะต้องประกาศเรื่องนี้ออกไปให้คนทั้งหลายได้รับรู้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโองการอะไรก็ตามที่พระเจ้าประทานลงมาเพื่อมวลมนุษยชาติ โองการนั้นมิใช่จะมุ่งหมายไปยังบุคคลหนึ่งๆเป็นการเฉพาะ หรือคนของชนชั้นใดเป็นพิเศษ ถ้าคำสอนใดก็ตามที่มุ่งหมายเพื่อมนุษยชาติทั้งหลาย แต่กลับมีลักษณะเร้นลับ คำสอนนั้นย่อมจะไม่สมเหตุผล และให้ถือได้เลยว่าคำสอนนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า สัจจธรรมย่อมจะสมเหตุผลเสมอ สิ่งใดก็ตามที่ดูไร้เหตุผล สิ่งนั้นย่อมเป็นความเท็จ

ตามหนังสือ " มัญจฺมะ บิฮารุล อันวารฺ " บันทึกเอาไว้ว่า ในยามที่ท่านศาสดา ศ็อลฯ จากโลกนี้ไป ขณะนั้นเศาะฮาบะฮฺของท่านมีจำนวน 124,000 คน ในหมู่เศาะฮาบะฮฺ มีจำนวน 7,500 คนที่เคยนำหะดีษของท่านศาสดา ศ็อลฯ มาใช้อ้างหรือสั่งสอน เรารู้จักพวกเขาในนามของผู้รายงานหะดีษ แต่ไม่มีเศาะฮาบะฮฺสักคนเดียวที่รายงานหะดีษเกี่ยวกับทฤษฎีอิมามะฮฺให้เรารั บทราบกัน

ชาวชีอะฮฺเชื่อว่าตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺ( ผู้สืบทอดอำนาจการปกครองเหนือบรรดามุสลิม )เป็นสิทธิของอิมามผู้บริสุทธิ์และปราศจากความบาปทั้งมวลเหมือนกับนบีไม่ มีผิด การเชื่อฟังอิมามเป็นภาระที่มุสสลิมจะต้องกระทำ อิมามได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮฺ ศุบหฯ และจากคุณสมบัติดังกล่าวของอิมาม อิมามจึงเป็นเคาะลีฟะฮฺของบรรดามุสลิม แต่ท่านอบูบักรฺ ซิดดีก ท่านอุมัรฺและท่านอุษมาน รอฎิฯล้วนขึ้นสู่ตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺโดยการบัยอะฮฺ( การให้สัตยาบันแสดงการยอมรับในตัวผู้นำ )ของประชาชน สิ่งสำคัญที่ควรจะให้ความสังเกตุ ณ ที่นี้ก็คือว่า ท่านอะลี รอฎิฯ เสนอบัยอะฮฺให้กับเคาะลีฟะฮฺสามคนก่อนหน้าท่าน( คือท่านอบูบักร อุมัรและอุษมาน รอฎิฯ )ด้วยความสมัครใจและจากความยินดี สำหรับชาวชีอะฮฺแล้ว ในบรรดาเคาะลีฟะฮฺสามคนนี้ไม่มีใครสักคนที่บริสุทธิ์และปราศจากบาปเช่นน บีของพระเจ้า ดังนั้นท่านทั้งสามจึงไม่มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺแต่อย่างใ ด

สิ่งที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือ ท่านอะลี รอฎิฯ อิมามคนแรกของชาวชีอะฮฺเองไม่เคยกล่าวสักคำว่า เคาะลีฟะฮฺสามคนก่อนหน้าท่านขาดคุณสมบัติในการเป็นเคาะลีฟะฮฺ อีกทั้งท่านยังไม่เคยปฏิเสธที่จะยอมรับภาวะเคาะลีฟะฮฺที่แท้จริงในตัวท่านทั้งส ามอีกด้วย ถ้าจะว่ากันตามที่ชาวชีอะฮฺอ้างว่าท่านอะลีรับทราบเกี่ยวกับเรื่องอิมามะฮฺแล้ว ในขณะที่ท่านอบูบักร รอฎิฯได้รับการคัดเลือกให้เป็นเคาะลีฟะฮฺคนแรกของท่านศาสดา ศ็อลฯนั้น ท่านอะลีก็ควรจะประกาศเรื่องนี้ออกไปโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

เนื่องจากท่านอะลี รอฎิฯยอมรับและเสนอบัยอะฮฺให้กับท่านอบูบักรฺ ท่านอุมัรและท่านอุษมาน รอฎิฯ จึงสรุปได้ว่าท่านไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับทฤษฎีนี้เลย หรือไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงเสียด้วย ท่านอาจจะเคยสอนทฤษฎีนี้อย่างน้อยที่สุดให้แก่ผู้ใกล้ชิดที่สุดและเป็นที่รักมา กที่สุดในยุคสมัยเดียวกับท่าน แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ทฤษฎีนี้ไม่เคยมีอยู่จนกระทั่งท่านอะลี รอฎิฯได้เป็นเคาะลีฟะฮฺ ส่วนตัวหลักความเชื่อเองถูกอุปโลกน์ขึ้นภายหลังจากนั้นเป็นเวลานาน

จิตใจที่ฉลาดแกมโกงของอิบนฺ ซาบะฮฺกุลัทธิความเชื่อนี้ขึ้นเพื่อจะบ่อนทำลายคำสอนและหลักศรัทธาของอิสล ามตรงรากฐาน ลูกศิษย์สาวกและคนสนิทของเขายังอุปโลกน์หะดีษจำนวนมากมายหลายร้อยห ะดีษ บางหะดีษยังเป็นการยัดเยียดให้กับท่านศาสดาแห่งอิสลามอย่างผิดๆ รายงานปลอมเหล่านี้ถูกนำมาผสมปนเปกับหะดีษแท้ จนมีชาวสุนนีย์หลายคนหลงไปยอมรับรายงานเก๊พวกนั้น ในระหว่างสมัยของมะมูน อัรฺ-รอชีด อับบาซี มีชายคนหนึ่งอวดอ้างว่าตนเป็นนบี เคาะลีฟะฮฺมีคำสั่งให้ตัดหัวนบีปลอมผู้นั้น คนที่เป็นนบีปลอมกล่าวว่า " ท่านกำลังจะประหารข้าฯ แต่หะดีษจำนวนพันๆรายงานที่ข้าฯ กุมันขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง และข้าฯได้แพร่กระจายมันออกไปจะยังคงอยู่ต่อไป "

ออกจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสามัญสำนึกและขัดแย้งกับสติปัญญาธรรมดาๆ ถ้าหากว่าหลักความเชื่อสำคัญซึ่งกล่าวกันว่าเป็นรากฐานของศาสนามิได้เป็นที่ รับทราบของบรรดาสาวกและเศาะฮาบะฮฺจำนวนพันๆคน เพื่อที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้ดูกระจ่างขึ้น ผู้สนับสนุนหลักความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺจึงสร้างลักษณะอันลี้ลับให้กับเรื่องนี้ ชาวชีอะฮฺคิดว่าพวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคที่คอยขัดขวางมิให้มุสลิมส่วน ใหญ่ยอมรับหลักความเชื่อดังกล่าว แต่พวกเขาคิดผิดถนัด เพราะคนมีสติที่สนใจในการแสวงหาความจริงย่อมจะปฏิเสธหลักความเชื่อนี้โ ดยสิ้นเชิง ความเท็จและการทุจริตต่อศาสนาเป็นอาชญากรรมที่มีลักษณะเลวร้ายที่สุด มันไม่สามารถจะซ่อนเร้นอยู่เป็นเวลานานๆอย่างเด็ดขาด ตรงกันข้ามพระเจ้าเองทรงทำให้ความจริงหรือสัจจธรรมเป็นที่รักและหยั่งราก ลึกลงในธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งชิงชังและปฏิเสธความเท็จทั้งมวล ถึงแม้ว่ามันจะถูกซ่อนเร้นกลบเกลื่อนอยู่ก็ตาม ความเท็จนั้นย่อมจะมลายไปในที่สุด หลักความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺมิได้มีที่มาจากอัล-กุรฺอานและหะดีษของท่านศาสด า ศ็อลฯ เป็นเรื่องที่ขาดความเชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นจากจิตใจที่ฉลาดแกมโกงของอิบนฺ ซาบะฮฺอย่างแท้จริง


( มีต่อ )

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Nov 07, 2006 12:40 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

جزاك الله خيرا
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Thu Nov 09, 2006 12:49 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อุปนิสัยของอิบนฺ ซาบะฮฺ
ดังที่กล่าวไว้ในย่อหน้าต้นๆแล้วว่า ท่านอิมามญะฟัรฺ ศอดิกได้ขอการสาปแช่งของอัลลอฮฺให้ประสบกับอิบนฺ ซาบะฮฺ และยังกล่าวว่าเขา (อิบนฺ ซาบะฮฺ) เจตนายัดเยียดสภาพของพระเจ้าให้กับท่านอะลี รอฎิฯ และอวดอ้างว่าตนเองเป็นนบี ทั้งๆที่ท่านอะลีพยายามสั่งสอนและเกลี้ยกล่อมเป็นอย่างดี แต่อิบนฺ ซาบะฮฺก็ยังคงไม่ยอมสำนึกผิดในการดูหมิ่นศาสนาที่เขาบังอาจทำขึ้น จากการที่เขาเผยแพร่แนวความคิดนอกรีตดังกล่าว เขาจึงเปลี่ยนสภาพไปเป็นกาฟิรฺ(ผู้ปฏิเสธ)และไม่ใช่มุสลิมอีกต่อไป กรณีนี้ก็เหมือนกับมุซัยละมะฮฺจอมโกหกซึ่งอวดอ้างเป็นนบีในสมัยของเคาะลี ฟะฮฺอบูบักร อิบนฺ ซาบะฮฺย่อมอยู่นอกสังกัดของศาสนาอิสลามอย่างชัดแจ้ง ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขาหมิ่นศาสนาโดยการประกาศว่า ท่านอะลีเป็นพระเจ้าลงมาจุติและตัวเขาเป็นนบีคนหนึ่ง เขายังพยายามที่จะหลอกลวงท่านอะลีโดยการอ้างว่าพระเจ้ามีพระโองการลงม าบอกว่า ท่านอะลีเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งที่ควรค่าแก่การเคารพบูชา เขาช่างอาจหาญและหลักแหลมอะไรเช่นนั้น! แต่ทว่าเขาไม่สามารถจะลวงล่อท่านอะลี รอฎิฯให้ตกเป็นเครื่องมือได้ อย่างไรก็ตาม เล่ห์เพทุบายของเขากลับสัมฤทธิ์ผลกับบรรดามุสลิมธรรมดาๆจำนวนหลายพัน คนซึ่งหน้ามืดตามัวยอมทำตัวเป็นสาวกของเขา เพียงเพราะเขาประกาศว่ารักครอบครัวของท่านศาสดา หรืออะหฺลุลบัยตฺเท่านั้น

