ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Apr 21, 2012 12:14 pm ชื่อกระทู้: เปิดหน้ากากรอฟิเฎาะจากการเสวนาใน facebook |
|
|
1. เมื่อชีอะฮรอฟิเฎาะ กล่าวหาว่า อิหม่ามบุคอรีและมุสลิม กุหะดิษ และกล่าวหานบีมุหัมหมัดว่า "ป่าเถือน"
เมื่อชีอะฮรอฟิเฎาะ กล่าวหาว่า อิหม่ามบุคอรีและมุสลิม กุหะดิษ และกล่าวหานบีมุหัมหมัดว่า "ป่าเถือน"
ข้างล่างเป็นข้อความชีอะฮชื่อ Yuse Ty อ้าง
พฤติกรรมนบีแบบฉบับ......นักรายงานฮาดิษผู้ยิ่งใหญ่
وقال زهير : حدثنا سماك بن حرب ، عن معاوية بن قرة ، عن أنس : أن نفرا من عرينة أتوا رسول الله صلى الله عليه وسلم فبايعوه ، وقد وقع في المدينة الموم - وهو البرسام - فقالوا : هذا الوجع قد وقع يا رسول الله ، فلو أذنت لنا فرحنا إلى الإبل . قال : نعم ، فاخرجوا وكونوا فيها . فخرجوا ، فقتلوا أحد الراعيين وذهبوا بالإبل ، وجاء الآخر وقد جرح ، قال : قد قتلوا صاحبي وذهبوا بالإبل . وعنده شباب من الأنصار قريب من عشرين ، فأرسلهم إليهم وبعث معهم قائفا يقتص أثرهم . فأتي بهم فقطع أيديهم وأرجلهم وسمر أعينهم . أخرجه مسلم
ท่านซุฮัยร์กล่าวว่า ท่านสิมาก บิน ฮะร็อบ รับรายงานมาจากมุอาวียะฮ์ บิน กุรเราะฮ์ จากท่านอะนัส กล่าวว่า แท้จริง คนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากอะรีนะฮ์ เพื่อมาหาท่านรอซูล ศ แล้วพวกเขาก็ให้สัตยาบันต่อท่าน ขณะนั้น ในเมืองมะดีนะฮ์มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคชนิดหนึ่งเรียกว่า บัรซาม แล้วพวกเขากล่าวว่า โรคภัยนี้เกิดขึ้นแล้ว โอ้ท่านรอซูล ศ ดังนั้น ถ้าหากท่านอนุญาตให้แก่เรา พวกเราจะเดินทางไปกับอูฐ ท่านกล่าวตอบ ตกลง แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางและอยู่ในการเดินทาง เมื่อพวกเขาออกไปแล้ว พวกเขาก็ได้ฆ่าคนเลี้ยงอูฐคนหนึ่ง แล้วนำอูฐเดินทางหนีไป คนเลี้ยงอูฐอีกคนกลับมาด้วยอาการบาดเจ็บ รายงานว่า เพื่อนของฉันถูกฆ่าเสียแล้ว และพวกเขาได้นำอูฐหนีไปแล้ว ขณะนั้น มีคนหนุ่มชาวอันศอรอยู่กับท่าน(นบี)เกือบ ๒๐ คน ดังนั้นท่านจึงส่งคนเหล่านั้นไปตามหาพวกเขาและได้ส่งคนสะกดรอยพวกเขาไปด้วย แล้วคนเหล่านั้น ก็สามารถนำตัวพวกเขามาได้ ดังนั้นท่าน(นบี)จึงตัดมือและเท้าของพวกเขา และควักลูกตาของพวกเขา รายงานโดย มุสลิม
ไม่ใช่เฉพาะแต่อิมามมุสลิมเท่านั้น ที่บันทึกเรื่องนี้ อิมามบุคอรีเองก็บันทึกไว้ด้วยเช่นกัน เรารู้สึกฉงน สนเท่ห์ยิ่งนัก เป็นไปได้อย่างไร มหาบุรุษผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาอย่างนบีมุฮัมมัด ศ จะทรมาณคนผิด ด้วยกรรมวิธีที่ผิดเพี้ยนและแสนจะพิสดารเยี่ยงนั้น ? ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหลักศาสนา และไม่เข้ากับสติปัญญาของวิญญูชน เพราะท่านมีสิทธิสั่งประหารชีวิตคนผิดเหล่านั้นเสียในทันทีก็ได้อยู่แล้ว
