shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue Aug 10, 2010 4:18 pm ชื่อกระทู้: ตะรอเวียะฮฺที่คลาดเคลื่อน |
|
|
ตะรอเวียะฮฺที่คลาดเคลื่อน
โดย อบูนะบีล
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
السلام عليكم ورحمة الله وبركا ته
โอ้...ปัญญาชนแล้วทั้งหลายเอ๋ย
ใช่ว่า....การนำเสนอซึ่งข้อมูลทางศาสนาที่มันค้านกับ สิ่งที่ท่านทำ สิ่งที่ทำปฏิบัติเสมอมา หรือสิ่งที่ท่านเข้าใจมาแต่อดีตนั้นจะเป็นสิ่งที่ท่านจะปฏิเสธ จะไม่รับฟัง จะไม่อ่านและจะไม่พิจารณา และนำมาซึ่งการกล่าวถึงว่า คนนี้เป็นวะฮาบี คนนั้นเป็นคณะเก่า คนนั้นเป็นคนแปลก คนนั้นเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ หรือเราจะไม่อ่านนะ เราจะไม่รับฟังไม่หรอกใช่ไหม
เพราะสติปัญญาของท่าน การศึกษาของท่าน ความคิดของท่านย่อมนำมาซึ่งหลักการพิจารณา หลักการคิดไตร่ตรองว่า ...เออ ...อะไรมันใช่ อะไรมันถูก อะไรไม่ใช่อิสลาม โดยอาศัยหลักการที่มาจากอัลกุรอานและหะดิษที่ศอเหี้ยะจริงๆ หาใช่เป็นการปฏิบัติตามกันมาหรือฟังมาโดยมิได้สืบสาวราวเรื่องนั้นๆไม่หรอกนะ
ดังนั้น
เมื่อรอมฏอนมาถึง
พี่น้องของเราต่างก็เตรียมตัวทำอิบาดะฮ์ต่างๆเท่าที่ตัวเองอยากทำ เท่าที่ตัวเองอยากปฏิบัติตามที่เรียนรู้มา ตามที่ศึกษามา ว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ แต่แน่นอนก็คงจะขาดเสียไม่ได้ใช่ไหมครับว่า อามาลที่เราทำ อามาลที่เราปฏิบัติ ทุกคนย่อมต้องเรียนรู้
ย่อมต้องการรับทราบถึงผลตอบแทนใช่ไหม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีการละหมาดตะรอเวียะห์ที่ใครๆก็อยากทราบ ใครๆก็อยากรู้ ว่าทำแล้วได้อย่างไร ทำแล้วเป็นอย่างไรใช่ไหมครับ
แต่ทำไมหรือ.. ทำไมครับ...หากไม่มีซึ่งผลบุญมาล่อ มานำเสนออย่างมากมายเสียก่อน เราจะไม่ทำกันใช่ไหม เราจะไม่ปฏิบัติกันใช่ไหม หรือเพราะเป็นเพียงแค่สุนนะห์ หรือเป็นเพียงการสมัครใจครับถึงต้องนำเสนออย่างนี้
นี่แหละครับ ทำไมถึงต้องมีการกล่าว การนำเสนออย่างผิดๆถูกๆ เพื่อต้องการให้พี่น้องเรา เข้าหาสุนนะห์กัน ทำสุนนะห์กัน
หรือ!เพราะเราเองครับที่ไม่เข้าใจหลักการเอง ไม่เข้าใจศาสนาเอง ไม่ตระหนักเองถึงความสำคัญของการละหมาดดังกล่าว
จึงไม่รู้ว่า อะไรคือใช่ อะไรคือถูก อะไรที่มีหลักฐานรองรับ อะไรที่ต้องทำ เค้าถึงต้องนำเสนอมาแบบนี้เพื่อให้ท่านละหมาดและปฏิบัติอามาลนั้น
พี่น้องลองพิจารณาดูซิว่า ผลบุญข้างต้นเป็นอย่างไร มีหลักฐานรองรับไหม น่าเชื่อถือไหม
แล้วอย่างไรที่ควรรับทราบมากกว่ากัน....พี่น้อง
มาดูสิ่งที่คลาดเคลื่อนเเหล่านี้กันซิ
อ้างจากหนังสือดุรเราะตุนนาศีหีน อ้างถึงรายงานจากท่านอลีเราะฏิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า