to be continued

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sat Nov 11, 2006 12:53 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความจริงนั้นมีอยู่ว่า อิบนฺ ซาบะฮฺมิได้มีความรักต่อท่านอะลี รอฎิฯ หรือต่อลูกหลานของท่านศาสดา แม้แต่น้อย เขามิได้มีความเคารพความนับถือในความเคร่งครัดศาสนา ความรู้และฐานะทางจิตวิญญาณอันสูงส่งของท่านอะลีแต่ประการใด ถ้าหากว่าเขามีความเคารพอยู่บ้าง เขาก็ควรจะเชื่อฟังสิ่งที่ท่านอะลีสั่งสอนและแนะนำให้กับเขา โดยหวังว่าเขาจะสำนึกผิดจากการหมิ่นประมาทศาสนา การที่อิบนฺ ซาบะฮฺประกาศว่าท่านอะลีเป็นพระเจ้าเป็นเพียงการแหกตาและหลุมพรางสำห รับใช้หลอกลวงบรรดามุสลิมหัวอ่อนทั้งหลายที่มีแนวโน้วจะเดินตามก้นอิบนฺ ซาบะฮฺอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าอิบนฺ ซาบะฮฺผู้นี้แหละกำลังทำงานต่อต้านหลักการพื้นฐานของอิสลามและหลักการส ำคัญว่าด้วยเอกภาพของพระเจ้า (เอกภาพของพระเจ้า) โดยซ่อนเร้นอยู่ภายใต้คราบของความรักที่มีต่อท่านอะลีและอะหฺลุลบัยตฺ เขาเป็นคนยะฮูดีผู้มีความชิงชังและความอาฆาตแค้นอิสลามเหมือนกับพวกยะ ฮูดีทั้งหลาย การกระทำนั่นแหละที่จะเผยให้เห็นความลับของการพูดว่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ และจะพิสูจน์ให้ทราบความจริงว่าเป็นอย่างไร ความเคารพและความรักต่อท่านอะลี รอฎิฯย่อมจะสามารถบีบบังคับให้เขาเชื่อฟังปฏิบัติตามท่านอะลี รอฎิฯ ในการพิทักษ์ปกป้องหลักการสำคัญว่าด้วยเอกภาพของพระเจ้าและการเป็นนบี Solallah ท่านสุดท้ายของมุฮัมมัด แต่เพราะเจตนาลับๆของเขาที่จะทำลายรากฐานของอิสลามยังคงมีอยู่ไม่เปลี่ ยนแปลง เขาจึงไม่เคยที่จะสดับฟังคำแนะนำจากความจริงใจของท่านอะลีแม้สักนิดหนึ่ง แล้วคนประเภทนี้จะอ้างว่าเป็นมุสลิมได้อย่างไร ยิ่งการอ้างว่าเป็นผู้รักท่านอะลีและอะหฺลุลบัยด้วยแล้ว อย่าพูดถึงเลย เขาเป็นได้แค่นักต้มตุ๋นตัวใหญ่และเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์ที่กล้าได้กล้าเสี ย ก็เหมือนกับชัยฏอนที่ไม่ยอมทำความเคารพท่านนบีอาดัม อิบนฺ ซาบะฮฺเองก็ไม่ยอมละทิ้งทัศนะแบบพวกมุชริกีนในส่วนที่เกี่ยวกับพระเจ้าและ นบี Solallah ท่านสุดท้าย และยิ่งเหมือนชัยฏอนเข้าไปใหญ่เมื่อเขาทำให้บรรดามุสลิมจำนวนมากหลงท าง และการเผยแพร่สิ่งชั่วร้ายที่ทำให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าหลงทางยังคงดำรงอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สงสัยว่า ท่านอะลี รอฎิฯเผาเขาจนตายจริงหรือ? จากข้อสนับสนุนบางประการทำให้มองได้ว่า เขาได้หลบหนีการลงทัณฑ์ไปอาศัยอยู่ที่เมืองมะดาอินและอะซัรฺบัยญาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเพียรพยายามเทศนาสั่งสอนเรื่องราวที่ถูกบิดเบือนของอิส ลาม นอกจากนี้เขายังพยายามที่จะเพาะความเป็นศัตรู ความแตกแยกและความเกลียดชังในหมู่มุสลิมกลุ่มต่างๆ เพื่อให้สาแก่ใจสำหรับความเป็นปฏิปักษ์ของคนยะฮูดีที่มีต่ออิสลาม
ยังมีต่อ

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sat Nov 11, 2006 5:45 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของอิบนฺ ซาบะฮฺ
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของอิบนฺ ซาบะฮฺนั้นลึกล้ำมากเหลือเกิน จุดมุ่งหมายสูงสุดของศัตรูอิสลามผู้น่าสะพรึงกลัวผู้นี้ได้แก่ การขุดรากถอนโคนรากฐานของอิสลามและการกวาดล้างร่องรอยของศรัทธาอั นแท้จริงที่มีต่อพระเจ้าให้สูญสิ้นไปจากหน้าโลก ที่ว่าน่าสะพรึงกลัวก็เพราะยะฮูดีผู้นี้ทำงานอย่างชาญฉลาดและซ่อนเร้นอยู่ภาย ใต้คราบของความเป็นมุสลิม จิตใจที่มีเล่ห์กระเท่ห์ของเขาเฝ้าจับจ้องหาช่วงเวลาและโอกาสอันเหมาะสมส ำหรับจู่โจมทำลายรากฐานของอิสลามอยู่เสมอ เพื่อที่จะให้จุดมุ่งหมายของตนสัมฤทธิผล เขาไม่เคยรู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยว่าวิธีการที่ตนเองนำมาใช้จะสะอาดหรือสก ปรกหรือไม่ ก็เหมือนกับปีศาจร้ายทั้งหลาย เขาค่อยๆชอนไชวิธีการของเขาเข้าสู่หัวใจของคนมุสลิมธรรมดาสามัญ และภายใต้คำพูดหวานชื่นที่ว่ารักท่านอะลี รอฎิฯและลูกหลานของท่านศาสดา Solallah เขากลับหยิบยื่นยาขมที่เป็นลัทธิบูชาพระเจ้าหลายองค์ (การชิริกต่ออัลลอฮฺ ศุบหฯ) และการปฏิเสธคำสั่งห้ามคำสั่งใช้ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในอัล-กุรฺอาน เขาสามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขโครงสร้างของบทบัญญัติและคำสอนของอิ สลามทั้งหมดได้ราวกับว่ามันเป็นการสะกดจิตอย่างนั้น