ทั้งท่านบุคอรี ท่านมุสลิม สองจอมปราชญ์ของอิสลาม บันทึกเรื่องนี้มาได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นผู้ศรัทธาต่อท่านนบี ศ เมื่อได้รับฟังคำบอกเล่าเช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีความรู้สึกต่อต้าน จะคัดค้านและไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด เพราะว่า ในบุคลิกภาพท่านนบี ศ ของเราไม่ใช่คนใจคออมหิตเช่นนั้น ขนาดฆาตรกรที่สังหารท่านฮัมซะฮ์ลุงของท่านอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน ท่านก็ยังมิได้แก้แค้นด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นเลย
ขอชี้แจง ข้ออ้างข้างต้นว่า
ข้างต้น คือ พฤติกรรมเลวของชีอะฮรอฟิเฎาะ ที่กล่าวหา อิหม่ามบุคอรี มุลิม ว่ากุหะดิษ และ กล่าวหา ท่านนบีว่า ป่าเถือน วัลอิยาซุบิลลัฮ
ทำไมคุณไม่เอาที่มาและสาเหตุของมันว่าเป็นอย่างไร มาดูข้อเท็จจริงข้างล่าง
فقتلوا الراعي الذي كان يرعى تلك الإبل -وكان راعياً مسلماً- ومثلوا به، فجدعوا أنفه، وفقئوا عينيه، وبقروا بطنه، وقطعوا أطرافه، ثم هربوا بالإبل، وصاروا بهذا محاربين لله ولرسوله.
พวกเขาได้ฆ่าคนเลี้ยงอูฐ ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงอูฐนั้น และปรากฏว่า คนเลี้ยงอูฐนั้นเป็นมุสลิม และพวกเขาได้ประจานเขาผู้นี้ โดย ตัดจมูก , ขวักลูกตาทั้งสอง และ ผ่าท้อง และตัดส่วนข้างของเขา หลังจากนั้นพวกเขาก็นำอูฐหนี้ไป ด้วยกรณีพวกเขากล่าวเป็นผู้ประการทำสงครามกับอัลลอฮ และรอซูลของพระองค์ - ดู อุมดะตุลอะหกาม ของ อิบนุญิบรีล เล่ม 2 หน้า 67
มาดูโทษของคนประกศทำสงครามกับอัลลอฮและรอซูล
إِنَّمَا جَزَاءُ الَّذِينَ يُحَارِبُونَ اللَّهَ وَرَسُولَهُ وَيَسْعَوْنَ فِي الْأَرْضِ فَسَادًا أَنْ يُقَتَّلُوا أَوْ يُصَلَّبُوا أَوْ تُقَطَّعَ أَيْدِيهِمْ وَأَرْجُلُهُمْ مِنْ خِلَافٍ أَوْ يُنْفَوْا مِنَ الْأَرْضِ ذَلِكَ لَهُمْ خِزْيٌ فِي الدُّنْيَا وَلَهُمْ فِي الْآخِرَةِ عَذَابٌ عَظِيمٌ
แท้จริงการตอบแทนแก่บรรดาผู้ที่ทำสงครามต่ออัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ และพยายามบ่อนทำลายในแผ่นดิน นั้นก็คือการที่พวกเขาจะถูกฆ่า หรือถูกตรึงบนไม่กางเขน หรือมือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะถูกตัดสลับข้างหรือถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน นั้นก็คือพวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวงในปรโลก
- อัลมาอีดะฮ/33