คืนที่ 1 ผู้ละหมาดจะไม่มีบาปเหมือนกับตอนที่เขาถูกคลอดจากท้องมารดาใหม่ๆ
คืนที่ 2 อัลเลาะห์อภัยโทษแก่เขาและบิดาของเขาหากเขาทั้งสองเป็นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์
คืนที่ 3 มาลาอีกะจะประกาศใต้อารัชว่าเจ้าจงเริ่มทำความดีเถิดเพราะความชั่วทั้งหลายถูกลบล้างออกไปหมดแล้วเจ้าจงใช้ชีวิตให้สวยงามต่อไป
คืนที่ 4 เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับคนที่อ่านคัมภีร์เตารอต อินยีล ซาบูรและอัลกรุอาน
คืนที่ 5 ได้รับผลบุญเท่ากับผู้ที่ได้ไปละหมาดทีมัสยิดหะรอม มัสยิดนาบาวีมัสยิดอัลอักซอ
คืนที่ 6ได้รับผลบุญเท่ากับผู้ที่ไปทำเตาวาฟ ณ บัลตุลมะมุร (กิบลัตของมาลาอีกะตรงกับบัยตุลเลาะ)หินและของมีค่าทั้งหมดในโลกนี้จะขออภัยให้แก่เขา
คืนที่ 7 ได้ผลบุญเหมือนกับเขาได้เกิดในสมัยที่ท่านนาบีมูซาสงครามกับฟิรอูนและฮามาน
คืนที่ 8จะได้รับผลบุญเหมือนกับอัลเลาะห์ได้ประทานแก่นาบีอิบฮีม (อ.)
คืนที่ 9 บุญที่ได้รับจะเท่ากับบุญการอีบาดะของนาบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.)
คืนที่ 10 อัลเลาะห์จะทรงบันดาลให้พบแต่ความดีงามทั้งโลกนี้และโลกหน้า
คืนที่ 11 หากพวกเขาสิ้นชีวิตในคืนนี้ เขาก็เหมือนกับทากรที่ถูกคลอดใหม่ๆ
คืนที่ 12 เขาจะเกิดมาในวันกียามะด้วยใบหน้าที่ดุจดั่งจันทร์เพ็ญ
คืนที่ 13 เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในวันกียามะ
คืนที่ 14 ในวันกียามะมาลาอีกะจะเป็นพยานยืนเคียงข้างเขา
คืนที่ 15 มาลาอีกะตลอดจนมาลักที่แบกอารัชต่างๆจะอวยพรให้แก่เขา
คืนที่ 16 เขาจะถูกบันทึกว่าเป็นผู้ปลอดภัยจากนรก
คืนที่ 17เขาจะได้บุญเท่ากับผลบุญบรรดานาบีรวมกัน
คืนที่ 18 มาลาอีกะจะประกาศชื่อของเขาว่า แน่แท้พระองค์อัลเลาะห์ทรงอภัยในตัวเขาและบิดามารดาของเขา
คืนที่ 19 อัลเลาะห์จะยกฐานะอันสูงส่งในชั้นฟิรเดาส์
คืนที่ 20 เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับผู้ที่ตายชาฮีด
คืนที่ 21 อัลเลาะห์จะสร้างบ้านหลังหนึ่งที่เต็มไปด้วยรัศมีให้แก่เขา
คืนที่ 22 เขาจะไปปรากฏตัวในวันกียามะโดยปราศจากความทุกข์
คืนที่ 23 อัลเลาะห์ได้เตรียมเมืองไว้สำหรับให้เขาครอบครอง
คืนที่ 24 อัลเลาะห์เปิดโอกาสรับดุอายี ่สิบสี่ประการ
คืนที่ 25 อัลเลาะห์ทรงยกโทษในกุโบร์ให้แก่เขา
คืนที่ 26 อัลเลาะห์ทรงยกผลบุญเท่ากับทำอีบาดะสี่สิบปี
คืนที่ 27 เขาจะเดินผ่านสะพานซีร็อตดุจฟ้าแลบ
คืนที่ 28 อัลเลาะห์ทรงยกฐานะให้เขาหนึ่งพันชั้น
คืนที่ 29 อัลเลาะห์ทรงประทานผลบุญให้เท่ากับประกอบพิธีฮัจย์หนึ่งพั นครั้ง
