ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
“มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 12, 13, 14 ... 21, 22, 23  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ลัทธิ-นิกาย
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
addullslam
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
ตอบ: 672


ตอบตอบ: Tue Mar 01, 2005 9:18 am    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
คุณแมทท เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าคุณไม่รับหะดีษที่รายงานมา
จากใครทั้งสิ้น ที่คุณว่าเป็นเรื่องเล่า นิทาน นั้น ในโลกของ
มุสลิมผมไม่เห็นว่าจะมีใครไม่เอาหะดีษ ผู้ที่เป็นมุสลิมทุกคน
เขาประกาศว่า ยึดอัลกุรอานและอัลหะดีษเป็นทางนำ
ผมเชื่อว่า นับตั้งแต่ท่านร่อซูล Solallah จากไป นับตั้งแต่ซอหะบะฮฺ
เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่มีใครมีความคิดเช่นคุณคือไม่เอาหะดีษ
ผมยังเชื่อว่าบุคคลที่มาก่อนเราถอยหลังไป 1500ปีก่อน
ผมเชื่อว่าท่านเหล่านั้น บางคนเป็นภรรยาของท่านนบี Solallah
เป็นผู้รายงานหะดีษ ผ่านมาคนแล้าคนเล่ากว่าหะดีษบทนั้น
จะมาถึงเรา การผ่านมาหลายชั่วคนโดยไม่มีใครบอกว่า
เป็นเรื่องเล่าหรือนิทาน นี่เป็นเครื่องที่ยืนยันว่า
สำหรับมุสลิมแล้ว อัลกุรอานและอัลหะดีษต้องอยู่คู่กันตลอดไป
สำหรับพวกต่างๆที่เอาอัลกุรอานอย่างเดียว ถูกโลกมุสลิม
ประกาศว่าพวกเหล่านั้นไม่ใช่มุสลิม
ส่วนคุณนั้นอยู่ในพวกไหน มุสลิมทั้งโลกที่ได้อ่านความคิดเห็นของคุณ
ผมเชื่อว่าเขาจะต้องตัดสินไปในแนวทางเดียวกันแน่
ขอนอกเรื่องสักหน่อย ผมคิดว่าคุณมีโปรแกรมในการค้นหา
อัลกุรอานให้ผมบ้างสิครับ
อีกเรื่องหนึ่งขณะที่กำลังอ่านข้อความของคุณอยู่
ผมได้รับการเตือนจากโปรแกรมว่า ระวังไวรัส
มันได้แสดงขึ้นมาที่หน้าจอด้านซ้าย อยู่ตลอดเวลา
ก็ขอจบสำหรับคุณเป็นการฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด
wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Tue Mar 01, 2005 12:10 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam


ตามที่คุณ addullslam กล่าวว่า :

“ผมเชื่อว่า นับตั้งแต่ท่านร่อซูล จากไป นับตั้งแต่ซอหะบะฮฺ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่มีใครมีความคิดเช่นคุณคือไม่เอาหะดีษ ผมยังเชื่อว่าบุคคล ที่มาก่อน เราถอย หลังไป 1500ปีก่อน”

คุณคงไม่ทราบว่าหลังจากท่านรอซูลสิ้นชีวิตไป 200 กว่าปี เท่านั้น, อีมามบุคอฮ์รีย์ คือผู้ที่ไม่เชื่อ อะฮะดีษ ที่บอกเล่ากัน ในสมัยท่าน เพราะ ว่า เรื่องราว การบอกเล่านั้น ไม่ ได้ มาตรฐาน ต่อ ความจริง และ วัฒธรรม ในสมัย ของ ท่าน, เหตุผลต่างๆ ในเรื่อง เล่า เหล่านั้น ไม่ กลมกลืน กับสิ่งแวดล่อม และประเพณี ชาว อรับ ในสมัยท่าน, ท่าน จึงทำ การ ชำระล้าง อะฮะดีษ ในสมัยนั้น และเลือก เอาแต่ เฉพาะ ฮะฮะดีษ ที่ท่าน คิด ว่า เป็น เรื่อง แท้ จริง ที่สุด ตาม “หลักเกณ ของ การ คัด เลือก ฮะดีษ” ที่ท่าน วาง ไว้ ในสมัยของท่านที่คิดว่า เป็นวิธีคัดเลือกที่ดีที่สุดแล้ว


บุคอฮ์รี เป็น ผู้ที่ เลือก ฮะดีษที่คิดว่า ดีมีความจริงที่สุด 7300 ฮะดีษ จาก 600,000 ฮะดีษ และเลือกเอา 2,300 อะฮะดีษ จาก 7,275 อะฮะดีษ ในปัจจุบัน จึงมีอยู่ ประมาณ 2,230 อะฮะดีษ ที่ ไม่ซ้ำกัน ท่านโยน อะฮะดีษ ทิ้งไปเป็น แสนๆ อะฮะดีษ

คุณจะเห็นว่า พอมาถึงสมัย ปัจจุบัน อะฮะดีษ ที่ท่าน อีมามบุคอฮ์รีย์ เลือกไว้ 2,230 อะฮะดีษ นั้น เมื่อ 1300 กว่า ปี นั้น ไม่ ได้ มาตรฐาน ต่อ ความจริง และ วัฒ นธรรม ในสมัย ปัจจุบัน, เหตุผลต่างๆ ในเรื่อง เล่า เหล่านั้น ไม่คล้องจอง กับสิ่งแวดล่อม และ ประเพณี ในปัจจุบัน ไม่ ตรง กับอัลกุรอาน ขัดกันเอง, จึง ถึงเวลาแล้ว ที่ มุสลิม จะต้อง เลือกแนวทาง การศึกษา ศาสนา ตาม ที่ท่าน รอซูล ได้ ปฏิบัติ และ อัลกุรอาน ที่ ท่านยึดถือ เป็น หลักของ ศาสนาอิสลาม

ตัวอย่าง อะฮะดีษ ที่ เหลวไหล: เช่น ใน ซอเฮี๊ยะ มุสลิม เล่มที่ 008 , เลขที่ 3427 ที่ เล่าว่า ถ้า มีเด็กหนุ่ม มา เยี่ยม ครอบครัว อะบูฮูดัยฟะ เพื่อ ที่จะ ให้ ถูก ต้อง ตาม หลักไม่ดูเป็นที่ครหา ว่ามามีชู้กับภรรยา, ท่าน รอซูล แนะนะ ให้ ภรรยาของ อะบูฮูดัยฟะ เอา ฺ Breast ของนาง ให้ชาย หนุ่มผู้ นั้น ดูด (Breast Feeding) เพื่อ ที่ ชายหนุ่มนั้น จะได้ กลาย เป็ น บุตร บุญธรรม ของ นาง ซึ่งทำให้ ชายหนุ่ม ผู้ นั้น สามารถ ที่ จะ มาเยี่ยม นาง ได้ อย่าง ถูก ประเพณี , และใน ซอเฮี๊ยะ มุสลิม เล่มที่ 008 , เลขที่ 3421 กล่าวว่าการ Breast Feeding นี้ ถ้า ดูดถึง 10 ครั้ง จะ ทำให้ เสีย การ สมรส ดังนั้น จึง มีคำสั่ง จาก ท่าน รอซูล ให้ ดูด ได้ ไม่ เกิน 5 ครั้ง, คุณคงนึกภาพได้ ว่า ถ้า มุสลิมผู้ที่เชื่อ ใน “ซอเฮี๊ยะฮะ ดีษ บท นี้” กลับเข้า บ้าน และเห็น ภรรยากำลัง Breast Feeding เด็กหนุ่มแปลกหน้า อยู่ใน บ้าน เขาจะเชื่อ คำอธิบาย ของ ภรรยา ของ เขาหรือ ไม่ ว่า เธอ กำลัง ป้อนนมให้กับบุตรบุญธรรมคนใหม่?”

คุณ addullslam คิดหรือ ว่า ซุนนะห์ ข้อนี้ จะ มี ผู้ ปฏิบัติ ตาม, ที่ยอม ให้ ภรรยา ของ ตนเอง เอานมให้ ชาย หนุ่ม แปลกหน้าดูด เพื่อ เปลียน สภาพ จาก คน แปลก หน้า มา เป็น บุตรบุตรบุญธรรม

อะฮะดีษ เช่นนี้ แหละครับ ที่ ทำลาย อิสลาม ผมไม่ทราบว่าจะเป็น ซอเฮี๊ยะ ฮะดีษ ได้อย่าง ไร ในเมื่อ ผู้ บรรยาย อ้างว่า เป็น บัญญัติ อยู่ ในอัลกุรอาน แต่ความจริง แล้ว ไม่ มี อยู่ ใน อัลกุรอาน ซึ่ง ทั้ง อีมามมุสลิม และ บุคอฮ์รีย์ ควรจะรู้ดี และ ไม่ควรจะ จดบันทึก ไว้ และ เรึยกว่า “ซอเฮี๊ยะฮะดีษ” ผมอยากให้ ผู้ เชี่ยว ชาญ ฮะดีษ ช่วย อธิบาย ให้ ฟังด้วย ว่า “ฮะดีษเหล่านี้ เป็น ซอเฮี๊ยะฮะดีษได้อย่างไร?”