สาเหตุข้างต้น สืบเนื่องจาก มีชาวอุร็อยนะฮ์ จำนวน 8 คน ได้มาหาร่อซูลุลลอฮ์เพื่อรับนับถืออิสลามแล้วเกิดไม่สบายขึ้นเนื่องจากผิดอากาศ ร่อซูลุลลอฮ์จึงให้พวกเขาไหดื่มปัสสาวะอูฐและน้ำนมอูฐซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนซะกาต เพื่อเป็นการรักษาอาการป่วยของพวกเขา ครั้นเมื่อพวกเขาหายป่วยแล้วก็ทำการฆ่าคนเลี้ยงอูฐด้วยการตัดมือ ตัดเท้า และแทงตา จนกระทั่งตาย เมื่อท่านนะบีทราบจึงได้สั่งให้ทำการติดตาม เพื่อลงโทษพวกเขาเช่นเดียวกับที่พวกเขาได้กระทำกับคนเลี้ยงอูฐ แล้วชาวอุร็อยนะฮ์ดังกล่าวก็ถูกตามล่าและถูกลงโทษตามคำสั่งของท่านนะบี
ในเศาะเฮียะมุสลิม บทว่าด้วย หุกุม ของบรรดาผู้ทำสงครามและพวกขบถต่อศาสนา ระบุว่า
عَنْ أَنَسٍ قَالَ
إِنَّمَا سَمَلَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَعْيُنَ أُولَئِكَ لِأَنَّهُمْ سَمَلُوا أَعْيُنَ الرِّعَاءِ
รายงานจากอะนัส กล่าวว่า ความจริงท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัสลัม ได้ควักลูกตาพวกเขาเหล่านั้น เพราะพวกเขาควักลูกของคนเลี้ยงอูฐคนนั้น
.. _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Apr 21, 2012 3:01 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม
عَنْ أَنَسٍ ، أَنَّ نَاسًا كَانَ بِهِمْ سَقَمٌ ، قَالُوا : يَا رَسُولَ اللَّهِ ، آوِنَا أَطْعِمْنَا ، فَلَمَّا صَحُّوا ، قَالُوا : إِنَّ الْمَدِينَةَ وَخِمَةٌ ، فَأُنْزَلَهُمُ الْحَرَّةَ فِي ذَوْدٍ لَهُ ، قَالَ : اشْرَبُوا مِنْ أَلْبَانِهَا ، فَلَمَّا صَحُّوا قَتَلُوا رَاعِيَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَاسْتَاقُوا ذَوْدِهِ ، فَبَعَثَ فِي آثَارِهِمْ فَقَطَّعَ أَيْدِيَهُمْ وَأَرْجُلَهُمْ وَسَمَلَ أَعْيُنَهُمْ ، فَرَأَيْتُ الرَّجُلَ مِنْهُمْ يَكْدِمُ الْأَرْضَ بِلِسَانِهِ حَتَّى يَمُوتَ
รายงานจากอะนัส ว่า แท้จริงบรรดาผู้คนกำลังเจ็บป่วย โดยที่พวกเขากล่าวว่า โอ้รซูลุลลอฮ ได้โปรดให้ที่พักแก่เรา ได้โปรดให้อาหารแก่เราเถิด แล้วเมื่อพวกเขาเริ่มดีขึ้น พวกเขากล่าวว่า เมืองมะดีนะฮ ไม่สะดวก (ขาดแคลนอาหาร) แล้วท่านนบีได้ให้ความกรุณาพวกเขาไปยัง ฝูงอูฐของท่าน ที่ หัรเราะฮ (ฃานเมืองมะดีนะฮ) แล้วกล่าวว่า พวกท่านจงดื่มจากนมของมัน (นมของอูฐที่นั่น) แล้วเมื่อพวกหายดี พวกเขาได้ฆ่า คนเลื้องสัตว์ (คนเลี้ยงอูฐ)ของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และวพวกได้ พาฝูงอูฐของท่านนบีหนีไป แล้วนบีก็ได้ส่งคนติดตามร่องรอยพวกเขา (เมื่อจับได้) นบีได้ตัดมือ ,ตัดเท้า และ ควากลูกตาของพวกเขา (อะนัสกล่าวว่า) ข้าพเจ้าได้เห็นชายคนหนึ่งจากพวกนั้น เลียพื้นดินด้วยลิ้นของเขา (เนื่องจากอากาศร้อนจัดและความเจ็บปวด)จนกระทั้งสิ้นชีวิต บันทึกโดย บุคอรี กิตาบุตฏิบ ดู ฟัตหุลบารี หะดิษ หมายเลข 5361 กิตาบุตฏิบ
.