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sun Nov 12, 2006 11:48 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กิจกรรมที่เป็นภัยของอิบนฺ ซาบะฮฺ
หลักเตาฮีดหรือหลักการว่าด้วยเอกภาพของพระเจ้าเป็นแก่นและเป็นรากฐาน ของอิสลาม อิบนฺ ซาบะฮฺได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะบิดเบือนแนวความคิดขนานแ ท้ดั้งเดิมของหลักการดังกล่าว เขาเริ่มต้นเกมอันชั่วช้าของเขาโดยการยกยอท่านอะลี รอฎิฯ และวาดภาพท่านอะลีให้ดูโดดเด่นสูงส่งกว่าบุคคลสำคัญอื่นๆทั้งหมดของอิสลา ม ซึ่งเป็นบุคคลร่วมสมัยของท่าน เขายกย่องสรรเสริญท่านอะลี รอฎิฯจนเกินความเป็นจริง เป็นการพูดเกินความเป็นจริงมากเสียจนน่าเกลียด จนถึงขนาดที่ว่าสถานภาพของท่านอะลี รอฎิฯดูเหมือนจะสูงส่งกว่าสถานภาพของบรรดานบีทั้งหลาย เขาได้กุเรื่องท่านอะลีแสดงปาฏิหารย์มากมายหลายเรื่องด้วยกัน ลักษณะของปาฏิหารย์นั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพเหนือมนุษย์ และประชาชนที่อยู่ใต้อิทธิพลของเขาจะได้เชื่อว่า ท่านอะลี รอฎิฯเป็นมนุษย์วิเศษที่มีพลังของพระเจ้า ในเวลาต่อมาอิบนฺ ซาบะฮฺได้บอกอย่างลับๆกับบรรดาสาวกที่ใกล้ชิดของเขาว่า ท่านอะลี รอฎิฯมีสภาพพระเป็นเจ้า และสมควรที่จะขนานนามว่าเป็นพระเจ้าจุติลงมา ชาวอาหรับก๊กซฺาตจำนวน 70 คนเชื่อมั่นในหลักศรัทธาดังกล่าวจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น จนแม้กระทั่งท่านอะลี รอฎิฯต้องตัดสินประหารพวกเขาทั้งหมดให้ตายด้วยไฟ แต่ความเชื่อผิดๆดังกล่าวมิได้ตายไปพร้อมกับการดับชีวิตของคนนอกรีตจำนว น 70 คนนั้น ความเชื่อแบบมุชริกีนนี้ได้เผยแพร่ออกไปท่ามกลางผู้คนจำนวนมากมายโดย สามารถเล็ดลอดหูตาของผู้เจริญรอยตามอิสลามอันบริสุทธิ์ดั้งเดิมไปได้ จนแม้ปัจจุบัน ชาวชีอะฮฺกลุ่มนุซัยรียังมีความเชื่อว่าท่านอะลีเป็นพระเจ้าจุติลงมา อาจมีคนมากมายไม่กล้ายอมรับอย่างเปิดเผย แต่ลึกๆกลับศรัทธาว่าท่านอะลีเป็นพระเจ้าจุติลงมาจริง ทั้งนี้ก็เพราะว่าความเชื่อเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มิได้เกิดจากความคิดด้วยเหตุผลเสมอไป

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sun Nov 19, 2006 12:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อิบนฺ ซาบะฮฺมีความเบิกบานใจเป็นอย่างมากที่พบว่า แม้ภายหลังท่านอะลี รอฎิฯจะประหารชีวิตคนจำนวน 70 คนเพราะความเลื่อมใสในหลักการนอกรีตดังกล่าว แต่ผู้เลื่อมใสในหลักการนอกรีตก็ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง แถมแผนการของอิบนฺ ซาบะฮฺที่จะเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนหลักเตาฮีตของอิสลามยังประสบความสำ เร็จอย่างยิ่ง อิบนฺ ซาบะฮฺเป็นบุคคลแรกที่เรียกท่านอะลีว่าเป็นพระเจ้า นั่นหมายความว่าเขาเป็นคนบุกเบิกแผ้วถางทางให้กับหลักการนอกรีตอันอุบาทว์ดังกล่าว ต่อมาจึงมีบรรดาผู้ คนเกิดไปหลงเชื่อหลักศรัทธาที่เป็นพิษ ภัยเข้า แล้วเผยแพร่และเทศนาออกไปอย่างเปิดเผย การบ่อนทำลายหลักเตาฮีตอันบริสุทธิ์ขยายตัวออกไปจนถึงกับว่า อิมามที่สืบทอดตำแหน่งจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งยังเชื่อกันว่ามีอำนาจและส ถานภาพของพระเจ้าด้วยเหมือนกัน ความเชื่อต่อๆมายังแพร่กระจายออกไปว่า อิมามมีความเป็นอมตะเหมือนพระเจ้า อิมามไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปที่ต้องประสบกับความตาย ถึงแม้ว่าอิมามจะมีเรือนร่างและทรวดทรงเป็นมนุษย์ก็ตาม มีการเผยแพร่ว่าท่านอะลี รอฎิฯยังมีชีวิตอยู่ (เหมือนพระเจ้าเอง) และท่านมิอาจตายได้ เพราะว่าไม่มีอิมามท่านใดถึงแก่ความตาย ชาวชีอะฮฺบางกลุ่มยังคิดและเชื่อถึงขนาดว่าท่านอะลีมิได้ถูกฝัง และยังอยู่บนหมู่เมฆ ท่านจะลงมาจากหมู่เมฆและสังหารบรรดาศัตรูของท่านในตอนใกล้อวสานของ โลก ชีอะฮฺบางกลุ่มก็เชื่อว่าอิมามที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากท่านอะลีนั้นก็ยังคงดำรง อยู่เหมือนท่านอะลีไม่มีผิด
_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Mon Nov 27, 2006 10:13 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ใครคือผู้รับผิดชอบต่อการตั้งให้ท่านอะลีเป็นพระเจ้า