คุณ addullslam ต้องการโปรแกรมในการค้นหา อัลกุรอาน หรือ ครับ นี่ คือ อีเมลล์ ผมครับ matt_tn90@hotmail.com

คุณ addullslam ครับ ช่วยตอบให้ผมทราบหน่อย ซิครับ ว่า ถ้าเราไม่เขื่อ เรื่อง บอกเล่า จากใครก็ตาม เป็น ความผิด หรือ มีบาป ด้วย หรือ ครับ? เรื่องที่ว่า ถ้าไม่เชื่อ “ซอเฮี๊ยะฮะดีษ” นั้น มีบาปมีกรรม หรือ ตก เป็น “กาเฟร” และเมื่อตายไปก็เอาศพ ไปวัดได้เลยนั้น” นั้น เป็น คำกล่าว ของ ผู้ ที่ หลงทางจาก แนวทางที่ แท้ จริง ของ อิสลาม (อัลกุรอาน) ไปอย่าง ดึงไม่ขึ้น เลย

ทั้งนี้ เป็น ความเขลา ของ เขา ที่ ไม่ เข้าใจ ว่า เรื่องเล่า เหล่านั้น “ ไม่ได้ออกมาจาก ปากของท่านรอซูล หรือ เป็น การปฏิบัติ ที่ท่าน รอซูล เป็น ผู้ บันทึกไว้ “ แต่เป็น เรื่อง บอกเล่าต่อๆกันมา หลังจาก ท่านรอซูล สิ้น ชีวิต ไปแล้ว เป็น ร้อยๆ ปี เช่น เดียว กับ เรื่อง เล่า เรื่อง “ โต๊ะ ตะเกี่ย” ที่อยุทธยา, ซึ่งการเชื่อ เช่นนั้น เป็น “ ชิริก” ครับ สิ่งที่แท้จริง คือ อัลกุรอานซึ่ง เป็น ฮะดีษ เพียง เล่ม เดียว ที่เป็น คำกล่าว ของ ท่าน รอซูล และการที่ท่านปฏิบัติ (ซุนนะห์) ตามอัลกุรอานเท่านั้น ที่มุสลิมควรจะยึดถือ

ตามที่คุณ เขียนตอบผมๆ ยังไม่เห็นอะไร ที่เป็น หลักวิชา ที่นำมาอธิบายว่า ที่ผมอ้างมาไม่ถุกต้องเลย มีแต่ ตำหนิผม การตำหนิผม ไม่ได้ ทำให้ ความเข้าใจ ถูกต้องได้เลย


wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
natee
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 108


ตอบตอบ: Wed Mar 02, 2005 9:34 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณ matt ช่วยหาตัวบทของฮาดีสที่เป็นภาษาอาหรับของฮาดีสที่คุณนำมาให้หน่อยซิคะ เพราะฮาดีสที่แท้จริงควรจะแปลมาจากตัวบทภาษาอาหรับ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษของไอ้ยิว เพราะเท่าที่สอบถามผู้รู้ก็ไม่เห็นมีใครเคยได้ยินฮาดีสตามที่คุณแปลมานี้เลย ยังไงก็ช่วยหาตัวบทภาษาอาหรับมาให้ด้วยนะคะ ท่านวิทยากรของเราจะได้ตรวจสอบได้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Thu Mar 03, 2005 4:27 am    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam


คุณnatee


คุณ ไปถามผู้รู้ทีไหนกันครับ ลองถาม ผู้เชี่ยวชาญ วิชาการ ฮะดีษ ที่อยู่ ใกล้ๆ ตัว คุณ นี่ แหละ คือ ท่านอาจารย์ ฟารีด เพนดี้ และ ท่าน อาจารมุรีด ทืมะเสน คุณ ลอง ถาม ท่าน ทั้งสอง ว่า เคย เห็น และ เคย ได้ ยิน ฮะดีษ ซอเฮี๊ยะ มุสลิม เล่มที่ 8 เลขที่ 3427 ใน หนังสือ "กิตาบ อัล- นิกะห์" หรือไม่? ถ้าท่านทั้งสอง ตอบคุณไม่ได้ แล้ว ผม จะ หา ต้นฉบับ ภาษาอรับให้


คุณนะทีครับ คุณ เขียน ราวกับว่า "ชาวยิว" รู้ แต่ภาษาอังกฤษอย่าง เดียว เท่านั้น และไม่เข้าใจหรือ เรียนรู้ ภาษาอรับเลย อย่าง นั้น แหละ, ถ้าเขา จะปลอม แล้ว เขา ปลอม ทั้ง ภาษาอังกฤษ และอรับ ละครับ, ในอดีต ชาวยิว ปลอม ฮะดีษกันมาก แต่ ท่าน อีมาม บุคอฮ์รีย์ ท่าน ได้ กำจัด ออก จน หมด แล้วนะครับ ของ ปลอม ของ ยิว.


คุณนะที..คุณ ลองถามท่านอาจารย์ ทั้งสองอีกทีนะครับ ถ้าท่าน ตอบ และอธิบาย ให้ มีเหตุผล และ พิสูจน์ ให้ผมเห็นว่า อะฮะดิษที่ผม นำมา เป็น การ แปล ของ ชาวยิว แล้ว, ผม จะ ปิด เวบ ThaimuslimUSA.com เลย ครับ ถ้าคุณ นะทีมีเวลาว่า ง ลอง ไปอ่าน เวบ ของ อรับมุสลิม ในอเมริกา ในเรื่อง KITAB AL-NIKAH (The Book of Marriage) ต้องอ่าน ทั้ง บท ถึง จะ เข้า ใจดีครับ


http://www.isgkc.org/Hadith/Muslim/008_smt.html#028_b8


สวัสดีนะครับ

wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nes
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Mar 12, 2004
ตอบ: 80
ที่อยู่: bkk

ตอบตอบ: Thu Mar 03, 2005 4:01 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สลามพี่น้องทุกท่าน

ช้าก่อนเถิดทุกท่าน พิจารณาให้ดี หลุมพรางที่นายแมททฺแกวางไว้ตื่นๆเนี่ย อย่ากระโดดลงไปเชียวน่า ตกศาสนาแน่นอน

คำพูดของแกเนี่ย เชื่ออัลกุรอาน ไม่ปฏิเสธนาบี (แต่ปฏิเสธฮาดีสนาบี)

ตาหลกไหมละ !

นายแมททฺปฏิเสธฮาดีสนะบีทั้งหมด ไม่ใช่ปฏิเสธเฉพาะฮาดีสที่แกสงสัยเท่านั้น แต่ที่เอาฮาดีส (ที่แกไม่เข้าใจ) เอามาให้ดูเนี่ย เพื่อสร้างข้อกังขาให้ผู้อื่นสงสัยตามด้วย จนนำไปสู่การปฏิเสธฮาดีสทั้งหมด
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Thu Mar 03, 2005 8:12 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

คุณNes


ตามที่คุณกล่าวว่า:


"นายแมททฺปฏิเสธฮาดีสนะบีทั้งหมด ไม่ใช่ปฏิเสธเฉพาะฮาดีสที่แกสงสัยเท่านั้น แต่ที่เอาฮาดีส (ที่แกไม่เข้าใจ) เอามาให้ดูเนี่ย เพื่อสร้างข้อกังขาให้ผู้อื่นสงสัยตามด้วย จนนำไปสู่การปฏิเสธฮาดีสทั้งหมด"


ผมปฏิเสธเรื่องบอกเล่าของ อีมามบุคอฮ์รีย์ และ มุสลิม ที่เกี่ยวกับ ท่านรอซูล ซึ่งไม่ได้ เป็น วะฮีย์ ตามที่บางท่านเข้าใจ , แต่ผมไม่เคยปฏิเสธอัลกุรอาน ซึ่งเป็น ฮะดีษที่แท้จริง ของ ท่าน รอซูลเลย และเป็น ฮะดีษที่มุสลิมควรจะปฏิบัติตามเท่านั้น


ไม่มีหลุมพลางอะไรหรอก คุณ, อย่ากลัวเงาของตัวเองซิ, ถ้าคุณว่า ฮะดีษนี้ผมไม่เข้าใจ, คุณเข้าใจ อย่าง ไร ก็อธิบายให้ผมฟัง, คุณสามารภจะอธิบาย ให้ ผมเข้าใจได้ ไหม? ว่า ฮะดีษที่ผมยกตัวอย่าง ให้ เห็นนี้ จัดว่า เป็น "ซอเฮี๊ยะฮะดีษ" ได้อย่างไร?


ผมเห็นคุณ NES เข้ามากระโดดโลดเต้น เช่นนี้ ไม่ เห็น ว่า เคยนำหลักวิชาอะไรมา เสนอ และ อธิบาย หลักการ อิสลาม ให้เข้า ใจเลย , "อะดีษ" ที่ยกตัวอย่างมานี้ มีหลักการ เกี่ยวกับ "อิสลาม" อย่างไร? คุณเชื่อฮะดีษบทนี้หรือไม่?


wassalam


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Fri Mar 04, 2005 4:04 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสสลามุอะลัยกุม....พี่น้องผู้ศรัทธาทุกท่าน
จ๊ะเอ๋...จุ๊กกรู้ คุณแมทท์ ....