คืนที่ 30 อัลเลาะห์ทรงกล่าวว่า " โอ้บ่าวของฉันจงมารับประทานผลไม้ในสวรรค์และจงอาบน้ำซัลซาบีล (ซึ่งเป็นน้ำทิพย์ในสวรรค์)จงดื่มน้ำอัลเกาซัรซึ่งเราเป็นเจ้าของ เจ้าเป็นบ่าวของเรา เจ้าได้ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว
-----------
ผู้ศรัทธาเอ๋ย รู้ไหมว่าสิ่งที่เค้าอ้างมาว่า เป็นหะดิษ เป็นคำสอนของท่านรอซูลลุลลอฮข้างต้น มันคือหะดิษเมาฎัวะอฺ(หะดิษเก๊) ทำไมหรือที่เป็นเมาฎัวะอฺครับ ก็เพราะหะดิษข้างต้นไม่มีเลยซึ่งการระบุถึงสายรายงานหะดิษ นักรายงานหะดิษ และผู้รายงานหะดิษที่จะยอมรับว่าเป็นหะดิษศอเหี้ยะ เป็นหะดิษที่บรรดาอุลมาร์ของโลกจะนำมาพิจารณาและระบุถึงในตำรับตำราต่างๆแม้กระทั่งของอิหม่ามชาฟีอีเองก็ตาม และถ้อยคำดังกล่าวนั้น ได้บ่งอย่างชัดเจนถึงการกุฮะดิษขึ้นมา
ซึ่งผลบุญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอิบาดะห์นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกับการระบุถึงหลักฐานที่รองรับจากอัลกุรอานและหะดิษครับ
โกหกเพื่อให้เขามาละหมาดกันได้หรือ .ออ..อิสลามชวนกันละหมาดแบบนี้หรอ
อิสลามนั้นสมบูรณ์ สมบูรณ์ในความจริงที่ปรากฎ ไฉนเลย ต้องนำสิ่งนี้มาล่อ มาหลอกกันด้วย
การปฏิบัติอามาลย่อมอยู่ในจิตสำนึกของคนมุสลิม ไม่จำเป็นใช่ไหมที่ต้องนำสิ่งนี้ มาล่อ มาหลอกกันใช่ไหมครับ
มารับรู้กัน มาตระหนักกัน ถึงหะดิษที่ไม่มีข้อขัดแย้ง ไม่มีซึ่งอุลมาร์ท่านใดของโลกหรืออิหม่ามชาฟีอีเองที่ท่านสังกัด ที่ท่านเชื่อถือที่จะกล่าว ที่จะแย้งว่า มันเป็นฏออีฟ มันเป็นเมาฏัวะอฺครับ
ความประเสริฐของการละหมาดตะรอวี๊ห์
عَنْ أَبِيْ هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قاَلَ : قاَلَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمِ : " مَنْ قاَمَ رَمْضاَنَ إِيْماَناً وَاحْتِساَباً غُفِرَلَهُ ماَ تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
ความว่า จากอบี ฮุรอยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่าท่านรอซูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)กล่าวว่า "ผู้ใดที่ละหมาดในเดือนรอมฎอนด้วยความศรัทธา (ต่อคำสั่งและสัญญาของอัลลอฮฺ)รวมทั้งคาดหวังผลตอบแทนจากพระองค์ แน่แท้พระองค์จะทรงอภัยโทษต่อบาปต่างๆ ที่ผ่านมา"(มุตตะฟะกุน อะลัยห์ : บุคอรี 2/252 และมุสลิม 1/523)
คำอธิบายหะดิษ
การงานที่ศาสนาอิสลามส่งเสริมให้บรรดามุสลิมกระทำในเดือนรอมฎอน คือ การละหมาดในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นการละหมาดตะรอวี๊ห์ และผลการตอบแทนในการปฏิบัตินั้นยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าการประกอบอิบดะฮ์ประเภทอื่นๆ ที่ใช้ให้ปฏิบัติในเดือนรอมฎอน เช่น การถือศีลอด เพราะต่างได้รับการสัญญาว่าจะได้รับการอภัยโทษในบาปที่กระทำมา เฉกเช่นเดียวกับการตอบแทนที่ได้สัญญาแก่คนที่ปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ในค่ำคืนอัลเกาะดัรในด้านการได้รับอภัยโทษ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความมั่นใจของเราต่อคำสั่งของอัลลอฮ์ รวมทั้งความบริสุทธิใจในการปฏิบัติอะมัลดังกล่าวด้วย
