ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 23, 24, 25 ... 27, 28, 29  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 10:01 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เยี่ยมมากเลย isrsya เอ๋ย

ขอเวลาไปส่งลูกสักครู่ เดี๋ยวจะกลับมาเปิดโปงการโกหกมดเท็จของชีอะฮ์กันต่อ

เตรียมยาใส่แผลไว้ด้วย ครั้งนี้สาว่าจะเข้าขั้นโคม่า

รอสักครู่


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 12:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กลับมาคุยกันต่อ

ตามที่ชีอะฮ์ได้แถลงมารวมทั้งหมด 4 ข้อนั้น ผมจะชี้แจงให้กระจ่างทีละข้อ และโปรดอย่ากลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น หากคำชี้แจงในข้อนั้นๆ ยังไม่จบสิ้น

ข้อที่ 1

ลำดับความเป็นมาของเรื่องดังนี้

ก่อนหน้านี้ Israya ได้อ้างฮะดีสในบันทึกของอิหม่ามบุคอรี รายงานโดยอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ โดยนำมาเป็นหลักฐานเรื่องนิกะฮ์มุตอะฮ์ ซึ่งผมได้ชี้แจงว่า ฮะดีสบทนี้พูดเรื่อง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ หรือการทำฮัจญ์แบบ ตะมัตตัวอ์ ไม่ใช่หลักญฐานเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ ตามที่ชี้แจงไปแล้ว


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 12:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya กล่าวว่า

"ผมจะสับสนปนเป (มยาเยาะ) ถึงขนาดเอาเรื่องฮัจตะมัตตุอ มาอ้างเป็นเรื่องนิกาห์มุตอะได้อย่างไรกันครับ ผมจะดูหมิ่นดูแคลนผู้อ่านแบบนั้นเชียวหรือ" (หน้าที่ 20 ข้อความที่ 2)

เมื่อผมเอาหลักฐานฮะดีสจากศอเฮียะฮฺมุสลิมมาอธิบาย ซึ่งเป็นฮะดีส จากอิมรอน บินฮุศ็อยน์ เหมือนกัน ซึ่งเป็นยืนยันว่า เป็นหลักฐานเรื่อง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ ไม่ใช่นิกะฮ์มุตอะฮ์ แต่แทนที่ชีอะฮ์จะยอมรับในความผิดที่ตัวเองกระทำ กลับโยนความผิดไปให้ผู้อื่น

เรื่องนี้ถ้าชีอะอ์ ฉลาดสักนิด ก็เพียงแต่เงียบไปเฉยๆ ก็จะเป็นการดีแก่ตัวเอง เพราะผมก็ไม่ได้คิดรื้อฟื้นอะไร แต่ชีอะฮ์ได้นำมากล่าวอีกครั้ง ดังนี้


๑-สงสัยว่า ฮะดีษที่ isrsya ยกมาจากบุคอรี จะบิดเบือนหรือเปล่า เลือกจะอ้างเฉพาะที่ตรงกับใจตน และ israya อาจสับสนระหว่างเรื่องฮัจตะมัตตุอ์ กับเรื่องนิกาห์มุตอะ

ผมไม่ใช่แค่สงสัยแต่มั่นใจ และยืนยันมาตลอดว่าชีอะอ์บิดเบือนและอ้างเท็จจริงๆ บทพิสูจน์จากคำตอบของชีอะฮ์ที่ได้กล่าวว่า

๑-israya ยินดีมอบลิงค์ของ อันเซอร์เวบ ซึ่งตรงกับหนังสือที่มีอยู่ในมือ และส่งลิงค์นี้มาให้ เพื่อยืนยันว่า israya ว่ามิได้บิดเบือนแต่อย่างใด ฮะดีษนี้มีอ้างทั้งในบาบว่าด้วยฮัจญ์ และบาบว่าด้วยนิกาห์ในศอฮีฮบุคอรี และฟัตฮุลบารี และมีความเกี่ยวโยงกันอย่างเห็นได้ชัดกับฮะดีษลักษณะนี้ในตำราอื่นๆ เช่น มุสลิม มุสนัดอะหมัด ติรมิซี อะบูดาวูดและอื่นๆอีก โปรดช่วย israya เชคดูให้ถ้วนถี่ด้วยนะครับ และโปรดรับรู้ด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ที่ israya ตัวบอบบางอ้อนแอ้นที่จะสามารถบิดเบือนเรื่องใหญ่โตปานภูเขาเหล่านี้ได้ israya ตามหลักฐานในมือ israya ถือว่าในขณะนี้ ยังไม่ได้ผิดพลาดตามข้อกล่าวหาอันเลื่อนลอยของคุณนะ

แล้วคุณจะได้ทราบว่า คุณได้บิดเบือนเรื่องใหญ่โตยิ่งกว่าภูเขา ตามหลักฐานที่คุณแสดงเอง จากลิงค์ของเว็บต่อไปนี้

http://www.ansarweb.net/special/rafiq/data/P4-2.htm#a1(ลิงค์หลัก)

ลิงค์ข้างต้นนี้ นี่คือลิงค์หน้าแรกของสารบัญจากเว็บชีอะฮ์เอง แต่ไม่เป็นไร สิ่งที่คุณทำอยู่นี้ผมเข้าใจ ว่าคุณกำลังจะถอนตัวไปเป็นกองเชียร์ แล้วให้ผมโต้แย้งกับเวบของชีอะอ์เอง แต่ก็ดีนะ !! ชาวบ้านจะได้รู้ได้เห็นว่า คนกลุ่มนี้เขาโกหกบิดเบือนกันเป็น ขบวนการ

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 12:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สารบัญข้อแรกที่เว็บชีอะฮ์นำมาแสดงคือ

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=2494

قال عمران ابن حُصين: تمتعنا على عهد رسول الله (ص) فنزل القرآن. قال: قال رجل (برأيه ماشاء )طبعاً المقصود هو عُـمر بن الخطاب) إقرأ النص بنفسك في صحيح البخاري . باب الحج

ผมอาสาแปลข้อความข้างต้นให้ดังนี้

อิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ ได้รายงานว่า พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ ในสมัยของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ แล้วอัลกุรอานได้ลงมา เขากล่าวว่า ชายคนหนึ่งได้กล่าวว่า (ด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์) แน่นอนว่าจุดประสงค์ในที่นี้คือ อุมัร อิบนุล ค๊อตต๊อบ โปรดอ่านตัวบทด้วยตัวของท่านเอง จากศอเฮียะฮ์ บุคอรี บทที่ว่าด้วยเรื่องการทำฮัจญ์

ข้อความข้างต้นนี้คือ สารบัญของเว็บชีอะฮ์ที่พวกเขาทำขึ้นเอง ผมถามคุณ israya ว่าข้อความข้างต้นนี้มันคืออะไร ทำไมหลักฐานจาก อิมรอน บินฮุศ็อยน์ ถึงกลายเป็นเรื่อง ฮัจญ์ แม้จะโกหกเป็นขบวนการแล้วแต่ความเท็จก็ยังโผล่ให้เห็น เหมือนกับการประจานขบวนการของตนเอง และยิ่งกดตามลิงค์ที่กำกับมา ก็ยิ่งแฉให้เห็นถึงการบิดเบือนมากขึ้นเท่านั้น ไม่เชื่อลองกดไปอ่านดังนี้


http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=2494

ลิงค์ที่เขากำกับมานี้ เป็นลิงค์จากตำราฮะดีษของบุคคอรี คำอธิบายจาก ฟัตฮุ้ลบารีย์ ตัวบทฮะดีสมีดังนี้