เกี่ยวกับเวปทำลายอิสลามที่คุณยกมานั้น เห็นด้วยกับคุณ nop ครับ ที่บอกว่าควรจะเอาเวป ยู-เอส-เอ อะไรของคุณนั่นรวมเข้าไปในรายชื่อเวปอันตรายนั่นด้วย ไม่ใช่คุณแมทท์คนเดียวหรอกครับที่รู้สึกไม่สบายใจและพยายามตอบโต้แก้ไข ผมเชื่อว่ามีมุสลิมที่ทรงความรู้อีกเป็นสิบเป็นร้อยท่านที่กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ คงเข้าใจนะครับ พวกทำลายล้างอิสลามน่ะไม่ได้มีแค่หยิบมือเดียวนั่นเท่านั้น เวปประเภทนี้มีอยู่เกลื่อนไปหมด เป็นพันๆด้วยซ้ำมั้ง ตามล้างตามเช็ดกันไม่หมดหรอกครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า งั้นไม่ต้องทำมันซะเลยละกัน ... ไม่ใช่หรอกครับ คนทำน่ะมี เพียงแค่คุณไม่เห็นเขาเท่านั้น ผมรู้ว่าพวกเขาเหน็ดเหนื่อยอิดหนาระอาใจขนาดไหนในการตอบโต้พวกชั่วช้าดื้อด้านเหล่านั้น เช่นเดียวกับความรู้สึกของเราทุกคนที่นี่เวลาตอบโต้กับคุณ ใครทำอะไรได้แค่ไหนก็ทำกันไป เวปภาษาปะกิตก็ให้คนเก่งภาษาเค้าละเลงกันไป ตรงนี้เราคุยกันภาษาไทยถนัดกว่า เราก็ว่ากันไปเท่าที่เราทำได้ .. เท่านั้นเอง

อย่าง ทฤษฎีวิวัฒนาการ ที่พันทิพ คุณบอกว่า “ผมเขียนตอบโต้ผู้ที่กล่าวโจมตีอิสลาม ในเรื่อง การ วิวัฒนาการ และ เรื่อง กำ เนิด ของ สิ่งมีชีวิตในพันทิบ จนเขาจำนนที่ว่า “ชาลส์ดาร์วินเชื่อ ในเรื่อง การมีผู้สร้างหรือ พระเจ้า", แต่ไม่ เห็น มี มุสลิม ผู้ ใด ที่กล้า ใช้ เหตุ ผล ในการ ป้องกัน อิสลาม เลย,” .... กบเวลาที่มันถูกครอบอยู่ในกะลาใบไหน มันก็คงจะนึกว่า มันใหญ่สุดแล้วที่นั้น มันเก่งสุดแล้ว ไม่มีใครเหนือมัน อาจจะมีกบตัวอื่นอยู่ในครอบกะลาที่ใหญ่กว่ามันก็ได้ ต่างตัวต่างก็ไม่รู้หรอกว่าใครได้ทำอะไรบ้างในครอบกะลาอันอื่นจากที่มันอยู่ ... เรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการนี่ผมก็เห็นเค้าคุยกันมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่แค่ที่พันทิพ แต่คุณกลับบอกว่าไม่มีใครทำอะไร อาจเป็นเพราะ บางทีเขาไปที่ที่คุณไม่ได้ไป หรือคุณไปที่ที่เขาไม่ได้ไป พอคุณไม่เห็นใครก็เลยนึกว่า ลุยเองอยู่คนเดียวที่นั่น เก่งสุดในกะลาใบนั้น.... ก็แค่นั้นเอง ... แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าผมตำหนิการตอบโต้ของคุณเรื่อง ทฤษฎีวิวัฒนาการ ที่นั่นนะครับ เพียงแต่ท้วงติงการคุยโอ่ของคุณที่ว่า... “ แต่ไม่เห็นมีมุสลิมผู้ใดที่กล้าใช้เหตุผลในการป้องกันอิสลามเลย”

คุณกลับมางวดนี้ บอกตรงๆว่า ผมดีใจครับ ดีใจที่คุณยังเป็นนักประชาธิปไตยที่ดีจริงตามคำกล่าวอ้างหลังจากที่เราได้ลงมติกันไปครึ่งค่อนปีแล้วว่าขอให้คุณอธิบายเรื่องการละหมาดตามอัลกุรอาน ก่อนเป็นเบื้องแรก ต่อจากนั้นค่อยว่ากันในประเด็นญัตติอื่นๆอีกเป็นสิบที่คั่งค้างไว้ คิดว่าทีนี้เราคงจะได้ละหมาดเป็นซะทีหลังจากที่โง่งมมานาน ดีใจที่เห็นคุณเริ่ม “เข้าเรื่อง” ด้วยการเกริ่นถึง เวลาของการละหมาด .... แหม...แต่เกริ่นไปได้นิดเดียว ก็เถลไถล ไปยกประเด็นอื่นอีกร้อยแปดขึ้นกลบเกลื่อนตามฟอร์ม จะลอง list ดูนะครับว่าเถลไถลไปถึงไหนกัน

1 ลูกตาเหล่กับแหล่งเพาะพันธุ์ (การใช้หะดีษอรรถาธิบายอัลกุรอาน)
2 “อะฮะดิษของบุคอรีย์” ไม่ใช่ “วะฮีย์”
3 การ จัดเพศหญิงว่า เป็น ต้นเหตุ แห่งความชั่วช้าทั้งหลาย
4 การเล้าโลมภรรยาขณะมีประจำเดือน (ฅุณแมทท์ใช้คำว่า ปลุกปล้ำ .... แหม คิดได้งัยเนี่ย )
5 การถ่ายปัสสาวะ
6 เสรีภาพ สำหรับ ผู้ที่ จะเข้ารับอิสลาม
7 "และเขา(มุฮัมมัด) ไม่ได้พูดมาจากอารมณ์แต่เป็นวะฮีย์
8 Breast Feeding .... การยอมให้ภรรยาของตนเอง เอานมให้ชายหนุ่มแปลกหน้า”ดูด” เพื่อเปลี่ยน สภาพจากคนแปลกหน้า มาเป็นบุตรบุญธรรม

ไม่รู้ครบมั้ยเนี่ย.... เอาเป็นว่าได้แค่นี้ก่อนละกัน ที่จริงยังมีหมกเม็ดอีกเยอะ

นั่นงัย... เดินเข้าทางมาได้แค่ก้าวเดียว เถลไถล ฉีกประเด็นออกไปทางโน้นที ทางนี้ที จนหลงไปไกลลิบ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่พวกเราจะละหมาดเป็นล่ะครับ .... หมายถึงการละหมาดที่ถูกต้องตามอัลกุรอาน ที่คุณแมทท์อ่านเจออยู่คนเดียวน่ะครับ .... กรุณาอย่าเก็บความรู้นั้นไว้เพียงคนเดียวเลยครับ อีกไม่นานก็ต้องตายแล้ว รีบๆสอนพวกเราเถิดครับ สอนแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ต้องกล่าวตำหนิว่าใครคนนั้นไม่เข้าใจ คนนี้ไม่ศรัทธาจริง คนโน้น ignorant ฯลฯ ไม่ต้องใส่น้ำเยอะนักนะครับ ควานหาเนื้อไม่ค่อยเจอ ขอแบบข้นๆ เอาเนื้อๆมาคุยกันเลย จะได้ไม่เปลืองเวลาเขียนของคุณ เวลาอ่านของพวกเรา และคอมพิวเตอร์ก็จะได้ไม่เปลือง Resource โหลดไม่นาน .... เห็นมั้ยครับ พูดกันแบบกระชับนี่มันดีหลายเด้อ

และพร้อมกันนี้ก็ใคร่ขอร้องพี่น้องทุกท่าน กรุณาอย่าชวนคุณแมทท์เถลไถล เฉไฉ ต่อไปอีกเลยครับ เราจะคุยกันให้จบได้เป็นเรื่องๆ

สำหรับ 7-8 ข้อที่ list มานี้ ผมคิดว่าผมมีคำตอบครับ และยินดีจะพยายามตอบคุณแมทท์ทุกข้อเท่าที่ทำได้ ...แต่.... ควรเป็นหลังจากที่เราได้เริ่มละหมาดกันซะก่อน...ดีมั้ยครับ? แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเตือนคุณแมทท์อย่างนึงว่า อย่าเอาความลามกสกปรกที่ฝังอยู่ในใจมาใช้ในการศึกษาทำความเข้าใจอัลกุรอานและอัลหะดีษนะครับ มิฉะนั้น ผลลัพท์ที่คุณสรุปได้มันก็จะออกมาเป็นอย่างที่คุณคิดอยู่นี่ละครับ การทำความเข้าใจอัลกุรอานและอัลหะดีษนั้น ต้องศึกษาด้วยใจบริสุทธิ์ ปราศจากอคติทั้งปวง เมื่อนั้นแหละคุณจึงจะมองเห็นความสูงส่งและงดงามของมันครับ

อีกนิดนะ....คุณแมทท์บอกคุณ nop ว่า
“คุณนพ คุณเลี่ยงอีกแล้ว อธิบายคำถามให้ทุกๆท่านทราบด้วย” แมทท์ Thu Feb 24, 2005 11:40 pm