การกระทำของพวกนั้นที่ ปล้น ฆ่า มุสลิม คนของท่านนบีและชิงอูฐของท่านนบีไป คนขบถต่อศาสนาและประกาศเป็นศัตรูกับรอซูล สมแล้วที่จะได้รับโทษแบบนี้ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Apr 22, 2012 1:03 am ชื่อกระทู้: |
|
|
2. เมื่อชีอะฮตัดตอนหะดิษกล่าวหาอบูบักร์ ว่าไม่ยอมมอบทรัพย์สินมรดกของนบี ให้แก่ฟาฏิมะฮ
فَأَبَى أَبُو بَكْرٍ أَنْ يَدْفَعَ إِلَى فَاطِمَةَ مِنْهَا شَيْئًا فَوَجَدَتْ فَاطِمَةُ عَلَى أَبِى بَكْرٍ فِى ذَلِكَ فَهَجَرَتْهُ ، فَلَمْ تُكَلِّمْهُ حَتَّى تُوُفِّيَتْ ، وَعَاشَتْ بَعْدَ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - سِتَّةَ أَشْهُرٍ ، فَلَمَّا تُوُفِّيَتْ ، دَفَنَهَا زَوْجُهَا عَلِىٌّ لَيْلاً ، وَلَمْ يُؤْذِنْ بِهَا أَبَا بَكْرٍ وَصَلَّى عَلَيْهَا
ท่านอบูบักรได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบให้กับท่านหญิงฟาติมะฮ์ ไม่ว่าสิ่งใดจากมัน(คือมรดกของนบี) ท่านหญิงฟาติมะฮ์จึงโกรธเคืองท่านอบูบักรในสิ่งนั้น นางได้จากเขาไป แล้วนางไม่เคยพูดกับเขาอีกเลยจนนางเสียชีวิต นางเสียชีวิตหลังท่านนบี(ศ.จากไป)หกเดือน เมื่อนางเสียชีวิต ท่านอะลีสามีนางได้ฝังนางในตอนกลางคืน
เศาะหิ๊หฺบุคอรี หะดีษที่ 4240 และ 4241
.............
ชี้แจง
ชีอะฮนำเอาหะดิษของบุคอรีโดยตัดมาท่อนกลาง เพื่อบิดเบือน ที่นี้มาดูสาเหตุดังกล่าวที่ระบุไว้ ที่ระบุในตอนแรกของหะดิษคือ
أَنَّ فَاطِمَةَ عَلَيْهَا السَّلَام بِنْتَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَرْسَلَتْ إِلَى أَبِي بَكْرٍ تَسْأَلُهُ مِيرَاثَهَا مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِمَّا أَفَاءَ اللَّهُ عَلَيْهِ بِالْمَدِينَةِ وَفَدَكٍ وَمَا بَقِيَ مِنْ خُمُسِ خَيْبَرَ فَقَالَ أَبُو بَكْرٍ إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ لَا نُورَثُ مَا تَرَكْنَا صَدَقَةٌ إِنَّمَا يَأْكُلُ آلُ مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي هَذَا الْمَالِ وَإِنِّي وَاللَّهِ لَا أُغَيِّرُ شَيْئًا مِنْ صَدَقَةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنْ حَالِهَا الَّتِي كَانَ عَلَيْهَا فِي عَهْدِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَلَأَعْمَلَنَّ فِيهَا بِمَا عَمِلَ بِهِ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَبَى أَبُو بَكْرٍ أَنْ يَدْفَعَ إِلَى فَاطِمَةَ مِنْهَا شَيْئًا
แท้จริงฟาติมะฮ (อะลัยฮัสสลาม) บุตรสาวของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ส่งคนไปยังอบูบักร์ เพื่อขอเขา(อบูบักร)เกี่ยวกับส่วนแบ่งมรดกของนางจากรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากสิ่งที่อัลลอฮได้ประทานให้แก่เขา (จากทรัพย์สินที่ยึดได้จากข้าศึกโดยไม่มีการรบ)ที่นครมะดีนะฮ และที่เมืองฟะดัก และส่วนแบ่งทรัพย์สินหนึ่งในห้า(ที่ยึดได้จากข้าศึก จากการทำสงครามที่คอ็ยบัร แล้วอบูบักร กล่าวว่า แท้จริงรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า เราจะไม่ให้มีการสืบมรดกสิ่งใดก็ตามที่เราทิ้งเอาไว้เป็นทาน(เศาะดะเกาะฮ) ความจริงวงศ์วานของมุฮัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะได้กินในทรัพย์สินนี้ และฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ตามจากเศาะดะเกาะฮของ ซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากสภาพของมันที่เป็นอยู่ในสมัยของรซูลุลลอฮศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และขอยืนยันว่า ฉันจะปฏิบัติ ในทรัพย์สินนั้น ตามที่ซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ปฏิบัติกับมันเอาไว้ แล้วอบูบักร์ ไม่ยอมมอบสิ่งใดจากมันแก่ท่านหญิงฟาฎิมะฮ ......
...........