‏حدثنا ‏ ‏موسى بن إسماعيل ‏ ‏حدثنا ‏ ‏همام ‏ ‏عن ‏ ‏قتادة ‏ ‏قال حدثني ‏ ‏مطرف ‏ ‏عن ‏ ‏عمران ‏ ‏رضي الله عنه ‏ ‏قال ‏
‏تمتعنا على عهد رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏فنزل القرآن قال رجل برأيه ما شاء

จากอิมรอน ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ รานงานว่า พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ ในสมัยของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ แล้วอัลกุรอานได้ลงมา ชายคนหนึ่งได้กล่าว ด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์

ตัวบทมีเท่านี้ครับ ในตัวบทไม่ได้ระบุว่าชายผู้หนึ่งนั้นคือท่านอุมัร แต่ที่สำคัญก็คือ ถ้าได้อ่านคำอธิบายที่ค่อนข้างยาว จะพบว่า ฮะดีสข้างต้นนี้พูดถึงเรื่องฮัจญ์ ไม่ใช่เรื่องนิกะฮ์มุตอะฮ์ เช่น

" وفي رواية له " جمع بين حج وعمرة " ومراده التمتع المذكور وهو الجمع بينهما في عام واحد

และในรายงานของเขาที่ว่า “รวมระหว่างฮัจญ์และอุมเราะฮ์” เป้าหมายของเขาเกี่ยวกับ ตะมัตตัวอ์ ที่ได้กล่าวแล้วคือ การรวมมันทั้งสอง (ฮัจญ์และอุมเราะฮ์) ในปีเดียวกัน

เป็นอย่างไรบ้าง ท่าน israya หลักฐานจากเว็บลิงค์ที่ท่านให้มาเองแท้ๆ กลับกลายเป็นดาบที่คมกริบ เฉือดของตัวเอง ดังนั้นผมจึงกรานด้วยคำเดิมว่า

ชีอะฮ์โกหกบิดเบือน โดยนำหลักฐานเรื่อง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ มาเป็นหลักฐานเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์

ยังไม่จบครับ ยังมีต่อ อย่าเพิ่งเปลี่ยนประเด็นไปไหน โปรดติดตาม


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 12:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จากคำรายงานของอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ ที่ว่า

พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ ในสมัยของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ แล้วอัลกุรอานได้ลงมา

ท่านที่อ่านอย่างผิวเผินก็อาจสงสัยว่า อัลกุรอาน อายะฮ์ใดที่ถูกประทานลงมา ท่านพิจารณาง่ายๆ ก็ได้ว่า ในขณะที่เขาพูดเรื่อง ฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์ แล้วอัลกุรอานถูกประทานลงมาเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ กระนั้นหรือ อย่าคิดเองดีกว่า ไปอ่านตามลิงค์อีกที

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=2494

เมื่อท่านกดเข้าไปดูแล้วจะพบคำอธิบาย จากฟัตฮุลบารีย์ ว่า คำพูดที่ว่า อัลกุรอานถูกประทานลงมานั้นคือ

‏أي بجوازه يشير إلى قوله تعالى ( فمن تمتع بالعمرة إلى الحج ) الآية

หมายถึง อนุญาตให้กระทำได้ โดยอ้างถึงดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า (ฉะนั้นผู้ใดได้แสวงประโยชน์ด้วยการทำอุมเราะฮ์จนกระทั่งถีงฮัจญ์) อัลบะกอเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 196

ข้อความของฮะดีสบทนี้ ระบุถึงอัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาเรื่องอนุญาตให้ทำอุมเราะฮ์ในฤดูฮัจญ์

ดังนั้นการที่ชีอะฮ์ เอาฮะดีสบทนี้ไปเป็นหลักฐานเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ จึงเป็นการกระทำที่มั่วแบบสุดๆ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 1:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ก่อนหน้าผมได้ให้โอกาสให้ชีอะฮ์ ทบทวนแก้ไข แต่เขาก็ยังดึงดัน และที่ซ้ำร้ายไปกว่าเดิมคือ ชีอะฮ์ได้นำฮะดีสนี้มาโพ้สต์อีกครั้ง และเติมข้อความในตัวบทดังนี้

Israya โพ้สต์ไว้ในหน้าที่ 19 ข้อความที่ 10 – 11


عن عمران بن حصين رضي الله تعالى عنه قال نزلت آية المتعة في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله صلى الله عليه وسلم ولم ينزل قرآن يحرمه ولم ينه عنها حتى مات قال رجل برأيه ما شاء قال محمد يقال انه عمر"

จากอุมรอน บิน ฮุศ็อยน์ (ร.ฎ)กล่าวว่า โองการว่าด้วยมุตอะถูกประทานในคัมภีร์ของอัลลอฮ ดังนั้นพวกเราได้ปฏิบัติในสมัยของท่านรอซูลุลลอฮ(ศ) และอัลกุรอานมิได้ประทาน(อายะใด)ลงมาห้ามมันเลย และท่านนบีก็ไมได้ห้าม จนกระทั่งท่านวายชนม์ ชายคนหนึ่งได้พูดตามความเห็นของตนเอง ตามที่เขาประสงค์ มุฮัมมัด ได้กล่าวว่า ผู้ที่ถูกกล่าวถึง คือท่านอุมัร
โปรดดู ศอฮีฮ์บุคอรี กิตาบ ตัฟซีรกุรอานصحيح

ผมเพิ่งจะมาเข้าใจตอนนี้เองว่า Israya ไม่ได้กระทำการเพียงลำพัง แต่เขามั่วโกหกกันเป็นขบวนการ Israya เป็นเพียงผู้ก๊อปความมั่วมาแปะไว้ที่นี่ เราไปพิสูจน์จากลิงค์ที่อ้างมาดังนี้

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6512

البخاري يُصرّح بأن زواج المتعة كان على عهد رسول الله ولم ينزل قرآن يحرمه حتى مات. فقال رجل برأيه ماشاء ( المقصود عمر ) إقرأ بنفسك في البخاري

ข้อความภาษาอาหรับข้างต้นนี้คือสารบัญของเว็บชีอะฮ์ ที่โพ้สต์หัวข้อเป็นภาษาอาหรับ ไว้หลอกชาวบ้าน ผมแปลให้ก่อน หลังจากนั้นเราไปจับโกหกพร้อมๆ กัน

ความหมาย บุคอรีได้แถลงว่า การแต่งงานแบบมุตอะฮ์ ได้ปรากฏในสมัยของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ โดยไม่มีอัลกุรอานประทานลงห้าม จนกระทั่งท่านนบีเสียชีวิต ชายคนหนึ่งได้กล่าว ด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์ (เป้าหมายคือ อุมัร) โปรดอ่านด้วยตัวท่านเอง ในบุคอรี