อย่าให้ผมต้องย้อนคุณเลยนะครับ .... คุณแมทท์ กรุณาอย่าเลี่ยง

ก่อนจบ ขอฝากทิ้งท้ายเพื่อให้เรื่องราวปะติดปะต่อกันสักหน่อยนะครับ

คุณแมทท์ บอกว่า.... “การละหมาด ๕ เวลา และกำหนดเวลาในการทำละหมาดแต่ละครั้งจะหาได้ใน อัลกุรอาน จากอายัตต์ ต่างๆ ดังต่อไปนี้”

อายะฮฺที่กล่าวถึงเวลาละหมาดตามที่อ้างมานั้น พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วครับ ว่าอายะฮฺไหนกล่าวถึงละหมาดใด แต่ที่สงสัยคือ ที่บอกว่า “ละหมาด ๕ เวลา” เนี่ย มาจากไหนครับ อยู่ตรงไหนในอัลกุรอาน เพราะข้อความนี้อยู่ในหะดีษที่ท่านนบีสอนไว้ครับ คุณรู้ได้อย่างไรว่าต้องละหมาดวันละ 5 เวลา... โปรดเข้าใจนะครับ ตอนนี้เราล้มกระดานตั้งหมากใหม่กันเลย (....ไม่ใช่ชวนเล่นหมากรุกนะ... ) ขอให้เริ่มกันจากศูนย์ สมมุติว่าตอนนี้เราไม่รู้อะไรเลย รู้แต่เพียงอัลลอฮฺสั่งให้ละหมาด ... เท่าไหร่ ตอนไหน ยังไง ฯลฯ ไม่รู้เลย เนี่ยครับ จะดูได้จากไหนในอัลกุรอาน.... คงไม่ยากไปนะครับ

บ๊าย...บาย คุณแมทท์ .... See Ya.... ปู้นๆ
วัสสลาม....แด่พี่น้องผู้ศรัทธาทุกท่าน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
addullslam
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
ตอบ: 672


ตอบตอบ: Sat Mar 05, 2005 8:47 am    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ขอเวลานอกอีกนิดก่อนที่จะถึงคำถามของคุณ alghuraba
คุณแมทท ช่วยยืนยันว่าหะดีษนี้ก็เป็นนิทานรือเรื่องเล่าครับ
จะได้ตัดสินไปเลยว่าผู้ที่ชี้ว่าหะดีษนบีมุฮัมมัด Solallah เป็นนิทานเรื่องเล่า
จากหนังสือ40หะดีษ รวบรวมโดย อิมามนะวะวี

" " หะดีษ ที่24 " "
จากอบู ซัรรฺ อัล ฆิฟารี รอฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ตามที่ท่านไดรายงานมา จากพระผู้อภิบาล ผู้ทรงเกียรติยิ่งได้ตรัสว่า
" โอ้บ่าวของฉัน ฉันห้ามการอยุติธรรมต่อตัวฉัน และฉันทำให้มันเป็นที่ต้องห้าม
ในระหว่างสูเจ้า ดังนั้นสูเจ้าอย่าได้กระทำอยุติธรรมกัน
" โอ้บ่าวของฉัน สูเจ้าทั้งหลายหลงผิด เว้นแต่ผู้ที่ฉันได้ให้ทางนำแก่เขา
ดังนั้นสูเจ้าจงขอทางนำแก่ฉัน ฉันย่อมนำทางแก่สูเจ้า
" โอ้บ่าวของฉัน สูเจ้าทุกคนเป็นผู้หิว เว้นแต่ผู้ที่ฉันได้ให้อาหารแก่เขา
ดังนั้นสูเจ้าจงขออาหารจากฉัน ฉันย่อมให้อาหารแก่สูเจ้า
" โอ้บ่าวของฉัน สูเจ้าเปลือย เว้นแต่ผู้ที่ฉันได้ให้เครื่องแต่งกายแก่เขา
ดังนั้นสูเจ้าจงขอเครื่องแต่งกายจากฉัน ฉันย่อมให้เครื่องแต่งกายแก่สูเจ้า
" โอ้บ่าวของฉัน แท้จริงสูเจ้ากระทำผิด ทั้งกลางวันและกล่างคืน
และฉันให้อภัยแก่บาปเหล่านั้นทั้งหมด
ดังนั้นจงขออภัยจากฉัน ฉันย่อมให้อภัยแก่สูเจ้า
" โอ้บ่าวของฉัน สูเจ้าไม่สามารถให้ความเสียหายถึงฉัน แล้วสูเจ้าจะทำให้เกิด
ความเสียหายแก่ฉัน(ได้อย่างไร) สูเจ้าไม่สามารถให้คุณถึงฉัน แล้วสูเจ้าจะให้
คุณนั้นเกิดแก่ฉัน(อย่างไร)
" โอ้บ่าวของฉัน ถ้า(ตั้งแต่มนุษย์)คนแรกของสูเจ้า และ(มนุษย์)คนสุดท้าย
ของสูเจ้า ทั้งมนุษย์และญิน ทั้งหมดต่างก็สำรวมตนจากความชั่ว เหมือนกับ
คนที่สำรวมตนมากที่สุดจากพวกสูเจ้า ก็ไม่เพิ่มแก่กิจการของฉันแม้แต่น้อย
" โอ้บ่าวของฉัน ถ้า(ตั้งแต่มนุษย์)คนแรกของสูเจ้า และ(จนถึงมนุษย์)คนสุดท้าย
ของสูเจ้าทั้งมนุษย์และญินทั้งหมดต่างก็ใจชั่ว เหมือนกับคนที่ใจชั่วที่สุดจากพวก
สูเจ้า ก็จะไม่ทำให้ขาดตกบกพร่องแก่กิจการของฉันแม้แต่น้อย
" โอ้บ่าวของฉัน ถ้า(ตั้งแต่มนุษย์)คนแรกของสูเจ้า และ(จนถึงมนุษย์)คนสุดท้าย
ของสูเจ้าทั้งมนุษย์และญินทั้งหมดต่างก็ยืนบนที่ดินเดียวกัน แล้วต่างก็ขอจากฉัน
แล้วฉันให้แก่ทุกคนตามที่เขาขอ ก็ไม่ทำให้ขากตกบกพร่องแก่สิ่งที่มีอยู่ที่ฉันแม้
แต่น้อย เว้นแต่ เหมือนเข็มเล่มหนึ่งที่ใส่เข้าไปในทะเล
" โอ้บ่าวชองฉัน แท้จริง ทั้งหมดนั้นคือ กิจการงานของสูเจ้า ฉันบันทึกมันทั้งหมด
เพื่อสูเจ้าทั้งหลาย แล้วฉันตอบแทนมัน
ดังนั้นผู้ใดได้รับความดี ก็จงสรรเสริญอัลลอฮฺ ผู้ใดรับอื่นจากนั้น ดังนั้นเขาอย่า
ได้โยนความผิด นอกจากตัวเขาเอง
หะดีษนี้(เป็นหะดีษกุดซี) บันทึกโดย มุสลิม
" " หะดีษที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รายงานตามที่ท่านได้รับ วะหฺยู
จากอัลลอฮฺ" "
wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sat Mar 05, 2005 8:21 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

คุณ addullslam

ผมต้องขอขอบคุณน้ำใจอันดีงามของคุณ addullslam เป็น อย่าง ยิ่ง ที่ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คุณนำมา ล้วน แต่ เป็น ความ รู้ ที่ดี ทั้ง นั้น คุณได้ ทำตัวสมกับ เป็น ผู้ ที่ตาม ซุนนะ ของ ท่าน รอซูล อย่าง แท้ จริง ผมขออธิบายตามความเห็นของผมต่อ “หะดีษกุดซี” ดังนี้


เนื่องจากว่า “หะดีษกุดซี” เป็น หะดีษ หรือการ บอกเล่า ว่าได้ มีผู้เคยได้ ยิน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าว สิ่งที่ท่านได้รับ “วะยู” จาก อัลลอฮ์ เหตุที่ เรียกว่า “หะดีษกุดซี” หรือ หะดีษที่ศักสิทธิ์ ก็เพราะว่า “หะดีษกุดซี” ต่างจาก “หะดีษซอเฮี๊ยะ” ทั้งหลาย ที่สืบสายไปแค่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เท่านั้น, แต่ “หะดีษกุดซี” นี้ สืบไปจนถึง พระองค์ อัลลอฮ์


“หะดีษกุดซี” นี้ ถูกเชื่อ ว่า ควาามหมายหรือเนื้อหา ของหะดีษ มาจาก พระองอัลลอฮ์ และถ้อยคำที่กล่าว มาจาก ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม, จะด้วยจากการ ดลใจ หรือ การเข้าฝัน ต่อ นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้งสองอย่าง, แต่อย่าง ไร ก็ตาม, นักปราชญ์ทางอิสลามยังคง ยกให้ “อัลกุรอาน” มีความสำคัญ เหนือกว่า “หะดีษกุดซี” ทั้งนี้ เพราะ ว่า อัลกุรอาน เป็น “วะฮีย์” และเป็น โองการของพระองค์ โดย ตรง ซึ่งถูกบันทึกไว้ในขณะที่ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังมีชีวิตอยู่



“หะดีษกุดซี” นี้บรรยายหรือ บอกเล่าโดย “อบูฮูรอยเราะห์” มากกว่าผู้ใด และมักจะขึ้นต้น ด้วย ประ โยคที่ว่า:


โดยอำนาจของท่าน “อบูฮูรอยเราะห์” ผู้ซึ่งได้ กล่าวว่า ท่านเคยได้ยิน ท่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม, กล่าวว่า “…………”