อิบนฺ ซาบะ ที่ต้องรับผิดชอบต่อการอุปโลกน์

การเทศนาและเผยแพร่หลักศรัทธาอันเลวร้ายที่เชื่อว่าท่านอะลีเป็นพระเจ้า

หลักศรัทธาดังกล่าวเป็นเท็จไม่ใช่หรือ? และตรงกันข้ามกับแนวความคิด

อิสลามเรื่องเตาฮีด อัลลอฮฺ ศุบหฯพระเจ้าองค์เดียว พระเจ้าผู้ทรงควรค่า

แก่การเคารพภักดี ผู้เป็นเจ้านายของจักรวาลแต่เพียงผู้เดียว พระเจ้าผู้สร้าง

และผู้อภิบาลแต่เพียงลำพังไม่ใช่หรือ? การที่พวกยะฮูดีทั้งหลาย เช่น มิตรสหาย

และหุ้นส่วนของอิบนฺ ซาบะฮฺ จะแสดงความยินดีกับอิบนฺ ซาบะฮฺเพราะความสำเร็จ

ในการบ่อนทำลายอิสลามของเขา ย่อมเป็นสิ่งที่สมควรอยู่มิใช่หรือ? อิบนฺ ซาบะฮฺ

ทำการเซาะศรัทธาของมุสลิมจำนวนมากโดยการฉกฉวยเอาแนวความ คิดและศรัทธา

อันแท้จริงในเตาฮีด หรือเอกภาพของอัลลอฮฺ ตะอาลาไปจากพวกเขาอย่างลับๆมิใช่หรือ?

คนอย่างอิบนฺ ซาบะฮฺมิใช่หรือที่ดับชีวิตนิรันดร์ของมุสลิมจำนวนพันๆคนด้วยคำสอน

" ชิริก " ซึ่งเป็นผลให้ผู้ที่ทำชิริก (การตั้งภาคีต่อพระเจ้า) ต้องถูกเผาไหม้ในไฟนรก

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Thu Nov 30, 2006 12:35 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ความเป็นพระเจ้าของท่านอะลีและอิมามท่านอื่นๆ
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือคำสอนของอิบนฺ ซาบะฮฺยังคงมีผลกระทบระยะยาวอยู่จนถึงทุกวันนี้
ชาวชีอะฮฺส่วนใหญ่มีความเชื่อในความเป็นพระเจ้าของท่านอะลี รอฎิยัลลอฮฯ
และอิมามท่านอื่นๆที่เป็นลูกหลานของท่าน แม้แต่พวกสุนนีย์บางส่วนยังมีความเชื่อ
ในเรื่องนี้เหมือนกัน มีการกุเรื่องปาฏิหารย์และกระจายเรื่องนี้ออกไปยังประชาชน
ที่เชื่องมงายและไ ม่รู้เรื่องรู้ราว ดังตัวอย่างเช่นมีรายงานหนึ่งกล่าวว่า ในระหว่างค่ำคืน
เมี๊ยอฺรอจญ์ ท่านศาสดา Solallah ได้พบเห็นสิงโตตัวหนึ่งในระหว่างทาง ท่านศาสดา Solallah
ได้นำแหวนของท่านใส่เข้าไปในปากสิงโตตัวนั้น ณ บริเวณใกล้ๆกับซิดร่อตุ้ลมุนตะฮา
มีมือหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากอาณาจักรของพระเจ้า ดูซิ! มือศักดิ์สิทธิ์ข้างนั้นสวมใส่
แหวนวงที่ท่านศาสดา ใส่เข้าไปในปากของสิงโตตัวที่ท่านพบเห็นในระหว่างเดินทาง
ไปเข้าเฝ้า อัลลอฮฺ ตะอาลาหลังจากคืนเมี๊ยอฺรอจญ์ผ่านไปแล้ว ในวันรุ่งขึ้น
ท่านศาสดา Solallah ได้เห็นแหวนวงเดียวกันนั้นใส่อยู่ในมือของท่านอะลี รอฎิฯ
ที่กล่าวมานี้คือคำอธิบายและภูมิหลังของสมญานาม " ราชสีห์ของพระเจ้า "
และ " หัตถ์ของพระเจ้า " ที่ใช้เรียกขานท่านอะลี รอฎิฯ
ความเชื่อที่ตั้งอยู่บนคติงมงายไร้เหตุผลย่อมจะปราศจากขอบเขตใดๆ ชาวชีอะฮฺ
มิได้เชื่อเพียงว่าราชสีห์ของพระเจ้า (ท่านอะลี รอฎิฯ) เป็นพลังที่เข้ามาขจัดปัดเป่า
ความทุกข์ยากต่างๆเท่านั้น แต่ท่านอะลี รอฎิฯยังได้รับการยึดถือว่าเป็นผู้ปกป้อง
คุ้มครองที่แท้จริง ซึ่งตามคำสอนของอิสลามที่บริสุทธิ์และดั้งเดิมถือว่าเป็นซีฟัต
หรือพระคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ตะอาลา แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยัง
มีเรื่องกุขึ้นมากมายเกี่ยวกับท่านอะลี รอฎิฯ เช่นมีเรื่องหนึ่งเล่าขานกันว่า ก่อนที่
ท่านอะลีจะไปจุติเป็นเวลาแสนนานนั้น ท่านอะลี รอฎิฯมีหน้าที่คอยช่วยเหลือนบี
หลายต่อหลายคน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนบีนูฮฺ คือในขณะที่ท่านและประชาชาติ
ของท่านกำลังประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งพระเจ้าบันดาลให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นการ
ลงโทษมนุษย์ที่กำลังทำบาปหยาบช้าอยู่ในสมัยนั้น เรื่องเล่านี้ช่างขัดแย้งกับโองการ
อัล-กุรฺอานโดยสิ้นเชิง เพราะอัล-กุรฺอานระบุอย่างชัดเจนว่า ท่านนบีนูฮฺก็ดี หรือ
นบีลูตก็ดี หรือจะเป็นนบียูนุส (อะลัยฮิสสะลาม) ก็ตาม ทุกท่านล้วนแล้วแต่ร้องขอ
ความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ศุบหฯเท่านั้น และพระองค์เองนั่นแหละที่ทรง
ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความยุ่งยากทั้งหล าย
ชิริกนั้นเข้าเกาะกุมจิตใจของชาวชีอะฮฺจนแกะไม่ออก ถึงขนาดที่พวกเขา
ร้องขอความช่วยเหลือจากท่านอะลี รอฎิฯ