แม้ว่าชีอะฮ์จะโกหกหลอกลวงเป็นขบวนการ ด้วยการโพ้สต์หัวข้อเป็นภาษาอาหรับหลอกชาวบ้าน แต่ความเท็จก็ยังปรากฏให้เห็น เพราะเมื่อท่านกดเข้าไปดูตามลิงค์ที่เขากำกับไว้ ท่านจะพบว่า หัวข้อที่เขาโพสต์กับตัวบทที่เขาอ้างคนละเรื่องกันเลย ไม่เชื่อก็ลองกดเข้าไปดูดังนี้


http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6512

สิ่งที่ท่านได้เห็นคือตัวบทฮะดีสจาก ศอเฮียะฮ์บุคอรีดังนี้

‏حدثنا ‏ ‏مسدد ‏ ‏حدثنا ‏ ‏يحيى ‏ ‏عن ‏ ‏عمران أبي بكر ‏ ‏حدثنا ‏ ‏أبو رجاء ‏ ‏عن ‏ ‏عمران بن حصين ‏ ‏رضي الله عنهما ‏ ‏قال ‏
‏أنزلت ‏ ‏آية المتعة ‏ ‏في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏ولم ينزل قرآن يحرمه ولم ينه عنها حتى مات قال ‏ ‏رجل ‏ ‏برأيه ما شاء

โองการเกี่ยวกับมุตอะฮ์ (มุตอะตุ้ลฮัจญ์) ได้ถูกประทานลงมาในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ โดยพวกเราได้ปฏิบัติมันพร้อมกับท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม โดยไม่มีอัลกุรอานถูกประทานลงมาห้าม จนกระทั่งท่านนบีเสียชีวิต ชายคนหนึ่งได้กล่าวด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์

เมื่อได้เห็นตัวบทแล้ว เราก็พบว่า เป็นฮะดีสที่รายงานโดย อิมรอน บินฮุศ็อยน์ ในเรื่องการทำฮัจย์ตะมัตตัวอ์ ตามที่ผมได้ตีแผ่ให้เห็นแล้วข้างต้น

แต่อุลามาอ์ชีอะฮ์ ดันมั่วเอาเป็นหลักฐานเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ แล้วยังหลอกว่า บุคอรีได้แถลงว่านิกะฮ์มุตอะฮ์ถูกประทานลงมาในสมัยของท่านรอซูลโดยไม่มีอัลกุรอานลงมาห้าม โกหกกันเป็นทีม มั่วกันเป็นขบวนการ แล้ว Israya ถ่ายทอดความมั่วเอามาไว้ที่นี่


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 1:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้อ !! ผมยังไม่ได้เผยให้เห็นว่า พวกเขาบิดเบื้อนโดยการเพิ่มเติมตัวบทฮะดีสกันอย่างไร
กลับมาดูข้อความที่ Israya โพ้สต์ไว้อีกที ในหน้าที่ 19 ข้อความที่ 10 – 11 ดังนี้


]عن عمران بن حصين رضي الله تعالى عنه قال نزلت آية المتعة في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله صلى الله علي وسلم ولم ينزل قرآن يحرمه ولم ينه عنها حتى مات قال رجل برأيه ما شاء قال محمد يقال انه عمر"

จากอุมรอน บิน ฮุศ็อยน์ (ร.ฎ)กล่าวว่า โองการว่าด้วยมุตอะถูกประทานในคัมภีร์ของอัลลอฮ ดังนั้นพวกเราได้ปฏิบัติในสมัยของท่านรอซูลุลลอฮ(ศ) และอัลกุรอานมิได้ประทาน(อายะใด)ลงมาห้ามมันเลย และท่านนบีก็ไมได้ห้าม จนกระทั่งท่านวายชนม์ ชายคนหนึ่งได้พูดตามความเห็นของตนเอง ตามที่เขาประสงค์ มุฮัมมัด ได้กล่าวว่า ผู้ที่ถูกกล่าวถึง คือท่านอุมัร
โปรดดู ศอฮีฮ์บุคอรี กิตาบ ตัฟซีรกุรอานصحيح

เราจะพิสูจน์ในเรื่องนี้โดยหลักฐานลิงค์ที่เขานำมาแสดงนี้แหละ ลองกดเข้าไปดูอีกครั้งดังนี้
http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6512


เมื่อกดเข้าไปดูก็จะพบหลักฐานต้นเดิม คือฮะดีสที่รายงานโดยอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ เรื่องการทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ แต่สิ่งที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ตรวจสอบก็ นอกจากชีอะฮ์จะเอาหลักฐานต้นนี้มั่วไปเป็นหลักฐานเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ แล้ว พวกเขายังอาจหาญที่จะเพิ่มตัวบทฮะดีส ซึ่งตัวบทเดิมจากศอเฮียะฮ์บุคอรี ตามที่เขาลิงค์มามีดังนี้


‏حدثنا ‏ ‏مسدد ‏ ‏حدثنا ‏ ‏يحيى ‏ ‏عن ‏ ‏عمران أبي بكر ‏ ‏حدثنا ‏ ‏أبو رجاء ‏ ‏عن ‏ ‏عمران بن حصين ‏ ‏رضي الله عنهما ‏ ‏قال ‏
‏أنزلت ‏ ‏آية المتعة ‏ ‏في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏ولم ينزل قرآن يحرمه ولم ينه عنها حتى مات قال ‏ ‏رجل ‏ ‏برأيه ما شاء

ท่านลองพิจารณาซิว่า มีคำว่า يقال انه عمر ในตัวบทนี้ไหม

แล้วอย่างไรเล่าที่ชีอะฮ์อาจหาญเหลือเกิน บิดเบือนเรื่อง ฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ ให้เป็นเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ ยังไม่พอ ยังต่อเติมตัวบทฮะดีสด้วยคำว่า يقال انه عمر แปลว่า กล่าวกันว่า เขาคืออุมัร นี่คือบทพิสูจน์ความสกปรกของชีอะฮ์ จากลิงค์ที่พวกเขานำมาแสดงเอง

ผมยังเปิดโปงพฤติกรรมโกหกบิดเบือนของชีอะฮ์ยังจบข้อที่ 1 เลย ยังมีอีก

ถ้าชีอะฮ์เข้ามาก็อย่างเพิ่งกลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 2:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

๒๐ ตุลาคม วาระความจริงจะเปิดเผย

ผมไม่เพียงแต่ยืนยันหลักฐานการอนุญาตเรื่องนิกาห์มุตอะจากศอฮีฮ์บุคอรีเท่านั้น แต่ยังอ้างหลักฐานจากอัลกุรอานด้วยนะครับ

ฉะนั้น ถ้าท่านพี่น้องติดตามเรื่องราวตามที่ผมได้นำเสนอมาตั้งแต่ต้น ก็จะทราบ ข้อมูลของผมอย่างต่อเนื่องตลอดมา พอจะสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้

การนิกาห์มุตอะเป็นหลักการหนี่งของศาสนา ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยท่านนบีโดยมีข้อความตอนหนึ่งจากอายะกุรอาน รับรอง ความว่า


(فما استمتعتم به منهن فآتوهن أجورهن فريضة)

ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้นก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนางตามที่มีกำหนดไว้ (๒๔/อันนิซาอ)

นักอุละมาส่วนมากยืนยันว่า ข้อความวรรคนี้ ถูกประทานมาในเรื่องนิกาห์มุตอะ เช่น อิบนุญะรีร อัฏฏ็อบรี โปรดดู في جامع البيان ج5 ص18, อัสสุดี,มุญาฮิด และที่รายงานมาจากศอฮาบะหลายท่านเช่น อุบัย บิน กะอับ,อินุอับบาส,สะอีด บิน ญุบัยร ซึ่งบรรดาศอฮาบะเหล่านี้ได้อ่านอายะนี้ควบคู่กับอ่านตัฟซีรไปในตัวด้วยว่า

ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น จนถึงระยะเวลาที่ถูกกำหนด ก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนางตามที่มีกำหนด

ที่ขีดเส้นใต้นั้น คือ คำอธิบายความหมายที่บรรดาศอฮาบะได้อ่านควบคู่กันไป กับอายะนี้ ตรงนี้โปรดอย่าเข้าใจว่าเป็นประเด็นเกี่ยวกับการบิดเบือนอัลกุรอานเป็นอันขาด(วัลอะยาซุบิลลาฮ์) เพราะมันไม่เกี่ยวกันเลย และไม่ได้หมายความว่า บรรดาศอฮาบะเหล่านี้ เพิ่มเติมอายะกุรอาน แต่เป็นการอ่านคำอธิบายจากความเข้าใจของพวกเขาควบคู่กันไปเท่านั้น

(โปรดดูคำอธิบายใน

(فقه السنة للسيد سابق 2/45 + المعجم الكبير للطبراني 10/320 + جامع البيان للطبري 5/18 + أحكام القرآن للجصاص 2/185 + تفسير القرطبي ج5/130 + تفسير ابن كثير 1/486 + الدر المنثور للسيوطي 2/140 + فتح القدير للشوكاني 1/449 + لسان العرب لابن منظور 8/329 + تاج العروس للزبيدي 5/508 ).

คำกล่าวของญุมฮูรอุละมาทั้งหลายอธิบายอายะวรรคนี้ว่าถูกประทานมาเพื่ออนุญาตการนิกาห์มุตอะ โดยท่านอิมามอัลกุรฏุบีได้สรุปไว้ว่า "وقال الجمهور: المراد نكاح المتعة الذي كان في صدر الإسلام". ญุมฮูรกล่าวว่า หมายความว่าการนิกาห์มุตอะนั้น เป็นเรื่องที่มีในยุคแรกๆของอิสลาม

อีกทั้งมีหลายๆฮะดีษที่ป็นหลักฐานยืนยันว่า การนิกาห์มุตอะ เป็นการหลักการหนึ่งที่อิสลามอนุมัติมานานแล้ว

แต่มีประเด็นคัดค้านว่า อายะนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยอายะ (إلا على أزواجهم أو ما ملكت أيمانهم) ยกเว้นแก่บรรดาภรรยาของพวกเขาหรือบรรดานางที่มือขวาของพวกเขาครอบครอง(นางทาสี) ซึ่งอายะนี้อยู่ในซูเราะอัลมุมินูน ถูกประทานที่มักกะ

โปรดดู فالقرطبي في تفسيره ج12 ص102 يقول: "سورة المؤمنون مكية كلها في قول الجميع"ونذكر بعض المصادر التي أكدت على أن سورة المؤمنون مكية: / جامع البيان للطبري ج18 ص3 + معاني القرآن للنحاس ج4 ص439

ส่วนอายะที่เป็นหลักฐานให้ทำนิกาห์มุตอะนั้น ถูกประทานที่มะดีนะ

โปรดดู فقد ورد في موطأ الإمام مالك مجلد2 كتاب النكاح باب الرجل يكون عنده أكثر من أربع نسوة فيريد أن يتزوج ,حيث ذكر أن سورة النساء مدنية بالإجماع, ومن المصادر التي ذكرت أن سورة النساء مدنية أيضاً هي: /جامع البيان للطبري ج4 ص296 + معاني القرآن للنحاس ج2 ص5 + الدر المنثور للسيوطي مجلد2 + تفسير الجلالين/

ประการแรก การให้ถือว่าอายะที่ถูกประทานในครั้งก่อน มายกเลิกอายะที่ถูกประทานทีหลัง เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และหลักการใช้สติปัญญา

ประการที่สอง ถ้าหากอายะนี้ถูกยกเลิกจริง แน่นอน จะต้องไม่เป็นเรื่องที่ซ่อนเร้นไปจากความรู้ของท่านอิบนุอับบาส ท่านอะลี และอิมรอม บิน ฮุศอยน์(ร ฎ)ที่เราพบฮะดีษว่าพวกท่านเหล่านี้ยืนยันว่าฮะลาลของการนิกาห์มุตอะยังคงดำรงอยู่ และยืนยันว่า ยังไม่ถูกยกเลิก จะสรุปว่าอายะนี้ถูกยกเลิกแล้วได้อย่างไร ในเมื่อบุคคลเหล่านี้ยังไม่รู้เรื่องด้วย

ประการที่สาม อายะต่างๆที่ว่าด้วยเรื่องสามีภรรยาก็มักถูกนำมาอ้างว่ายกเลิกอายะว่าด้วยนิกาห์มุตอะ ทั้งๆที่ความหมายโดยทั่วไปก็มีความเกี่ยวพันกับการนิกาห์มุตอะอยู่ด้วย เพราะหญิงที่ชายทำนิกาห์มุตอะด้วย ก็ถูกจัดว่าเป็นภรรยาของชายนั้นอยู่แล้ว

อิบนุมัสอูด ถือว่านิกาห์มุตอะ เป็นนิกาห์ฮะลาล ท่านกล่าวว่า ثم رخص لنا أن ننكح المرأة بالثوب إلى أجل

นั่นคือ หลังจากนั้นท่านนบีได้อนุโลมให้พวกท่านทำนิกาห์กับสตรีด้วยผ้า(ใช้ผ้าเป็นมะฮัร)เป็นการนิกาห์กันชั่วคราว ดังมีฮะดีษเล่าเรื่องนี้ ตามบันทึกในศอฮีฮ์มุสลิม

หลังจากนั้น ท่านอับดุลลอฮ อิบนุมัสอูด ได้อ่านอายะหนึ่งว่า

{يَا أَيّهَا الّذِينَ آمَنُوا لاَ تُحَرّمُوا طَيّبَاتِ مَا أَحَلّ اللّهُ لَكُمْ وَلاَ تَعْتَدُوا إِنّ اللّهَ لاَ يُحِبّ الْمُعْتَدِينَ

โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าจงอย่าห้ามสิ่งดีงามทั้งหลายที่อัลลอฮทรงอนุญาตแก่พวกเจ้า และจงอย่าละเมิด แท้จริงอัลลอฮ ไม่ทรงรักบรรดาผู้ละเมิด

เท่าที่ทราบกันอยู่ในมัซฮับชาฟิอีย์อุละมาป็นส่วนมากจะห้ามมิให้นำหลักฐานจากสุนนะ(ฮะดีษ)ไปยกเลิก(นะสัค)อายะกุรอาน และเป็นทัศนะของอิมามอะห์มัด ฮันบัลด้วย จากสองริวายะของท่าน

โปรดดู الأحكام ج3 ص153 / الفصل الرابع في شروط النسخ الشرعي/المسألة العاشرة الخلاف في امتناع نسخ الكتاب بالسنة المتواترة

ฉะนั้น ถือว่าไม่ถูกต้องที่จะยกเลิกอายะว่าด้วยมุตอะ นอกจากโดยอายะใดอายะหนึ่งที่ถูกประทานมายกเลิกทีหลัง และเราก็ได้รับการอธิบายอย่างถ่องแท้แล้วว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ว่า อายะต่างๆ(เช่น ว่าด้วยการตอลาก,มรดก) ที่อุละมาของพวกคุณเคยนำมาอ้างนั้น จะเป็นอายะที่ยกเลิกอายะ“ว่าด้วยมุตอะ”

ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน ที่จะอ้างฮะดีษมายกเลิกอายะ เพราะฮะดีษจะยกเลิกกุรอานไม่ได้

ถ้าจะพิจารณาฮะดีษที่ห้ามนิกาห์มุตอะในภาวะสงครามต่างๆจะพบดังนี้ว่า

๑ ห้ามในสงครามค็อยบัร เมื่อเดือนมุฮัรร็อม ปี ฮ.ศ ๗

๒ ห้ามในพิธีอุมเราะอัลกอฎออ์ เมื่อเดือน ซุลฮิจญะ ปี ฮ.ศ ๗

๓-ห้ามในวันพิชิตเมืองมักกะ เมื่อเดือนรอมฎอน ปีฮ.ศ ๘

๔-ห้ามในสงครามฮุนัยน์ เดือนเชาวาล ปีที่ ๘

๕-ห้ามที่เอาฏอส เมื่อเดือนเชาวาล หลังจากสงครามฮุนัยน์ไปได้ประมาณสิบวัน ปีฮ.ศ ๘

๖-ห้ามในสงครามตาบูก เมื่อเดือนรอญับ ปีฮ.ศ ๙

๗-ห้ามที่ฮัจญะตุลวิดาอ์ เมื่อเดือนซุลฮิจญะ ปี ฮ.ศ ที่ ๑๐

ข้อสรุปจากฮะดีษเหล่านี้ ก็คือว่า ในช่วงเวลา ๓ ปี การนิกามุตอะได้รับคำสั่งอนุญาตและได้รับคำสั่งห้ามสลับไปสลับมาถึง ๗ ครั้ง ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องที่แปลกมาก ถ้าเรื่องนี้ป็นความจริง อยากถามว่า อะไรคือเหตุผล อะไรคือวิทยปัญญาของศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ?

รู้สึกว่าจะเกินวิสัยกับการยอมรับโดยสติปัญญา และความสอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง

ยิ่งไปกว่านั้น ตามที่เราพิจารณาจากฮะดีษเหล่านี้ จะพบว่า ในเดือนเดียว มีช่วงจังหวะที่นิกาห์มุตอะได้รับการอนุโลมและรับคำสั่งห้ามถึง ๓ ครั้ง ในความเป็นจริง จะเป็นไปได้อย่างไร ?

นั่นคือ ระหว่างสงครามฮุนัยน์,การเข้าพิชิตเมืองมักกะ,กับที่เอาฏอซ...เมื่อพวกคุณพิจารณาตรงนี้แล้ว จะพอยอมรับความคลุมเครือนี้มายึดถือเพื่อเป็นหลักการศาสนาได้หรือ ?

เท่าที่สรุปได้อีกทีก็คือว่า การนิกาห์ถูกสั่งห้ามครั้งแรกในสงครามค็อยบัร เมื่อ ฮ.ศ ๗ นั่นหมายความว่า ท่านนบี ศ ได้ปล่อยปละละเลยศอฮาบะของท่านกระทำการนิกาห์มุตอะอันน่ารังเกียจในทัศนะของพวกคุณอยู่นานถึง ๒๐ ปี

ตรงนี้จะมีประเด็นคำถามเกิดขึ้นว่า ทำไมท่านรอซูล ศ ถึงได้ปล่อยปละละเลย โดยไม่ได้ห้ามการทำนิกาห์มุตอะอันน่ารังเกียจนั้น เป็นเวลานานถึงขนาดนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะนิยมชมชอบกับมันสักแค่ไหนก็ตาม ? โดยนำเสนอเรื่องนิกาห์ถาวรขึ้นมาเป็นหลักการเดียวที่อนุญาต แล้วยกเลิกนิกาห์มุตอะไปเสียเลย

ในเมื่อมันเป็นหลักปฏิบัติที่อุตริของพวกเขาในสมัยญาฮิลียะฮ์ ตามที่พวกคุณเข้าใจ ?

คำตอบและเหตุผลหนึ่ง ที่ว่าทำไมอุละมาชีอะไม่ยอมรับฮะดีษเหล่านี้ที่ระบุว่า นิกาห์มุตอะถูกสั่งห้าม ก็คือว่า เป็นไปไม่ได้ ที่นิกาห์มุตอะจะมาจากประเพณีของพวกญาฮิลียะ และเป็นไปไม่ได้ที่ท่านนบี ศ จะปล่อยปละละเลยศอฮาบะของท่านให้ใช้ชีวิตอยู่และเสียชีวิตไป(บ้าง)ในความแปดเปื้อนกับสิ่งนั้นอยู่นานถึง ๒๐ ปีเต็ม

การทำซินา เป็นสิ่งชั่วร้าย และเคยเป็นที่นิยมกันในสมัยญาฮิลียะฮ์ เมื่อท่านนบี ศ ของอิสลามโดยอายะกุรอานได้ประกาศห้ามทำไมจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ทันที ไม่เคยมีศอฮาบะคนใด ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านคำสั่งห้าม ซินา

ในเมื่อบรรดาศอฮาบะของท่านนบีล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความคิดอ่าน มีอีมาน มีปัญญาแตกฉาน สามารถรู้จำแนกดีชั่ว พวกเขายอมรับเสมอกับคำสั่งใช้ คำสั่งห้ามของท่านนบี ตราบใดที่ท่านนบีไม่ได้สั่งให้กระทำในเรื่องที่สุดวิสัย

ซึ่งท่านนบีไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องยินยอม โอนอ่อนผ่อนปรน ให้พวกเขาทำในสิ่งผิดนานถึง ๒๐ ปี จนเกิดความเคยชิน

คำตอบ ก็คือว่า ฮะดีษ ๗ ห้าม เหล่านั้น อุละมาทั่วไปจำนวนหนึ่งรวมทั้งอุละมาชีอะสรุปว่า เป็นอุปโลกขนกรรม (ฮะดีษเก๊ะ) ที่อุละมาประจำราชสำนักของกาหลิบและสุลต่านในสมัยหลังทำขึ้น เพื่อรองรับความชอบธรรมให้แก่คำสั่งห้ามที่ผิดพลาดของท่านอุมัรต่างหาก

นี่คือประเด็นคาบเกี่ยวอีกประการหนึ่ง ที่น่าจะถือเป็นกรณีศึกษาเพื่อนำไปพิจารณาถึงกระบวนการตรวจสอบและการรับรองฮะดีษอื่นๆที่มีในตำราบันทึกฮะดีษต่างๆที่มีชื่อเสียงในโลกอิสลาม

ทำไมกระแสหลักจะมุ่งไปหาฮะดีษที่ท่านอะลีบอกเล่าว่า ท่านนบี ศ ห้ามนิกาห์มุตอะในสงครามค็อยบัร พร้อมกับห้ามบริโภคเนื้อลาบ้าน ผมจะนำมาเสนอในช่วงต่อไป ขอให้ท่านลงมือหาหลักฐานมาตอบโต้ให้เต็มที่ เท่าที่ท่านสามารถจะทำได้ อย่าเพียงแต่ด่าๆบ่นๆ อย่างเดียว