คุณ addullslam จะเห็นว่า ไม่ ว่า “อะหะดีษ” จะใช้ชื่อ อะไรก็ตาม หรือ จะ มีสาย สืบ อย่าง ไรก็ตาม ก็ยัง เป็น เรื่อง บอก เล่า จาก บุคคล หนึ่ง ไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ว่าเคยได้ ยิน ได้ ฟัง ท่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า อย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่ง เรื่อง บอกเล่า เหล่านี้ ถูก รวบ รวม โดย บุคอฮ์รีย์ หรือ มุสลิม หลัง จาก ท่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ สิ้น ชีวิต ไปแล้ว กว่า 200 ปี



เมื่อTue Feb 22, 2005 9:27 pm ผมเขียนว่า:

“บางท่านกล่าวว่า ก่อนจะรับฮะดีษบทใด จะต้อง ใช้ อัลกุรอาน เป็นบรรทัดฐาน ในการปฏิบัติ ตาม เรื่องเล่า เหล่านี้ คือ ความ เที่ยง ตรง กับ คำ สอน ในอัลกุรอาน ฮะดีษที่ไม่ตรง หรือ ขัดกับ บัญญัติ ใน อัลกุรอาน จะตัดทิ้ง ไป ….แน่นอน ข้อความหรือ เรื่องเล่า ต่างๆ ที่ดี และ เป็น คติสอนใจ สอนศีลธรรม ที่ดี ก็ มีอยู่ มาก ในอะฮะดีษ แต่ ข้อสำคัญ คือสิ่งเหล่านั้น ได้ มี อยู่ ใน อัลกุรอาน แล้ว, และถ้าสิ่งที่เรา จะยอม รับ จาก อะฮะดีษ เฉพาะ เรื่อง ราวที่ตรง กับ อัลกุรอาน เท่านั้น…. ทำไมเรา จึง ต้องเสียเวลา ไป ใช้ อะฮะดีษ ของ บุคอฮ์รีย์ เราก็ใช้ แต่ เพียง อัลกุรอาน ก็ เพียง พอ แล้ว, และ ไม่ ควร ที่จะ สอน มุสลิม รุ่น หลังๆ ว่า เรื่อง บอกเล่า เหล่า นั้นว่า เป็น “วะฮีย์” จาก อัลลอฮ์ เช่น เดียว กับ อัลกุรอาน”


ในที่นี้ หมายความว่า สิ่ง ใดที่มาจากอัลกุรอาน เท่านั้นที่ จัดว่า เป็น วะฮีย์


มุสลิมเราทราบแล้วว่า อัลกุรอานเป็น บัญญัติ เล่มสุดท้าย และเล่มเดียว เท่านั้น ที่ พระองค์ อัลลอฮ์ ทรงประทาน ให้ เพื่อ ใช้ เป็น คู่ มือ ในการ ประกอบศาสนกิจ และเป็นคู่มือเล่ม เดียว เท่านั้น ที่ ท่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ใช้ในการเรียนการสอน ศาสนาอิสลาม ดังนั้น ถ้า มุสลิมยอมรับหนังสืออื่น ที่ ถูกสร้างขึ้น และใช้ควบคู่ไป กับ อัลกุรอาน แล้ว นอกจาก เรา จะไม่ ปฏิบัติตามซุนนะห์ ของ ท่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้ว เรา อาจ จะ ตก อยู่ ในสภาพ เช่น ไร? และถ้าเราจัดว่า “อะหะดีษ” เป็น “วะฮีย์” จาก อัลลอฮ์ แล้ว นั้นก็หมายความว่า “อัลกุรอานไม่ได้เป็นบัญญัติเล่มสุดท้าย อย่างที่พระองค์ อัลลอฮ์ ทรง มีบัญชาไว้ คุณลองคิดดูซิ


การอธิบายของผมเป็น ความคิดเห็นส่วนตัว, ผมนับถือในหลักวิชาและความคิดเห็น ของคุณ ที่ คุณเป็น มุสลิมที่ดี และมีเเหตุผล ผมขอขอบคุณ และ ผมยอมรับว่า มรรยาท ของคุณที่มีต่อผม และ สมาชิก ในเวบนี้ สมควรที่มุสลิม ทุกๆ ท่าน จะ รับไว้ เป็น ตัวอย่าง ผมตามอ่านเรื่องเขียน ต่างๆ ของ คุณ ตลอดมา


เมื่อคุณเริ่มเขียน เกี่ยว กับ “อัสมะอุลฮุสนา” ผมเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้ เยาวชน เข้าใจ ถึง คุณลักษณะ ของ พระองค์ อัลลอฮ์ เพื่อที่ จะทำให้ ยุวมุสลิม รู้จัก พระเจ้า ใน ทัศนะของอิสลาม ได้ ดีขึ้น และจะทำให้ มุสลิม เข้าใจว่า ถ้าเรา เคารพบูชาพระเจ้า พระองค์ ซึ่งมีทั้งพระมหากรุณา และ ยิ่งด้วย เมตตาต่อมนุษย์ชาติ แล้ว, เรามุสลิม ควรที่ จะ เป็นบุคคลที่ มีทั้งความเมตตาและความกรุณาต่อ มวลมนุษย์ ที่อยู่ร่วม ในสังคม เดียวกัน โดยไม่จำกัด ว่าจะต้อง เป็น มุสลิมเท่านั้น เพราะ มนุษย์ ทุกๆคน เป็น ลูกหลานท่านบีอะดัม และถูก สร้าง ขึ้น มาโดย พระองค์อัลลอฮ์ เช่นกัน


wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sat Mar 05, 2005 8:28 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam


สวัสดีครับพี่นอ้งสมาชิกมรดกอิสลามทุกๆท่าน..


เมื่อ วาน Fri Mar 04, 2005 4:04 pm ขณะที่กำลังเดินกลับเข้าบ้าน ผ่าน สวน ญี่ปุ่น เล็กๆ ข้าง สนามหญ้า หน้าบ้าน, ได้ยินเสียงเรียกแว่วๆ ว่า, “จ๊ะเอ๋..จุ๊กกรู้ คุณแมทท์” ....ทีแรก ก็นึกว่า นก เค้าแมว แต่ มองขึ้น ไปบนต้น เมเปิล และ ต้น ไม้รอบๆ บ้าน ก็ ไม่เห็น อะไร, แต่พอเหลือบ มอง ไปที่ ข้างท่อระบายน้ำ เห็น สิ่งหนึ้ง ลักษณะ โดมครึ่ง วง กลม เล็กๆ กำลัง เคลื่อน ไหวอยู่ ก็เดิน เข้า ไป ใกล้ ก็เห็น ได้ ชัด ว่า …สี่งที่กำลังเคลื่อน ไหว อยู่ นั้น คือ กะลามะพร้าว ขนาด เล็ก มาก ที่โยนทิ้งไว้ นานแล้ว ตั้ง แต่ ตอน ตัดหญ้า เมื่อ หน้าร้อนปี ที่แล้ว

(บางท่าน คงคิดว่า ในอเมริกา มีกะลามะพร้าว ด้วยหรือ? อ้อผมลืมบอกไปว่า ได้ ซื้อมะพร้าว ลูก มาจาก ตลาดฝรั่ง ที่นั้น)


พอเดินเข้าไปใกล้ ก็เห็น กะลา เคลื่อน ไหว ช้าๆ ใช้ไฟฉาย ส่อง มองดูผ่าน รูกะลา ก็เห็นว่า มี “ตัวประหลาด” ตัวหนึีง เคลื่อน ไหว อยู่ ภาย ในกะ ลา นั่ง ยองๆ ทำตาปริบๆ อยู่ คล้าย กับว่า กำลัง วิงวอน ขอร้อง ให้ ผมช่วย ปลด ปล่อย ให้ หลุด จาก “กะลาที่ครอบไว้” สังเกตุ ดู ให้ดีแล้ว ก็มีความ รู้ สึก ว่า เจ้า ตัว “ประหลาด” นี้ ไม่ใช่ อะไร ที่น่า กลัว, เป็น “เจ้าคางคก” ที่เจริญ เติบ โตมา ในกะลาลูกนี้ ตั้ง แต่ วัยเยาว์


ด้วย ความสงสาร ผม จึง ยกฝากะลาขึ้นเล็กน้อย พอ เจ้าคางคก น้อย เหลือบ เห็น สิ่ง แวด ลอ้ม ที่ แจ่มใส และ กว้างขวาง ก็ ตกอก ตก ใจ ไม่เชื่อ ในสิ่งที่ได้ เห็น ว่า ยัง มี สถาน ที่ ภายนอก, นอกจาก ฝากะลาครอบ ที่ ตน เอง เจริญ เติบ โต ขึ้น มา เจ้าคางคกที่น่าสงสาร ตัวนั้น ก็ ตะโกนลั่น ว่า ไม่จริงๆ มันเป็น ภาพ หลอน แน่ๆ ไม่เหมือนกับทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ที่ เจ้าคางคกตัวน้อย นี้ เรียนมา ตาม แบบ ฉบับ ที่ ถูกโปรแกรม ไว้ ในกะลานั้น,