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sun Dec 03, 2006 3:36 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชิริกนั้นเข้าเกาะกุมจิตใจของชาวชีอะฮฺจนแกะไม่ออก ถึงขนาดที่พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากท่านอะลี รอฎิฯ แม้ในยามที่พวกเขาประสบกับปัญหาขี้ปะติ๋วเหมือนกับเด็กๆเดินล้มเปาะล้มแ ปะ ริมฝีปากของพวกเขาจะรีบเปล่งออกมาทันทีว่า " ยาอะลี! " หรือโอ้อะลี เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสอนอันชัดแจ้งของอัล-กุรฺอานที่ระบุว่า " นอกจากอัลลอฮฺแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือพวกเจ้า หรือเป็นผู้สนับสนุนของพวกเจ้า " อัลลอฮฺ ศุบหฯทรงตรัสไว้ในอัล-กุรฺอานซูเราะฮฺยูนุส เพื่อห้ามเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดว่า " และเจ้าอย่าได้วิงวอนนอกเหนือไปจากอัลลอฮฺ แก่สิ่งที่ไม่ให้คุณและโทษแก่เจ้า ดังนั้นหากเจ้ากระทำ (เช่นนั้น) แน่นอนเจ้าก็เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ฉ้อฉลทันที " (10 : 106)
ชาวชีอะฮฺทำชิริกในหลายรูปแบบด้วยกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะชิริกได้กลายไปเป็นความเชื่อความศรัทธาที่ยังมีอิทธิพลอ ยู่ มีเรื่องแปลกมากๆเรื่องหนึ่งคือ ชาวชีอะฮฺเชื่อว่าสิ่งที่ท่านนบีมูซา อะลัย ฮิสสะลาม พบเห็นบนภูเขาสีนายนั้น ที่จริงเป็นเพียงแสงสะท้อนจากแสงของท่านอะลี รอฎิฯเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน ขณะที่ท่านศาสดา Solallah เดินทางไปถึงบัลลังก์ของอัลลอฮฺ ศุบหฯในค่ำคืนเมี๊ยอฺรอจญ์ ที่จริงท่านศาสดาพบท่านอะลีอยู่หลังม่าน โดยเชื่อว่าท่านอะลีและอัลลอฮฺ ตะอาลา นั้นเท่าเทียมกัน และเป็นเพียง " ชื่อสองชื่อจากความเป็นจริงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน " (ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮุวะตะอาลา ที่ต้องอ้างข้อความเช่นนี้)

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sun Dec 10, 2006 9:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

" อิมาม ซฺะมีน " เป็นการทำชิริกอีกแบบหนึ่งที่ชาวชีอะฮฺทั้งที่มีการศึกษาและไม่มีการศึกษาถือว่ ามีความสำคัญ ก่อนที่จะเดินทาง " อิมาม ซฺะมีน "จะปลุกปลอบใจผู้ที่กำลังจะออกเดินทางหรือผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ (ฮุจญาต) ให้มีความมั่นใจว่า " อิมาม " (ไม่ใช่อัลลอฮฺ สุบหานะฮุวะตะอาลา) จะปกป้องคุ้มครองเขาให้พ้นจากความยุ่งยากลำบากทั้งมวลที่อาจจะเกิดขึ้นใ นระหว่างการเดินทาง การทำชิริกแบบนี้ได้กลายเป็นสิ่งสากลในสังคมมุสลิมไปเสียแล้ว
อำนาจการโฆษณาชวนเชื่อที่ถูกจัดระเบียบ
รากฐานและหลักการสำคัญของลัทธิชีอะฮฺ อาทิ อิมามะฮฺ ความเป็นพระเจ้าของท่านอะลี การปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งของท่านศาสดาแห่งอิสลามในฐานะของมะฮฺดี อาคิรุสซฺะมาน การสืบทอดอำนาจการปกครองของท่านอะลีในฐานะที่เป็นเคาะลีฟะฮฺคนแรกข องท่านศาสดา ทั้งหมดนี้คือการจัดการอันชาญฉลาดของอิบนฺ ซาบะฮฺและเป็นผลลัพธ์ของการโฆษณาชวนเชื่อที่ถูกจัดระเบียบมาเป็นอย่างดี นักปราชญ์ชีอะฮฺ เช่น อุมัรฺ บินอับดุลอะซีซฺ (ผู้แต่งริญาล กาชิ) อบูมุฮัมมัด บินมูซา เนาบัคตี (ผู้แต่งฟัรฺกุสชีอะฮฺ) อัลละมะอฺ นีอฺมะตุ้ลลอฮฺ อัล-ญะซัยริ และมิรฺซา มุฮัมมัด ตากี (ผู้แปลนาชิคุต ตะวาริค) ทุกท่านต่างยอมรับในหนังสือของพวกเขาว่า อับดุลลอฮฺ บินซาบะฮฺเป็นคนยะฮูดี มีความรู้ทางศาสนาเป็นอย่างดี เขาเข้ารับอิสลามในสมัยปกครองของท่านอะลี รอฎิฯ เขาทำความผิดอย่างมหันต์จนทำให้ท่านอะลีไม่พอใจเป็นอย่างมากและได้เนร เทศเขาไปยังเมืองมะดาอิน
โดยอาศัยหลักความเชื่อที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งขึ้น เช่น อิมามะฮฺ การเป็นเคาะลีฟะฮฺคนแรกของท่านอะลี รอฎิฯ การปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งของท่านศาสดาแห่งอิสลามในฐานะของอิมามที่ 12 หรือมะฮฺดี อาคิรุสซฺะมาน อันมีที่มาจากรังก่อการร้ายของอิบนฺ ซาบะฮฺ ยะฮูดีเจ้าเล่ห์ที่เข้ารับอิสลามด้วยเจตนาที่จะทำลายและขุดรากถอนโคนโครงส ร้างทางอุดมการณ์ของอิสลาม ชีอะฮฺเองได้ดำเนินการเพื่อโค่นล้มอิสลามที่บริสุทธิ์ดั้งเดิมเป็นเวลานานหลาย ศตวรรษมาแล้ว พวกเขาได้กระทำให้จุดมุ่งหมายอันชั่วช้าของอิบนฺ ซาบะฮฺสัมฤทธิ์ผล โดยหารู้ไม่ว่าตนเองได้เผลอไผลไปรับ" ยาหอม " ที่พรรณนาเกี่ยวกับ " มุฮับบัต อะหฺลิลบัยตฺ " หรือความรักในลูกหลานของท่านศาสดา Solallah เข้าอย่างเต็มเปา ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะอิบนฺ ซาบะฮฺมีความเชี่ยวชาญในงานโฆษณาชวนเชื่อ และมองออกว่าจะยกประเด็นไหนขึ้นมาใช้จึงจะบังเกิดผล เขาจึงเลือกที่จะเผยแพร่เรื่องสถานภาพอันสูงส่งของท่านอะลี รอฎิฯ ที่บรรลุถึงขั้นเป็นพระเจ้า ตลอดจนเรื่องการสืบอำนาจการปกครองของท่านในฐานะที่เป็นเคาะลีฟะฮฺคน แรกสุดของท่านศาสดา Solallah
หลักการของชีอะฮฺที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นว่าด้วยเรื่อง อิมามะฮฺ การสืบอำนาจปกครองเป็นเคาะลีฟะฮฺคนแรกของท่านอะลี รอฎิฯ และการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งของท่านศาสดาแห่งอิสลามในฐานะของอิมา มชีอะฮฺคนที่ 12 เป็นฉนวนให้เกิดสิ่งต่อไปนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sat Dec 16, 2006 2:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