ถ้าหากพอมีเวลาเหลือจากดูแลลูกๆและค้นหาหลักฐานมาตอบโต้กับผมแล้ว ก็ขอให้ท่านนำหลักฐานการเล่มมิสยาร มาโปรยให้เป็นขัวญหูขัวญตา ท่านผู้อ่านฟากชีอะบ้างนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 2:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นั่นไง ที่ผมดักคอไว้ก่อนแล้วว่า

ถ้าชีอะฮ์เข้ามาก็อย่าเพิ่งกลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น

แล้วเขาก็กลบเกลื่อนจริงๆ

ผมบอกตั้งแต่แรกว่า

ผมจะชี้แจงให้กระจ่างทีละข้อ และโปรดอย่ากลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น หากคำชี้แจงในข้อนั้นๆ ยังไม่จบสิ้น

แต่ข้อเสนอก็ไม่เป็นผล เพราะเพียงชี้แจงข้อแรกยังไม่ทันจบ ชีอะฮ์ก็จะกลบซะแล้ว รีบตะกายหนีจนตัวตั้ง แต่ผมไม่หลงกล ผมจะชี้แจงข้อที่ 1 ให้จบสิ้น จนกระทั่งครบทั้ง 4 ข้อ

ว่าแต่ว่า ก๊อปลิ้งค์มาวางให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นหลักฐานประจานความบิดเบือน และโกหกมดเท็จของชีอะฮ์มากขึ้นไปอีก

ประเด็นแรกที่ผมกำลังแจงอยู่นี้คือ ข้อหาฉกรรณ์ของชีอะฮ์คือ

1 - เอาฮะดีสเรื่อง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ มาเป็นหลักฐานเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์

2 - ต่อเติมข้อความในตัวบทฮะดีส


คุณ israya ชี้แจงประเด็นข้อหานี้ดีกว่า เพราะคุณนำมาแสดงเองในข้อที่ 1 ไม่เช่นนั้นแล้วเสียชื่อชีอะฮ์ ที่อ้างตนว่า เป็นผู้สัจจริง และข้อความที่คุณโพสต์มาใหม่นี้ ยิ่งเผยให้เห็นถึงการบิดเบื่อน ผมอ่านแล้ว มีข้อมูลมดเท็จเพียบเลย แต่ใจเย็นๆ ผมแจงทีละประเด็น


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 3:56 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรียน ผู้มีเกียรติทุกท่าน โดยเฉาะ ท่านเว็บมาสเตอร์ และอาจารย์อะสัน ที่เคารพ

ผมได้เข้ามาสนทนาเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ กับชีอะฮ์ชื่อ Israya และได้เผยให้เห็นถึงการบิดเบือนหลักฐานจากตำราของชาวซุนนะฮ์ แต่เขาก็ไม่รับผิดชอบในคำพูดและการกระทำของเขาเอง เมื่อผมต้องการพิสูจน์ข้อมูลเท็จที่เขาแสดงทีละประเด็น เขาก็จะหลีกหนีด้วยการโพ้สต์ข้อความนอกประเด็นมากลบเกลื่อน

จึงเรียนท่านเว็บมาสเตอร์และท่านอาจารย์อะสันว่า หากข้อความใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กำลังสนทนา ขอให้ท่านพิจารณา นำข้อความดังกล่าวไปเก็บไว้อีกส่วนหนึ่งก่อน และหลังจากที่สนทนาครบประเด็นแล้วจึงค่อยนำมาโพ้สต์ใหม่อีกครั้ง เพื่อชี้แจงกันเป็นลำดับถัดไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 5:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ali บันทึก:
เรียน ผู้มีเกียรติทุกท่าน โดยเฉาะ ท่านเว็บมาสเตอร์ และอาจารย์อะสัน ที่เคารพ

ผมได้เข้ามาสนทนาเรื่อง นิกะฮ์มุตอะฮ์ กับชีอะฮ์ชื่อ Israya และได้เผยให้เห็นถึงการบิดเบือนหลักฐานจากตำราของชาวซุนนะฮ์ แต่เขาก็ไม่รับผิดชอบในคำพูดและการกระทำของเขาเอง เมื่อผมต้องการพิสูจน์ข้อมูลเท็จที่เขาแสดงทีละประเด็น เขาก็จะหลีกหนีด้วยการโพ้สต์ข้อความนอกประเด็นมากลบเกลื่อน

จึงเรียนท่านเว็บมาสเตอร์และท่านอาจารย์อะสันว่า หากข้อความใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กำลังสนทนา ขอให้ท่านพิจารณา นำข้อความดังกล่าวไปเก็บไว้อีกส่วนหนึ่งก่อน และหลังจากที่สนทนาครบประเด็นแล้วจึงค่อยนำมาโพ้สต์ใหม่อีกครั้ง เพื่อชี้แจงกันเป็นลำดับถัดไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา


.



israya บันทึก:
คุณท่าน ALI ยังไม่เข้าใจหลักเกณฑ์ของการเสวนาปัญหาวิชาการใดๆเลย มัวแต่คิดยึดติดอยู่กับการแบ่งฝักฝ่าย คุณชีอะ ผมซุนนะ อย่างพวกอะศอบียะ เราต้องถอดป้ายแขวนคอสักพักก่อนจะดีไหม

ถ้าเราคิดจะถก จะเสวนากัน เราก็ต้องทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาขัดแย้งในเชิงวิชาการ ไม่ใช่มาค่อนแคะกระแซะคารม แบบเด็กๆ



เมื่อชีอะต้องการจะเสวนาปัญหาวิชาการและทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาขัดเเย้งในวิชาการ
การเสวนาดังกล่าวจะต้องจบเป็นประเด็นไป หลังจากที่ชีอะได้แถลงไปแล้วในแต่ละข้อ
แต่คุณ ALI ยังชี้แจงไม่หมด และกำลังคลี่คลายประเด็นข้อมูลอ้างอิงที่ชีอะยกมาในแต่ละข้อ
จึงไม่อนุญาติให้ชีอะเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่นก่อนที่จะหมดการชี้แจงประเด็นของอีกฝ่าย
หลังจากนี้ถ้าชีอะโพสข้อความที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่อีกฝ่ายกำลังชี้แจงจะทำการลบออก
และหลังจากคุณ ALI ได้คลี่คลายประเด็นในแต่ละข้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเปิดโอกาสให้
ชีอะชี้แจงในประเด็นแต่ละข้อคำถามจากการการโพสของคุณ ALI หากชีอะเลี่ยงประเด็น
การชี้แจงข้อซักถามของคุณ ALI หรือนำประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาโพสเพิ่มอีก
จะทำการลบออก จนกว่าจะได้คลี่คลายปัญหาขัดแย้งในข้อนั้นๆ

_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 11:06 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรียนเวบมาสเตอร์ และที่ทุกท่านครับ

ผมขอชี้แจงดังนี้ นะครับ

๑ ประการแรก ต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า เนื่องจากพวกคุณไม่เคยยอมรับและไม่รับรู้เรื่องราวของนิกาห์มุตอะเป็นพื้นฐานหรือทุนเดิมมาก่อน ฉะนั้นพวกคุณจึงไม่ยอมรับว่า หลักฐานฮะดีษในเรื่องนิกาห์มุตอะนั้น จะมีบันทึกอยู่ในศอฮีฮ์บุคอรีจะมีรวมอยู่ในหมวดว่าด้วยเรื่องฮัจตะมัตตุอ์ ป็นบางฮะดีษ