ตามที่บอกให้ ฟังตั้ง แต่ เริ่ม แรก แล้วว่า “เจ้าคางคกตัวนี้ มันเป็น “ตัวประหลาด” ที่สามารถ พูดและ เข้า ใจ ภาษามนุษย์ ได้ บ้างเป็น บางครั้ง ปกติแล้ว คางคก จะอยู่ เป็นฝูง แต่คางคกตัวนี้ รู้สึกจะมีปมด้อย กว่า คาง คกตัว อื่น เนื่องจาก อาศัย อยู่ ในกะลามาตั้ง แต่ เล็ก จน โต จึง ยึดตนเอง เป็น ที่ตั้ง คิดว่า มีความรู้ ปราดเปรื่อง ในทุกๆเรื่อง ในสังคม “กะลาครอบ” จึงมองทุก สิ่ง ทุกอย่าง ในสัง คม ภายนอกเป็น ไปในทาง Negative ถ้าสิ่งใดไม่ตรงกับความรู้ ในกะลา ครอบ ที่เรียนมา แล้ว จะ เหมาว่า.. ของใหม่ๆ ที่ ตน ไม่ มีความรู้ ผิดไป หมด และ อีกประการหนึ่ง เนื่องจากเจ้าคางคก ตัวนี้ เติบ โตมาในกระลา จึง คิด ว่า ผู้อื่น เกิดในฝากะลาเช่นกัน


เนื่องจาก ผมเคยจับเจ้า คางคก ชนิดนี้ คือ ชนิด ที่อยู่ ในกะลาครอบ เพื่อ ศึกษา ระบบ สรีรวิทยา และ จิตวิทยา ของ มัน มา ก่อน แล้ว ก็ พอ จะเข้า ใจ ได้ ว่า เจ้า คาง คก ตัว นี้ นอก จาก จะ มีปมด้อย และ มอง โลก ใน ทาง Negative แล้ว ยังชอบ คุย อวด ความรู้ ที่ มีอยู่ ใน ทางดิ่ง (Vertical) ด้าน เดียว แต่ขาด ความรู้ ใน ทาง แนวราบ (Horizontal)


เจ้าคางคกชนิดนี้ ไม่กล้า ยืนหยัด ด้วยตัวเอง ในสังคมอื่น เพราะ มีความละอาย ที่จะ นำความรู้ ของ ตนเอง ออก มา อธิบาย ให้ สัง คม ภายนอก ทราบได้, เพราะ กลัวว่า จะอับ อาย และ เป็น ที่ หัว เราะ เยาะ ของ สังคม นอกกะลา แต่ ถ้า เข้าในกะลาแล้ว มันก็จะ มีความรู้สึก ว่า เป็น ผู้ นำกลุ่ม เสมอ


พอผมนึกทบทวน ในแง่ต่างๆ เหล่านี้ แล้ว ผม จึง กด ฝากะลาขัง เจ้า คางคก “ตัวประหลาด” ให้อยู่ในกะลาครอบ และ ปล่อยให้มันโง่และหลงอยุ่ ในโลก แห่ง ความ หวาด ระแวง ต่อไป


มันเป็นการ เสียเวลา ที่จะ หาเหตุ ผล มา อธิบาย ให้ เจ้าคางคก ตัว นี้ เข้า ใจ ได้ ว่า ในโลกเรา นี้ ยัง มี สิ่ง ที่ต้อง เรียน รู้ อยู่ มากมาย ทั้งภาย ใน และ ภาย นอก กะลา มะ พร้าว การเ้รียนรู้ วิชาการ ต่างๆ เป็น การ เสริม สร้าง อุปนิสัย ถึง แม้ ว่า ความ รู้ ที่เรา เรียน จะ ขัด ต่อ ความ รู้ สึก แล ะความ เชื่อ ความ ศรัท ธา ของ เรา ก็ตาม


สำหรับท่านสมาชิกในเวบมรดกอิสลามทุกๆท่าน ผมให้ความรัก ความ นับถือ ในความเป็น พี่น้อง มุสลิมด้วยกัน และขอบคุณที่ ยอมให้ ผม (ซึ่ง มี ความ คิดที่ มอง หลักการ ปฏิบัติ ทาง ศาสนา ต่างไป จาก สมาชิกทั้งหลาย ) ได้เข้ามาแสดง ความคิดเห็น ถึงแม้ ว่า บาง ท่าน จะ ไม่ ยอมรับ ว่า ผม เป็น มุสลิมก็ตาม ผมจะนำเรื่อง ที่ผมติดค้าง ไปตอบ ใน เวบ ผม คือ “ThaimuslimUSA.com”


wassalam


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
addullslam
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
ตอบ: 672


ตอบตอบ: Sun Mar 06, 2005 9:17 am    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
พวกเราหลายคนในเว็บนี้ก็เป็นสมาชิกมุสลิมไทย
รวมถึงผมเองด้วย ผิดกันก็แต่ในเว็บอนุรักษ์แห่งนี้
ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีลอยนวล อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
และขอนำหะดีษนี้มาฝากถึงแม้นว่าบางคนจะถือว่า
เป็นนิทานเรื่องเล่า แต่มันเป็นเหมือนร่างกายของเรา
ส่วนหัวใจคืออัลกุรอาน
ท่านนี Solallah กล่าวว่า
" การกล่าวร้ายที่ไม่มีผู้รับมันกลับไปสู่เจ้าของ "
หมายถึง การที่เรากล่าวร้ายต่อผู้อื่นโดยที่เขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น
การกล่าวร้ายนั้นมันจะกลับมาสู่เจ้าของ หมายถึงผู้ที่พูด
เหมือนกับหะดีษที่ว่า
" ผู้ใดตัดสินผู้อื่นว่าเป็นกาเฟร ถ้าเขาไม่ได้เป็นผู้พูดจะเป็นเอง"
นี่เองกระมังที่บางท่านจึงไม่รับหะดีษ แถมยังกล่าวว่าเป็นนิทานเรื่องเล่า
อย่าลืมว่า ท่านนบี Solallah กล่าวว่า ดุลยาเปลียบเหมือนคุกของมุอฺมิน
แต่เป็นสวรรค์ของกาเฟร " ผมยอมอยู่ในคุกดีกว่าที่จะเป็นกาเฟร
คุณแมทท สิ่งที่คุณนำมานั้นไม่มีคนที่ได้ชื่อว่า มุสลิมคนไหนยอมรับ
คุณอยู่ที่มุสลิมไทยดีแล้ว ผมจะได้ดูว่าผู้ดูแลเว็บจะมีท่าอะไร
สุดท้าย อัลกุรอานคือหัวใจ อัลหะดีษคือร่างกาย
ศรัทธาและปฎิบัติ wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Sun Mar 06, 2005 4:45 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

فصبر جميل

Very Happy

รอ.....ครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Fri Mar 11, 2005 10:15 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ตอบข้อความของคุณ: Addullslam


salam


เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 48 ผมเขียนจดหมายส่วนตัว ถึงคุณ addullslam และ ท่าน Administratorใน เวบนี้ ด้วย ความนับถือ ในวิชา ความรู้ ของคุณ เพื่อ ขอความช่วย เหลือ จากคุณ และ ผู้เชี่ยว ชาญ ช่วยอธิบายให้ผมทราบ เพื่อ ที่ ผมจะไม่หลง ออกนอก ทางไปไกลกว่าที่คุณทั้งหลายที่ได้ ตักเตือน ผม แต่ผมก็ไม่ได้ รับคำตอบ จากคุณ และนักวิชาการ ในเวบนี้


ตามที่คุณ addullslam กล่าวว่า:

“พวกเราหลายคนในเว็บนี้ก็เป็นสมาชิกมุสลิมไทย รวมถึงผมเองด้วย ผิดกันก็แต่ ใน เว็บอนุรักษ์แห่งนี้ ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีลอยนวล อัลฮัมดุลิลลาฮฺ”


คุณaddullslam กล่าวมาเช่นนั้น,ได้อย่างไร? ในเมื่อ “เว็บอนุรักษ์แห่งนี้” ปล่อย ให้มุสลิม ผู้ที่มีใจ และความคิดเยี่ยง “อาชญากร” ประกาศเชิญชวน ให้ สมาชิกในเวบนี้ หรือ ผู้ใดก็ ตาม “ประหารชิวิต” (ฆ่า) ผู้ที่มี ความ คิด เห็นไม่ตรงกัน ในด้าน วิชาการ, (ซึ่งผมได้แจ้ง ความ ต่อ กองบัญชา การ ตำรวจ สอบสวน กลางไว้แล้ว), นี้คือข้อความที่ติดประกาศอยู่ ในเวบ “เว็บอนุรักษ์แห่งนี้” มีความ ว่า:


“ผมจึงอยากเรียก ร้องให้มุสลิมที่มีความสามารถ ช่วยประหารชีวิตเขาด้วย(หากไม่เป็น การเดือดร้อนหรือไม่กลัวการเดือดร้อน) และผู้ที่มีความสามารถในการ hack การโจรกรรม ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต หรือปล่อยไวรัส ท่านก็ช่วยทำลายเว็บไซท์ และสารที่ เขาเผย แพร่ ด้วย”


ตามข้อเขียนประกาศเช่นนี้ เป็นลักษณะ ของ ผู้ที่มี ใจเป็นอาชญากร, คนขลาด และ เขลา ที่ พยายาม จะแสดง ให้ สังคมเห็นว่า มุสลิม เป็นกลุ่มของ บุคคลที่ขาดเหตุผล และ ป่าเถี่อน, ทั้งนี้ เพราะ ว่า บุคคลผู้นี้ ไม่เข้าใจว่า “มุสลิม” หมายความว่า “อย่างไร? ซึ่ง จะเห็นได้ จากข้อเขียน ของเขา ในเรื่อง “อะหฺลุลกิตาบ” ต่อไปนี้

“ส่วนยิวหรือคริสต์ที่หันมา…ศรัทธาต่อนบีมุฮัมมัด เราเรียกว่า "มุสลิม "


การกล่าวเช่นนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่เข้าใน ความหมายของ คำว่า “อิสลาม”

ผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน นบี มุฮัมมัด เท่านั้น, ไม่ เรียกว่า เป็น “มุสลิม” ทั้งนี้ เพราะว่า

“มุสลิมคือผู้ที่ ยอมสวามิภักดิ์และยอมจำนนต่อ พระองค์อัลลฮ์อย่างสิ้นเชิง” เท่านั้น ถ้าเข้าใจคำว่า “อิสลาม” แล้ว จึงจะเข้าใจ คำว่า “มุสลิม” หมายความว่า อย่างไร?

ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ อายะ69 และ ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ: กล่าวไว้ มี ความ หมายว่า…

อย่างแน่แท้, บรรดาผู้ศรัทธา, บรรดาผู้ซึ่งเป็น “ยิว”, บรรดาชาวคริสเตียน, และบรรดาผู้ที่กลับใจ, หรือ บรรดา ผู้ซึ่ง:

1. มีความเชื่อมั่นศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว (อัลลอฮ์)
2. มีความเชื่อในว้นวันปรโลก และ,
3. ใช้ชีวิตอย่างถูกทำนองครองธรรม(ตามแนวทางของอัลลอฮ์)

เขาเหล่านั้นจะได้รับรางวัล (และความโปรดปราน) จากพระเจ้า(อัลลอฮ์) บรรดาเขาเหล่า นั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องหวาดกลัว หรือจะไม่ต้องมีความ เศร้าโศรก เสียใจ (2:62, 5:69)

จากความหมายของอัลกุรอานทั้งสอง อายาตนี้ กล่าวให้เราทราบอย่างชัดเจน ทีเดียวว่า “มุสลิม” คือ ผู้ใดก็ได้ ที่มีความเชื่อมั่นต่อพระองค์อัลลอฮฺ,ไม่สร้างภาคีต่อพระองค์ และเป็น ผู้ที่เชื่อในวันปรโลก ประกอบแต่กรรมดี อยู่ในศิลธรรมและจรรยาธรรม ในแนวทาง ของ พระอง์ อัลลอฮ์ ซี่งได้บัญญัติ วางแนวทางไว้ ในอัลกุรอาน


ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้ซึ่งรับโองการ ”อัลกุรอาน” และท่านได้ นำมาประกาศ และสั่งสอน ให้เราปฏิบัติตาม บัญญัติ ในอัลกุรอาน และท่านได้แสดงตัวอย่าง ให้ เรา ได้ เห็น ว่า ตลอดเวลา ที่ท่าน มี ชึวิตอยู่ ท่านไม่ได้ ใช้ตำราอื่นใด ในการ ดำเนินชีวิต ของ ท่าน นอก เหนือไปจาก อัลกุรอานเท่านั้น, และเมื่อก่อนที่ท่านจะสิ้นชึวิต ท่านนบีมูฮัมมัด ได้กล่าว ไว้ ว่า


“เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” แต่เพียงอย่างเดียว เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือ ของ พวก ท่าน”

(มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56)

เนื่องจาก ฮะดีษนี้ เป็น ซอเฮี๊ยะหะดีษ หวังว่าคุณๆ ทั้งหลาย คงจะเชื่อ คำกล่าวของท่านนบี ตามที่ท่านเรียนรู้มา


ด้วยความ เข้าใจผิดของ มุสลิมส่วนมาก ในเรื่องที่ว่า, “ ผู้ศรัทธาต่อนบีมุฮัมมัด เรียกว่า "มุสลิม", จึงทำให้ มุสลิมส่วนมาก หันไป ยึด “อะฮะดีษ” ของบุคอรีย์ ที่รวบรวมเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยว กับ ท่าน นบีมุฮัมมัด, และใช้เป็นหลักการ ของศาสนาอิสลาม แทน “อัลกุรอาน”, การเื่ิชื่อ ในเรื่อง เหล่านี้ มี ความ สำคัญต่อ ความศรัทธาของ มุสลิม เป็น อย่าง ยิ่ง, ทั้งนี้ เพราะ ว่า “Authenticity” (الأصالة) ของ ฮะดีษเหล่านั้น ไม่อาจจะยืน ยัน ได้ว่า เรื่องเล่าต่างๆ เหล่านั้น เป็น คำพูดของท่าน นบีมูฮัม มัดที่ แท้จริง, ถึงแม้ว่าคำพูดของ ท่าน จะเป็น “วะฮีย์” ทุกๆอย่างไปก็ตาม


The originality และ The authenticity ของ “อะฮะดีษ” ต่างหาก คือสิ่ง ที่ ผมไม่เชื่อถือ, ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ ถือคำพูดและการกระทำของท่าน นบี มูฮัมมัด ที่แท้จริง, เหตุผลข้อนี้ต่างหาก ที่ สมาชิก ในเวบนี้ ไม่เข้าใจ หรือ ทำ เป็น ไม่ เข้า ใจ, และการที่เรา ไม่ เชื่อ ในเรื่อง บอกเล่าเหล่านั้นก็ไม่มี ใน หลักการ ของ อิสลาม ว่า จะตกจากการเป็น มุสลิม แต่ถ้ามุสลิมไม่เชื่อ สิ่งที่ท่านนบี รับโอง การ มาจาก พระองค์อัลลอฮ์ (อัลกุรอาน) นั้นจึงจะ ถือ ว่า เขาไม่ใช่ มุสลิม


และอีกประการหนึ่งตามที่คุณ addullslam กล่าวว่า:

“อย่าลืมว่า ท่านนบี กล่าวว่า ดุลยาเปลียบเหมือนคุกของมุอฺมิน แต่เป็น สวรรค์ ของ กาเฟร " ผมยอมอยู่ในคุกดีกว่าที่จะเป็นกาเฟร”

ถ้าคุณ addullslam ว่าการกล่าวเช่นนั้น ถูกต้อง ที่ว่า “ดุลยา เป็น สวรรค์ ของกาเฟร " คุณ จะเห็น ว่า ในดุลยา เต็มไปด้วย อบายมุขต่างๆ นาๆ ทั้ง “สุราและนารี” และในขณะเดียวกัน ในสวรรค์ ของ มุสลิมเรา ก็มี “สุราและนารี” รอรับอยู่แล้ว สำหรับชายผู้ที่กระทำความดีในโลกนี้”, เมื่อคุณขึ้นไป บนสวรรค์ ก็ไปพบสิ่งเดียวกันกับ ใน ดุลยาที่เราเห็นอยู่นี้ ต่างกันที่ว่า บนสวรรค์ มุสลิมเราสามารถที่จะรื่นรมณ์กับสุราและนารีอย่างอิสระและไม่ผิดศีลธรรม, เมื่อเป็นดังนี้ แล้ว จะ มีอะไรที่ แตก ต่างกัน กับ สวรรค์ ของ”กาเฟร” ในดุลยานี้


ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเขียนจดหมายสองฉบับข้างล่างนี้ ถึงคุณและคุณ Administrator เป็น ส่วน ตัว เพื่อ ให้คุณอธิบาย ให้ผมเข้าใจเป็นส่วนตัว เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิด ความเข้า ใจ ผิด ใน บรรดา สมาชิก แต่คุณทั้งสองก็เฉยเมยไม่สนใจในคำถามของผม ผมจึงจำเป็น อย่าง ยิ่ง ที่ จะต้อง นำมาถาม ในที่นี้ เพราะ ไม่เช่นนั้น สมาชิกทั้งหลาย จะไม่เข้า ใจ ว่า ผม พยา ยาม อย่างยิ่ง ที่จะเข้า ใจอิสลามตามทางที่ คุณทั้งหลายเข้าใจกัน ผมหวังว่าคงได้รับ คำ อธิบาย ในที่นี้ ด้วย


ตามที่คุณ addullslam กล่าวว่า:, “อัลกุรอานคือหัวใจ อัลหะดีษคือร่างกาย”

สำหรับผม แล้ว:, อิสลาม คือหน้าที่ๆมนุษย์พึงมีต่อพระเจ้า, อีมานเกิดจาก ความ รู้ และความเฉลียวฉลาด ที่มนุษย์ เรียนรู้ จาก อัลกุรอาน และ อิฮ์ซาน คือ การกระทำ หรือ หน้าที่ๆมุสลิมพึงมี ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


นี้คือจดหมายทั้งสองฉบับที่ผมส่งถึงคุณและ Administrator:


ฉบับแรก: เขียนถึง The Administrator


อัสลามุอะลัยกุม

ผมว่าคุณเคยชินกับข้อเขียน ของ ผม แล้ว ผมหวังว่า คุณ จะ สละเวลา ตอบ คำถาม ของ ผม ซึ่ง เกิด จาก ความ ไม่ เข้า ใจ ความหมาย ของ อัลกุรอาน และ ฮะดิษ ในปัญหา ข้าง ล่างนี้, และ ผม จน ปัญญา จริงๆ เป็น ความ รู้ สึก ที่ เกิด ขึ้น หลังจาก ได้ ศึกษา อัลกุรอาน มา เป็น เวลา หลาย ปีแล้ว เรื่อง นี้ เป็น เรื่อง สำ คัญเกี่ยว กับ อีมาน อย่าง แท้ จริง, ถ้า การ อธิบาย ไม่ แจ่ม ใส และ มี เหตุผล เพียง พอ จะทำ ให้ เป็น แผล อยู่ ใน หัว ใจของความ ศรัทธา ตลอด ไป

คุณจะเห็นว่า ผม ได้ ลบข้อเขียน ต่างๆ ใน เวบ thaimuslimUSA.com หมดแล้ว เพื่อ แสดง ให้เห็นว่า,…. ผมต้องการ ให้ เกิด ความสามัคคี ใน บรรดามุสลิมไทยด้วยกัน และอยาก ให้ คุณ ให้ ความร่วมมือ ในการ แนะแนวทาง ที่ถูกต้อง ให้ กับ เยาวชน ในรุ่นต่อๆไป

คำถามข้างล่างนี้ เป็น คำถาม ที่ มี ยุวมุสลิม ถามมา….

1. ชีวิตในสรวงสวรรค์ ของมุสลิมนั้น บุคคลในสรวงสวรรค์ ยังคงทำละหมาด 5 เวลา อยู่ หรือไม่?
2. กฎข้อบังคับต่างๆ ในอัลกุรอาน และ ซุนนะห์ ยังคงต้อง ถือ ปฏิบัติ หรือไม่? สำหรับ บรร ดา ชาว สวรรค์ ?
3. ในอัลกุรอาน และ ใน อะหะดิษได้ กล่าวไว้ อย่างมากมาย ว่า เมื่อ อยู่บนสวรรค์นั้น, ชาย ชาวสวรรค์ จะได้ รับ รางวัล ต่างๆ เช่น สาวพรมจรรย์ และอะไรต่ออะไรอีก มากมาย, และ สำหรับหญิง ชาว สวรรค์ นั้นพวกเขา จะได้ รับรางวัลอะไรบ้าง? มีคำอ้างอิง อยู่ใน ที่ ใดบ้าง?
4. การสาบานคืออะไร? มุสลิมสาบานได้ หรือไม่? และถ้าสาบานได้, มุสลิมจะสาบาน ต่อผู้ใด หรือ สิ่งใด?

ผมเขียน มา ด้วย ใจ จริง เพราะ เชื่อ ว่า คุณ คงมี คำอธิบาย ให้ ผม ได้ ตามหลักการ ของ อิสลาม ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าด้วย

วัสลาม

แมทท์



ฉบับที่สอง: ผมเขียนถึงคุณ addullslam


อัสลามุอะลัยกุม คุณaddullslam

ผมต้องการถามเป็นส่วนตัว ใน ด้าน วิชาการ เพราะ ไม่เป็น การ สมควร ที่จะ กล่าวใน สาธารณะ

1. การสาบานคืออะไร? เมื่อมุสลิมสาบาน นั้น จะสาบาน ต่อ ผู้ ใด?

2. ในดุนยา การดื่มเหล้า เป็น บาป ทำไมในสวรรค์ จึงมี "แม่น้ำเหล้ารสดี" ไว้เป็นราง วัล พร้อม กับหญิง พรมจรรย์ สำหรับชาย

3. มุสลิมมะที่ทำความดี จะได้ รับรางวัล อะไร ใน สวรรค์? จะได้รับเท่าเทียม กับชาย หรือ ไม่?



ขอขอบคุณสำหรับคำอธิบายไว้ล่วงหน้าด้วย


แมทท์



ผมหวังว่าคงจะมีนักวิชาการช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจด้วย หลักวิชา



แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nes
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Mar 12, 2004
ตอบ: 80
ที่อยู่: bkk

ตอบตอบ: Fri Mar 11, 2005 10:54 pm    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

“ประกาศเถิดมูฮัมหมัด หากพวกเจ้าทั้งหลายรักอัลลอฮฺ ก็จงปฏิบัติตามฉัน แล้วอัลลอฮฺก็จะรักพวกท่าน”

เรียนท่านวิทยากรและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

กรุณาอย่าเสียเวลาค้นอัลกุรอานและฮาดีสให้นาย matt เลย เพราะเขาไม่ได้ตามนาบี และเขาก็ไม่ใช่มุสลิมตามอายะห์ข้างต้น และเขาก็ไม่ใช่กาเฟรที่เพียงไม่รับอิสลามอย่างเดียว แต่เขาคือผู้ทำลายอิสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
addullslam
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
ตอบ: 672


ตอบตอบ: Sat Mar 12, 2005 10:33 am    ชื่อกระทู้: Re: “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ถามาก็ตอบไปที่คุณแมททได้ถามมา ว่า
อัสลามุอะลัยกุม คุณaddullslam
ผมต้องการถามเป็นส่วนตัว ใน ด้าน วิชาการ เพราะ ไม่เป็น การ สมควร ที่จะ กล่าวใน สาธารณะ
1. การสาบานคืออะไร? เมื่อมุสลิมสาบาน นั้น จะสาบาน ต่อ ผู้ ใด?
2. ในดุนยา การดื่มเหล้า เป็น บาป ทำไมในสวรรค์ จึงมี "แม่น้ำเหล้ารสดี" ไว้เป็นราง วัล พร้อม กับหญิง พรมจรรย์ สำหรับชาย
3. มุสลิมมะที่ทำความดี จะได้ รับรางวัล อะไร ใน สวรรค์? จะได้รับเท่าเทียม กับชาย หรือ ไม่? ขอขอบคุณสำหรับคำอธิบายไว้ล่วงหน้าด้วย
แมทท์
ตอบ 1 . ผมขอสาบาลต่ออัลลอฮฺว่า ไม่ได้รับจดหมายของคุณแมททเลยทั้งในเว็บ
และทางอีเมล การสาบาลคือการยืนยันในเรื่องที่เราได้พูดหรือกระทำไปแล้วว่าเป็นเรื่องจริง
โดยนำเอาสิ่งที่เราเคารพสูงสุดมาเป็นพยานในการสาบาล
2 . ถ้าคุณไม่รับรู้เรื่องหะดีษคำถามต่างๆก็จะตามมาอีกมากมาย ก็ตอบตามหะดีษถึงคุณ
จะรับหรือไม่รับผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร
เรื่องสุราในสวรรค์นั้นตามหะดีษได้รายงานว่า ดื่มแล้วจะไม่มีอาการมึนเมา
ท่านนบี Solallah กล่าวว่า ใครที่ไม่ดื่มสุราในดุลยานี้เขาจะได้ดื่มในสวรรค์"
ส่วนเรื่องภริยานั้นในสวรรค์เราจะเลือกสาวพรมจรรย์หรือภรยาคนเดิมก็ได้
3 . มุสลิมที่ทำความดีจะได้รับรางวัลตามที่ผลงานของเขาได้สร้างไว้ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกับ
เช่น ท่านนบี Solallah กล่าวว่า ใครสร้างมัสยิดอัลลอฮฺจะสร้างให้เยี่ยงนั้นในสวรรค์"
มุสลิมทุกคนคงไม่สร้างมัสยิดทั้งหมด
ส่วนมุสลิมีนหรือมุสลีมะฮฺ จะได้เท่าเทียมกันหรือไม่นั้น อัลลอฮูอะฮฺลัม
ท่านนบี Solallah กล่าวว่า เพียงแต่นางละหมาดและเชื่อฟังสามีก็ได้เข้าสวรรค์แล้ว"
เอ ผมชักจะมีความสงสารคุณแล้วในเรื่องความเข้าใจในศาสนาอิสลาม
อีกเรื่องหนึงที่ผมว่า เว็บนี้ไม่ปล่อยให้คนไม่ดีลอยนวล หรือคุณคิดว่าคนไม่ดีควร
ลอยนวลต่อไป ผมเคยพูดไว้หลายแห่งแล้วว่า เว็บมุสลิมเปรียบเหมือนบ้านของมุสลิม
จุดประสงค์ในการจักทำเว็บคือข้อกำหนดในการใช้เว็บ เช่นเว็บนี้จัดทำขึนเพื่อ
เผยแผ่ศาสนาอิสลามและแรกเปลี่ยนความรู้ในหมู่มุสลิม แรกเปลี่ยนความรู้
คุณคิดว่ามันหมายความว่าอะไร
การที่คุณได้เขียนมาในแต่ละเรื่องนั้นดีสำหรับผม ซึ่งจะได้รู้ว่ายังมีคนอีกผู้หนึง
ที่เข้าใจในเรื่องของอิสลามในแง่นั้น ที่เขาพูดว่าสาวใส้ให้กากิน
หมายถึงพูดเพื่อประจาณตัวเอง น่าสงสารๆ
Solallah
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ลัทธิ-นิกาย ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 12, 13, 14 ... 21, 22, 23  ถัดไป
หน้า 13 จากทั้งหมด 23

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.10 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