นี้คือ สาเหตุที่ท่านอบูบักร์ ไม่มอบทรัพย์สินดังกล่าวแก่ฟาฏิมะฮเพราะ ท่านนบีได้สั่งเอาไว้ ว่าทรัพย์สินนั้น จะทำเป็นมรดกไม่ได้ แต่วงศ์วานของท่านนบีสามารถที่จะกินทรัพย์ส่วนนั้นได้
และในช่วงท้ายของหะดิษ ระบุว่า
فَقَالَ عَلِيٌّ لِأَبِي بَكْرٍ مَوْعِدُكَ الْعَشِيَّةَ لِلْبَيْعَةِ فَلَمَّا صَلَّى أَبُو بَكْرٍ الظُّهْرَ رَقِيَ عَلَى الْمِنْبَرِ فَتَشَهَّدَ وَذَكَرَ شَأْنَ عَلِيٍّ وَتَخَلُّفَهُ عَنْ الْبَيْعَةِ وَعُذْرَهُ بِالَّذِي اعْتَذَرَ إِلَيْهِ ثُمَّ اسْتَغْفَرَ وَتَشَهَّدَ عَلِيٌّ فَعَظَّمَ حَقَّ أَبِي بَكْرٍ وَحَدَّثَ أَنَّهُ لَمْ يَحْمِلْهُ عَلَى الَّذِي صَنَعَ نَفَاسَةً عَلَى أَبِي بَكْرٍ وَلَا إِنْكَارًا لِلَّذِي فَضَّلَهُ اللَّهُ بِهِ وَلَكِنَّا نَرَى لَنَا فِي هَذَا الْأَمْرِ نَصِيبًا فَاسْتَبَدَّ عَلَيْنَا فَوَجَدْنَا فِي أَنْفُسِنَا فَسُرَّ بِذَلِكَ الْمُسْلِمُونَ وَقَالُوا أَصَبْتَ وَكَانَ الْمُسْلِمُونَ إِلَى عَلِيٍّ قَرِيبًا حِينَ رَاجَعَ الْأَمْرَ الْمَعْرُوفَ
แล้วอาลีกล่าวแก่อบูบักรฺ ว่า เวลาแห่งการมุบายะอะฮต่อท่าน รอจนกว่าจะค่ำ แล้ว เมื่ออบูบักร ละหมาดซุฮรี เสร็จ เขาได้ขึ้นบนมิมบัร แล้วเขาได้กล่าวปฏิญาน แล้วได้ระบุเกี่ยวกับเรื่องราวของอาลีและการที่เขาทำการมุบายะอะฮ(ให้สัตยาบันรับรอง)ภายหลัง และ เหตุผลของเขา ที่เขาได้อ้างต่อ เขา(อบูบักร )ต่อมา อาลีได้ กล่าวอิสติฆฟัร และได้กล่าวปฏิญาน แล้วได้ เทิดทูลเกียรติของอบีบักร์ แล้ว ได้เล่าวว่า ที่เขาทำไป ไม่ได้อิจฉาอบูบักร์ และไม่ได้คัดค้าน สิ่งที่อัลลอทรงประทานความโปรดปรานกับเขา(อบูบักร) แต่เราเห็นว่า ในเรื่องนี้(การสืบมรดก) เราสมควรที่จะได้ส่วนแบ่ง แล้วเขาได้กระทำต่อเราตามอำเภอใจ แล้วเรารู้สึกโกรธเขา ,บรรดามุสลิมทั้งหลายก็รู้สึกดีใจ แล้วกล่าวว่า ท่านทำถูกต้องแล้ว และบรรดามุสลิม ได้เข้าใกล้อาลี เมื่อเขาได้กลับมาสู่สิ่งที่ดี (คือเหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี)
---------
คือ ตอนแรกท่านอาลีและครอบครัวเข้าใจว่า มีสิทธิ์ในมรดกจากทรัพย์สินรซูลุลลอฮและเข้าใจว่าอบูบักรทำตามอำเภอใจ จึงรู้สึกโกรธ แต่ต่อมาก็เข้าใจกัน และกลับมาดีกันเหมือนเดิม และท่านอาลีได้ให้สัตยาบันแก่ท่านอบูบักร์ ด้วย
อิบนุกะษีร กล่าวว่า
وقد اتفق الصحابة - رضي الله عنهم - على بيعة الصديق في ذلك الوقت، حتى علي بن أبي طالب، والزبير ابن العوام.
บรรดาเหล่าเศาะหาบะฮ (ร.ฎ) ได้มีมติต่อการให้สัตยาบัน อบูบักร อัศเศาะดีก ในเวลานั้น แม้กระทั่ง อาลี บิน อบี ฏอลิบ และ อัซซุบัยรฺ บิน อัลอะวาม (ก็ได้ให้สัตยาบันด้วย) อัลบิดายะฮ วัลนิฮายะฮ เล่ม 6 หน้า 306
.....................