โปรดทำความเข้าใจกันหน่อยว่า ความเชื่อของนักบันทึกฮะดีษ กับความเชื่อของชีอะในประวัติศาสตร์ ก็ไม่สามารถเข้ากันได้ทั้งหมดอยู่แล้ว แต่นักปราชญ์ชีอะจะสามารถตรวจสอบได้ว่า ฮะดีษใดบ้าง ที่ปรากฏอยู่ในตำราต่างๆของฝ่ายซุนนะที่เป็นเรื่องราวเดียวกับตัวบทฮะดีษที่มีในตำราของชีอะ

ท้งนี้ ถ้าจะพิสูจน์กันอย่างจริงจัง ก็ขอให้ตรวจสอบสาวลึกไปถึงนักรอวีย์ ที่รายงานเรื่องนี้ ทั้งในตำราบุคอรี และตำราของชีอะ ว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ในตำราชีอะเขาใช้ประโยคเดียวกันนี้หรือไม่ ในเมื่อเขากล่าวถึงเรื่องนิกาห์มุตอะ แล้วจะได้ข้อสรุปว่า จริงอยู่ฮะดีษนั้นท่านบุคอรี นำมาบันทึกในกิตาบฮัจญ์ แต่เรื่องราวของมัน เป็นเรื่องนิกาห์มุตอะหรือเปล่า เราสามารถพิสูจน์กันได้ครับ แต่ต้องใจเย็นๆ

ผมจำเป็นต้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ ที่จะขอทำความเข้าใจว่า ทั้งสองประการ คือทั้งฮัจตะมัตตุ และนิกาห์มุตอะ ได้ถูกท่านอุมัรสั่งยกเลิกด้วยกันทั้งสองอย่างในสมัยของท่าน

ซึ่งลักษณะการมุตอะในฮัจญ์ ก็คือการแสวงหาความสุข เหมือนคนธรรมดา ก่อนเข้าพิธีฮัจญ์ มุตอะในความหมายของฮัจญ์ก็คือ เมื่อผู้ครองอิห์รอมเดินทางเข้าเมืองมักกะฮ์ และผ่านขั้นตอนต่างๆจากการทำอุมเราะเสร็จแล้ว ก็สามารถเปลื้องสภาพอิห์รอม เพื่อแสวงหาความสุขเสมือนหนึ่งคนธรรมดาทั่วไปได้เป็นการชั่วคราวก่อน จะถึงวันไปวุกูฟที่อะรอฟะ และนี่คือสิ่งที่ถูกห้ามในสมัยท่านอุมัร

เพราะทั้งฮัจญ์ตะมัตตุกับนิกามุตอะ ท่านอุมัรเคยสั่งห้ามด้วยกันทั้งสองอย่าง ดังปรากฏข้อความในหนังสือสุนันอัลบัยฮะกีย์และอื่นๆ ดังนี้

وأخرج البيهقي في السنن الكبرى ، فلما ولي عمر خطب الناس فقال: إن رسول الله (ص) هذا الرسول، وإن
هذا القرآن هذا القرآن، وإنهما كانتا متعتان على عهد رسول الله (ص) وأنا أنهى عنهما وأعاقب عليهما،
إحداهما متعة النساء، ولا أقدر على رجل تزوَّج امرأة إلى أجل إلا غيَّبته بالحجارة، والأخرى متعة الحج،
افصلوا حجكم من عمرتكم، فإنه أتم لحجِّكم وأتم لعمرتكم


ครั้นเมื่อท่านอุมัร ได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชนนั้น ท่านกล่าวว่า แท้จริงรอซูล(ศ) ก็คือ รอซูลท่านนี้ อัลกุรอานนี้ คือ อัลกุรอานนี้ แท้จริงทั้งสองมุตอะ เคยมีปรากฏในสมัยท่านรอซูล(ศ) และฉันได้สั่งห้ามทั้งสองประการนั้น และคาดโทษไว้สำหรับสองประการนั้น

หนึ่ง คือ มุตอะกับสตรี ฉันไม่สามารถยินยอมให้ชายคนใดแต่งงานกับสตรีคนใด เป็นการชั่วคราว หาไม่แล้ว ฉันจะลงโทษเขาด้วยก้อนหิน

และอีกประการหนึ่งคือมุตอะฮัจญ์ ดังนั้นพวกท่านจงให้ฮัจญ์ของพวกท่านเชื่อมต่อไปจากอุมเราะฮ์ของพวกท่าน เพราะ ว่า มันจะทำให้ฮัจญ์ของพวกท่านและอุมเราะฮ์ของพวกท่านสมบูรณ์

ดังนั้น นี่คือเหตุผลประการที่ ๑ ในอันที่จะอ้างได้ว่า ฮะดีษของอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์(รฎ)ที่ระบุคำว่า ตะมัตตะนา นั้น ถึงแม้ท่านบุคอรี จะนำไปบันทึกในกิตาบฮัจญ์ของท่านก็จริงอยู่ แต่ถ้าเอาไปเทียบกับตำราเล่มอื่น จะพบว่าเป็นเรื่องนิกาห์มุตอะ

อย่างไรก็ตามเราสามารถนำมาอธิบายเรื่องของมุตอะทั้งสองอย่างได้ ซึ่งผมจะร่ายตามลำดับจากทีท่าน Ali แกล้งแปลให้บิดไปจากรูปประโยคไว้เองเหมือนกันดังนี้

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=2494

قال عمران ابن حُصين: تمتعنا على عهد رسول الله (ص) فنزل القرآن. قال: قال رجل (برأيه ماشاء )طبعاً المقصود هو عُـمر بن الخطاب) إقرأ النص بنفسك في صحيح البخاري . باب الحج

คุณ Ali บอกว่า ผมอาสาแปลข้อความข้างต้นให้ดังนี้

อิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ ได้รายงานว่า พวกเราได้ทำ[B]ฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ ในสมัยของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ แล้วอัลกุรอานได้ลงมา เขากล่าวว่า ชายคนหนึ่งได้กล่าวว่า (ด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์) แน่นอนว่าจุดประสงค์ในที่นี้คือ อุมัร อิบนุล ค๊อตต๊อบ โปรดอ่านตัวบทด้วยตัวของท่านเอง จากศอเฮียะฮ์ บุคอรี บทที่ว่าด้วยเรื่องการทำฮัจญ์[/B]

ขอเรียนตามตรงว่า นี่แหละครับ คือการแปลโดยนำเอาเรื่องที่ตัวเองต้องการจะสื่อเข้าไปประกอบ ผมไม่ได้กล่าวหาว่าบิดเบือน แต่รู้ว่าคุณ ali เพิ่มคำว่าได้ทำฮัจญ์ เข้าไปเอง ทั้งๆที่ไม่มีคำว่า ฮัจญ์ ในประโยคนี้เลย

ด้วยเหตุว่า ตามที่จริง ต้องแปลว่า พวกเราได้แสวงหาความสุขชั่วคราว (ตะมัตตะนา)
ซึ่งให้ความหมายได้ทั้งแสวงหาความสุขกับสตรีหรือที่เราเรียกในที่นี้ว่า [B]นิกาห์มุตอะ
หรือจะหมายถึง ฮัจญ์ตะมัตตุอ์ ก็ได้เพราะสองอย่างนี้จริงๆแล้วได้เคยถูกชายคนหนึ่ง นั่นก็คือ ท่านอุมัร ที่ในรายงานนี้อ้างว่า เป็นผู้สั่งห้าม ที่ท่านอุมัรกล่าวว่า [/B]