ส่วนหุก่มของการละหมาดตะรอวีห์นั้น บรรดาอุลามาอ์ได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า เป็นสุนัตสำหรับชายและหญิง และใช้ให้ปฏิบัติทั้งในรูปแบบญะมาอะห์หรือในลักษณะต่างคนต่างทำ แต่การปฏิบัติในรูปแบบญะมาอะห์จะมีความประเสริฐมากกว่า
บทเรียนจากหะดีษ
1. ความประเสริฐของเดือนรอมฎอนและอิบาดะฮฺกิยามุลลัยล์ในเดือนรอมฎอน
2. มีความมั่นใจต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ และความบริสุทธิ์ใจในการประกอบอิบาดะฮฺนั้นถือว่าเป็นเงื่อนไขหลักของการได้มาซึ่งการตอบแทนจากอัลลอฮฺ (หมายถึงอัลลอฮฺจะทรงพิจารณาถึงความบริสุทธิ์ใจในการประกอบอิบาดะฮฺของบ่าว)
3. เราะมัตของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะให้อภัยต่อบาปต่างๆ ที่ผ่านมาแก่ผู้ที่ดำรงละหมาดในค่ำคืนเดือนรอมฎอน
หวังเพียงอย่างยิ่งว่า พี่น้องทั้งหลายจะตระหนัก จะพิจารณาและทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่า เราละหมาดตามใคร เราละหมาดอย่างไร เราละหมาดถูกต้องไหม อิริยาบทเป็นอย่างไร สอดคล้องไหมกับสิ่งที่อัลลอฮว่า รอซูลว่า
หรือเราเพียงก้มๆเงยๆ เพื่อให้ผ่านพ้นซึ่ง 5 เวลาที่มาถึง เพื่อให้เสร็จสิ้น เพื่อให้รับรู้กับตัวเอง กับเพื่อนๆว่า เราละหมาดแล้ว เราเสร็จแล้วครับ
ที่สำคัญ ตะรอเวียะห์ หาใช่เป็นอิบาดะห์ที่เราจะละหมาดที่ไหนก็ได้ จะละหมาดอย่างไรก็ได้ไม่ แต่เป็นอิบาดะห์ที่ต้องการความสมบูรณ์ ความคุชัวะ ความถูกต้อง ที่ไม่ใช่แบบก้มๆ เงยๆอย่างรวดเร็ว อย่างรีบด่วน เหมือนบางมัสยิดที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบัน
ดังนั้น
น่าเสียดายนะ หากคืนนี้ ท่านเลือกมัสยิดที่ละหมาดอย่าง ก้มๆ เงยๆ อย่างรวดเร็ว อย่างรีบด่วนครับ
เพราะท่านมิใช่ต้องการให้ผ่านพ้นใช่ไหม ต้องการให้เสร็จเร็วๆใช่ไหม แต่ท่านต้องการผลบุญที่เกิดจากการนอบน้อมอย่างมีคูชัวะ อย่างตั้งใจที่จะขอขอดุอาร์ต่างๆ จริงไหมครับ...พี่น้อง
พี่น้องเอ๋ย
อดทนนะ อดทน อย่าเบื่อกับอิบาดะที่ท่านทำเลยครับ...เพราะฟิรดาวส์ของท่านอยู่แค่เอื้อม...
อินชาอัลลอฮ
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته
บททบทวนการละหมาดตะรอเวียะห์สำหรับบุคคลทั่วไป
http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=4&id=1445
บททบทวนการละหมาดตะรอเวียะห์สำหรับมุสลีมะห์
http://www.baanmuslimah.com/dp57/node/967 |
|