1. การประณามและใส่ร้ายป้ายสีเคาะลีฟะฮฺสามคนแรกของอิสลาม ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างสูงจากเหล่ามุสลิมสุนนีย์ซึ่งเป็ นประชากรส่วนใหญ่ในโลกอิสลาม
2. การดูหมิ่นเหยียดหยามบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านศาสดา อย่างเปิดเผย ทั้งๆที่ท่านศาสดา เป็นผู้เรียกบุคคลเหล่านี้ว่าเป็น " แสงไฟกระโจมของทางนำ "
3. ประเด็นปัญหาที่ชาวชีอะฮฺขัดแย้งจะมีการตีความอายะฮฺอัล-กุรฺอานบิดเบือนออ กไป
4. มีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงคำสอนพื้นฐานของอิสลาม อาทิ ละหมาด ซะกาตและคำสั่งห้าม-คำสั่งใช้ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับความผิดใหญ่ๆและคำส อนหลักๆ
หลักการนอกศาสนาเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนค้ำจุนโดยกลไกการโฆษณาชวน เชื่ออันทรงพลังของชาวชีอะฮฺเป็นเวลานานหลายศตวรรษมาแล้ว กลไกนี้มุ่งที่จะทำลายล้างผู้เจริญรอยตามอิสลามที่แท้จริง ซึ่งช่างเหมือนกับสิ่งที่พวกตาร์ตาร์กระทำไม่มีผิด โดยที่ครั้งนั้นชีอะฮฺตูซี่เป็นผู้เชื้อเชิญให้พวกตาร์ตาร์เข้ามาเข่นฆ่าสังหารพี่น้อ งมุสลิมเอง
เพื่อที่จะบ่อนทำลายหลักการพื้นฐานของอิสลามให้ได้ อับดุลลอฮฺ บินซาบะฮฺแบ่งการดำเนินงานออกเป็นสองระยะด้วยกัน เขาประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการใช้แผนอันชั่วร้ายโจมตีหลักการเตา ฮีดอันบริสุทธิ์ ด้วยการยกย่องให้ท่านอะลี รอฎิฯเป็นพระเจ้า ในระยะที่สอง เขาจึงตั้งเป้าโจมตีไปที่แนวความคิดอันบริสุทธิ์และดั้งเดิมว่าด้วยสถานภาพขอ งศาสดาในอิสลาม
วิธีปฏิบัติงานของเขาช่างเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและแผ่กระจายออกไปอย่างลึก ล้ำ เขาหยิบยื่นแนวความคิดเรื่องอิมามะฮฺให้แก่พี่น้องมุสลิมที่หลงไปเป็นสาวกขอ งเขา กล่าวได้ว่าเขาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่บอกว่าการศรัทธาในอิมามะฮฺของ ท่านอะลี รอฎิฯเป็นวายิบ (สิ่งจำเป็น) ทางศาสนา ต่อมาเขาก็ค่อยๆนำเอาแนวความคิดใหม่นี้มาผนวกเข้ากับบทบัญญัติของอิสล าม

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
yoohoo
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 17/02/2004
ตอบ: 65