ความอคติและความเกลียดจังที่มีต่อเหล่าศอหาบะฮ จึงหาวิธีต่างๆนาๆเพื่อที่จะทำลาย น่าเสียดายพีน้องมุสลิมบางคน ถูกฝังหัวให้เกลียดเศาะหาบะฮ ทั้งๆที่ตนเองไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรเลย นะอูซุบิลละฮ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านอบูบักร์ รักษาเจตนารมณ์ของท่านรอซูลที่ว่า
لَا نُورَثُ مَا تَرَكْنَا صَدَقَةٌ
เราจะไม่ให้สืบมรดกต่อ สิ่งใดก็ตามที่เราทิ้งเอาไว้เป็นเศาะเกาะฮ
, عَنْ عَائِشَةَ , عَنْ أَبِي بَكْرٍ قَالَ : سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ , يَقُولُ : " إِنَّا مَعْشَرَ الأَنْبِيَاءِ لا نُورَثُ , مَا تَرَكْنَا صَدَقَةٌ " .
รายงานจากอาอีฉะฮ จากอบีบักร์ กล่าวว่า ข้าเจ้าได้ยิน รซูลุลลอฮ กล่าวว่า เราบรรดานบี ไม่มีการสืบมรดก ,สิ่งที่เราทื้งไว้เป็นเศาะดะฮเกาะฮ - เป็นหะดิษเศาะเฮียะดูสายรายงาน
(1) عائشة بنت عبد الله
| (2) عروة بن الزبير
| | (3) محمد بن مسلم
| | | (4) معمر بن راشد
| | | | (5) عبد الرزاق بن همام
| | | | | (6) إسحاق بن إبراهيم
| | | | | | (7) الكتاب: مسند إسحاق بن راهويه [الحكم: إسناده متصل، رجاله ثقات، على شرط الإمام مسلم، رجاله رجال الإمام البخاري]
.
ท่านอบูบักร์ เป็นบุคคลที่ท่านนบียกย่อง แต่ชีอะฮ ทำลาย มาชาอัลลอฮ
_________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Sun Apr 22, 2012 1:14 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Apr 22, 2012 1:09 am ชื่อกระทู้: |
|
|
3. เมื่อชีอะฮเอาหะดิษต่อไปนี้ กล่าวหาอบูบักรฺ ว่าทำให้ฟาติมะฮโกรธ เป็นผลให้นบีโกรธ ด้วย
อัลบุคอรีรายงานว่า ความโกรธของฟาติมะฮ์คือ ความโกรธของรอซูลุลเลาะฮ์
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - قَالَ فَاطِمَةُ بَضْعَةٌ مِنِّى ، فَمَنْ أَغْضَبَهَا أَغْضَبَنِى
แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : ฟาติมะฮ์คือก้อนเนื้อหนึ่งที่มาจากฉัน ดังนั้นผู้ใดได้ทำให้นางโกรธเคือง ก็เท่ากับทำให้ฉันโกรธเคือง
เศาะหิ๊หฺบุคอรี หะดีษที่ 3714 และ 3767
ขอชี้แจง
ความจริง ผู้ที่ทำให้ฟาฏิมะฮโกรธ ไม่ใช่อบูบักรฺ แต่ เป็น อาลี บิน อบีฏอลิบ ด้วยสาเหตุดังนี้
บ
عن الزهري ، قال : حدثني علي بن حسين : أن المسور بن مخرمة ، قال : إن علياًّ خطب بنت أبي (جهل ) فسمعت بذلك فاطمة . فأتت رسول الله صلى الله عليه وسلم . فقالت : يزعم قومك أنك لاتغضب لبناتك وهذا علي ناكح بنت أبي (جهل) . فقام رسول الله صلى الله عليه وسلم فسمعته حين تشهد يقول : أما بعد أنكحت أبا العاص بن الربيع فحدثني وصدقني ، وإن فاطمة بضعة مني وإني أكره أن يسوءها . والله لا تجتمع بنت رسول الله صلى الله عليه وسلم وبنت عدو الله عند رجل واحد فترك علي الخطبة
รายงานจากอัซซะฮะรีย์ กล่าวว่า อาลี บุตร หุสัยน์ ได้เล่าฉัน ว่า มิรวัร บุตร มัคเราะมะฮ กล่าวว่า แท้จริงอาลีได้สู่ขอ บุตรสาวของอบียะฮัล แล้วเมื่อท่านหญิงฝ | |