ตอบตอบ: Tue Dec 26, 2006 9:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชีอะฮฺ ไม่ดีตรงไหน ???
ขนาดหัวหน้าคนมุสลิมช่วยชาติ (คมช. ไม่รู้ใครเรียกไว้อย่างนี้ ลองสืบดูก็รุ้เอง) ก็เป็นชีอะฮฺ
แต่ก็เห็นผู้รู้ ผู้นำ ทางศาสนาอิสลามเมืองไทย ยังยกย่องชมเชยเลย
แต่ก่อนเห็นเคยหุก่มเพวกชีอะฮฺว่าเป็นกาฟิรฺ มาตอนนี้กลับมายอมรับว่าเป็นมุสลิม แถมช่วยชาติอีกต่างหาก
นี่ขนาดกราบมัคลูกด้วยกันได้ และเป็นประธานทอดกฐินก็ยังทำได้
แต่ก็กลับยอมรับนับถือ ยกย่อง ชมเชย ว่าเป็นมุสลิมที่ดี ...น่าภาคภูมิใจจังมุสลิมอย่างงี้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Fri Dec 29, 2006 1:33 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อันดับแรก เขาบอกกับประชาชนว่าศาสดาทุกท่านล้วนมี " วะซี " หรือคนสนิทด้วยกันทั้งนั้น ยูซะ บินนูนเป็นคนสนิทของท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสะลาม ในทำนองเดียวกัน ท่านอะลี รอฎิฯเป็นคนสนิทของท่านศาสดา
ต่อมาเขาก็บอกกับประชาชนว่าหลังจากท่านศาสดา จากไป ประชาชนต้องมีอิมาม หรือผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณและทางโลกโดยชอบธรรมของท่านศาสดา เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็บอกกับประชาชนอีกว่า " วะซีของท่านศาสดา " นั้นเสมอด้วยตำแหน่งศาสดา (นบี) และมีความสามารถที่จะรับวะฮียฺ (การเปิดเผย) ของอัลลอฮฺ ศุบหฯ อิมามในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของท่านศาสดา นอกจากจะรับวะฮียฺของอัลลอฮฺ ศุบหฯแล้ว อิมามยังมีอำนาจที่จะแสดงมั๊วยิซาต (ปาฏิหารย์) เหมือนกับศาสดาอีกด้วย นอกจากนี้อิมามยังเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้บาปและมลทินทั้งปวง (มะอฺซูม) เช่นเดียวกับศาสดา การเชื่อฟังอิมามเป็นวายิบ (จำเป็น) เหนือประชาชนที่อยู่รอบๆท่าน มุสลิมทุกคนจำเป็นต้องศรัทธาในอิมามะฮฺเหมือนกับที่จำเป็นต้องศรัทธาในส ภาวะศาสดา (นุบุวะฮฺ) ดังนั้นบุคคลใดก็ตามที่ไม่ยอมศรัทธาในอิมามะฮฺ ถือได้ว่าอิมาน (ความเชื่อ) ของเขายังบกพร่องอยู่ ท่านอะลีดำรงอยู่ในสถานภาพเดียวกันกับสถานภาพของท่านศาสดาแห่งอิสลา ม ถือได้ว่าอิมามคือบุคคลที่อัลลอฮฺ ศุบหฯทรงคัดเลือกเช่นเดียวกับศาสดา และโลกนี้จะปราศจากอิมามที่มีชีวิตมิได้ จำนวนอิมามที่พระเจ้ากำหนดไว้มี 12 ท่าน อิมามที่ 11 คือท่านหะซัน อัสการีถึงแก่กรรมในปี ฮ.ศ. 260 และอิมามที่ 12 บุตรชายของท่านหะซัน อัสการีหายตัวไป และจะกลับมาทำหน้าที่อิมามของประชาชนอีกครั้งหนึ่งในตอนใกล้อวสานของ โลก
ดังที่เราได้กล่าวไว้ในตอนต้นๆแล้วว่า อิบนฺ ซาบะฮฺได้ยกย่องท่านอะลี รอฎิฯจนถึงระดับของพระเจ้า พร้อมกับอวดอ้างตัวเองว่าเป็นนบี ด้วยเจตนาที่จะบิดเบือนและทำลายหลักการพื้นฐานของอิสลามอย่างชัดแจ้ง เขายกย่องสถานภาพและความคิดความเชื่อในตัวอิมามจนสูงเกินความเป็นจริ ง จนถึงขนาดว่าความเป็นนบี Solallah นั้นเริ่มจะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญรองลงมา จนเกือบจะไม่สำคัญเอาเสียเลย เขาได้เทศนาและเผยแพร่ว่า อิมามมีความรู้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต เขาทำให้ประชาชนมีความเชื่อว่าอิมามมีอำนาจของพระเจ้าที่จะประกาศว่าสิ่ง นี้หะลาลหรือหะรอม มุสลิมส่วนใหญ่เชื่ออย่างมั่นคงว่ากฎชะรีอะฮฺที่บัญญัติว่าสิ่งใดหะลาลและหะรอ มนั้น ท่านศาสดา ได้กำหนดไว้สมบูรณ์แล้วในครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีผู้มีอำนาจคนใดมีอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงชะรีอะฮฺได้
อิบนฺ ซาบะฮฺเป็นยะฮูดี

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Fri Jan 26, 2007 12:09 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อิบนฺ ซาบะฮฺเป็นยะฮูดี เขาเห็นพลเมืองยะฮูดีและศาสนายูดายต้องตกต่ำเพราะศาสนาอิสลาม ไฟแห่งการแก้แค้นปะทุขึ้นในหัวใจของเขาและลุกโชนขึ้นเป็นเปลวเพลิงกองใ หญ่ เขาต้องการเผาอิสลามและมุสลิมให้ไหม้เป็นจุล
แผนการร้ายของเขาที่จะบิดเบือนพื้นฐานของอิสลามประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เขาสร้างนิกายหนึ่งขึ้นในท่ามกลางมุสลิมที่มีการกระทำและการแสดงตัวในลักษณะต่อต้านคำสอนพื้นฐานของอิสลาม ชาวชีอะฮฺทอดทิ้งกฎชะรีอะฮฺตามที่ตราไว้ในอัล-กุรฺอานและหะดีษของท่านศาส ดา แล้วประมวลกฎหมายของตนเองขึ้นตามคำสอนของอิบนฺ ซาบะฮฺ
คำสอนของอิสลามนำมาซึ่งวิถีแห่งความเจริญรุ่งเรือง ไม่เหมือนกับพวกคริสเตียนที่เชื่อว่าท่านนบีอีซา อะลัยฮิสสะลามเป็นพระเจ้าที่ต้องเคารพสักการะ และไม่เหมือนกับพวกยะฮูดีที่ดูถูกเหยียดหยามและสังหารศาสดาของพระเจ้า อิสลามยกย่องและให้เกียรติแก่ท่านศาสดา แต่มุสลิมก็มิได้นับถือท่านในฐานะพระเจ้าที่ต้องเคารพสักการะ ฝ่ายสาวกของอิบนฺ ซาบะฮฺยึดถือบรรดาอิมามของพวกเขาเสมอด้วยพระเจ้า ผู้ทรงบัญญัติกฎหมายและคู่ควรแก่การเคารพภักดี นอกจากนี้ยังวิงวอนขอความช่วยเหลือต่ออิมามในยามที่พวกเขาประสบความย ากลำบาก แน่นอนที่สุด ภารกิจของอิบนฺ ซาบะฮฺสัมฤทธิ์ผลอย่างยิ่ง

คำตักเตือนของท่านอะลี รอฎิยัลลอฮฺ

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เรื่องทั่วไป ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.15 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