إنهما كانتا متعتان على عهد رسول الله (ص) وأنا أنهى عنهما وأعاقب عليهما،
إحداهما متعة النساء، ولا أقدر على رجل تزوَّج امرأة إلى أجل إلا غيَّبته بالحجارة، والأخرى متعة الحج،
افصلوا حجكم من عمرتكم، فإنه أتم لحجِّكم وأتم لعمرتكم


ฉะนั้นขอให้เปรียบเทียบดู

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=2494
ลิงค์ที่เขากำกับมานี้ เป็นลิงค์จากตำราฮะดีษของบุคคอรี คำอธิบายจาก ฟัตฮุ้ลบารีย์ ตัวบทฮะดีสมีดังนี้

‏حدثنا ‏ ‏موسى بن إسماعيل ‏ ‏حدثنا ‏ ‏همام ‏ ‏عن ‏ ‏قتادة ‏ ‏قال حدثني ‏ ‏مطرف ‏ ‏عن ‏ ‏عمران ‏ ‏رضي الله عنه ‏ ‏قال ‏
‏تمتعنا على عهد رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏فنزل القرآن قال رجل برأيه ما شاء


จากอิมรอน ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ รานงานว่า พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ ในสมัยของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ แล้วอัลกุรอานได้ลงมา ชายคนหนึ่งได้กล่าว ด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์


นี่ก็เช่นเดียวกันครับ ผมไม่อยากพูดว่าคุณ ali แกล้งเล่นลูกไม้กับผม แต่ผมขอบอกว่า คุณ ali ก็เล่นไม่ซื่อ ถ้าจงใจจะกล่าวหาว่า ผมบิดเบือน เมื่อผมแปลคำนี้ว่า การนิกาห์มุตอะ เพราะเนื่องด้วย ฮัจญ์ตะมัตตุอ์ กับนิกาห์มุตอะนั้น คุณเองเท่านั้น ที่เพิ่งรู้ว่าในสมัยท่านอุมัร เป็นสองอย่างที่ท่านอุมัรนำไปประกบเข้าด้วยกันแล้วสั่งห้าม เหมือนลูกฝาแฝดที่ถูกท่านตัดเยื่อใยให้ลาจากไปด้วยกัน

ฉะนั้น ถ้าคุณมีพื้นฐานเรื่องนิกาห์มุตอะมาก่อนบ้าง ก็คงจะรู้ว่า ฮะดีษว่าด้วยนิกาห์มุตอะนั้นมีแฝงอยู่ในฮะดีษที่กล่าวถึงการยกเลิกฮัจญ์ตะมัตตุด้วย และพวกคุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านอุมัรพูดถึงเรื่องฮัจญ์ตะมัตตุอกับเรื่องนิกาห์มุตอะไว้อย่างไร ท่านอุมัรเรียกว่า

إنهما كانتا متعتان [/B](มุตอะทั้งสอง)

ผมก็ไม่ได้ว่าที่คุณ ali จงใจใส่คำว่า [B]ฮัจญ์
เข้าไป ว่าคุณ ali บิดเบือน แต่ค่อนข้างจะเชื่อได้ว่า คุณ ali จะกลั่นแกล้งผม และเสแสร้งทำกระต่ายตื่นตูม ให้เห็รเป็นเรื่องที่น่ากลัวเอามากๆ อาจเป็นเพทุบายหนึ่ง ในการยุยงให้ผู้คนเข้าใจผิด ต่างๆนานาก็ได้ เพื่อผมจะได้ไม่มีโอกาสเสวนาลงหน้ากระดานนี้ต่อไป

แต่ผมขอเรียนว่า ผมก็มีเหตุผลและไม่มีความจำป็นแต่ประการใดที่ต้องบิดเบือน และผมบิดเบือนไม่ได้หรอกครับ เพียงแต่อาจมีความบกพร่องในบางส่วน ที่มิได้ตรวจสอบสภาพความเข้าใจของคุณ เพื่อจะเสริมคำอธิบายเพิ่มเติมเสียก่อนว่า ฮะดีษนี้นะครับ ถึงแม้จะถูกนำมาบันทึกอยู่ในกิตาบฮัจญ์ของบุคอรีก็ตาม แต่ฮะดีษทำนองนี้แหละครับ ที่อยู่ในเรื่อง มุตอะของตำรานักปราชญ์ท่านอื่น และเฉพาะในที่นี้ ผมจะขอแปลอย่างนี้นะ

เฉพาะเรื่องนี้ถ้าคุณ ali ต้องการจะสื่อถึง เรื่องฮัจญ์ตะมัตตุอ ก็ต้องมีวงเล็บกำกับว่า (ฮัจญ์ตะมัตตุอ์) แต่ถ้าผมจะสื่อถึง การนิกาห์มุตอะ ทีหลังผมก็ต้องวงเล็บกำกับว่า(นิกาห์มุตอะ)เช่นกัน

เพราะเป็นที่เข้าใจสำหรับในหมู่บรรดาอุละมาที่ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ว่าการสั่งห้ามทั้งสองประการนี้ เกิดขึ้นในคราวเดียวกันโดยท่านอุมัร และชื่อเรียกของมันก็หมายความอย่างเดียวกันด้วย

คือ หมายถึง ฮัจญ์ตะมัตตุ ที่เคยถูกชายคนหนึ่งห้าม ทั้งๆไม่มีคำว่า ฮัจญ์ ปรากฏในประโยค แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังหมายถึง การนิกาห์มุตอะ ด้วย ทั้งๆที่ไม่มีคำว่า นิกาห์มุตอะ เพราะเหตุว่า สำนวนฮะดีษนี้คล้องกับฮะดีษที่กล่าวถึงเรื่องมุตอะ ในที่อื่นๆ เช่น

อีกหลักฐานหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าทำไม คุณali ไม่โพสออกมาแปลให้ด้วย ในกลุ่มลิงค์ที่ผมส่งไป ท่านบุคอรีบันทึกว่า

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6687

‏حدثنا ‏ ‏عمرو بن عون ‏ ‏حدثنا ‏ ‏خالد ‏ ‏عن ‏ ‏إسماعيل ‏ ‏عن ‏ ‏قيس ‏ ‏عن ‏ ‏عبد الله ‏ ‏رضي الله عنه ‏ ‏قال ‏
‏كنا نغزو مع النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏وليس معنا نساء فقلنا ألا نختصي فنهانا عن ذلك فرخص لنا بعد ذلك أن نتزوج المرأة بالثوب ثم قرأ ‏


รายงานจากท่านอับดุลลอฮ์ (รฎ)กล่าวว่า เราเคยออกรบพร้อมกับท่านรอซูล ศ และเราไม่มีภรรยา ดังนั้นพวกเรากล่าวว่า เราไม่ต้องตัดขาดจากทางเพศ(แบบขันที)กันหรือ ดังนั้นท่านได้ห้ามพวกเราจากเรื่องนั้น แล้วหลังจากนั้น ท่านก็อนุโลมให้พวกเราแต่งงานกับสตรีด้วยผ้า(ใช้ผ้าป็นมะฮัร) แล้วท่านอับดุลลอฮได้อ่านอายะ

‏يا أيها الذين آمنوا لا تحرموا طيبات ما أحل الله لكم

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาพวกเจ้าจงอย่าหวงห้ามสิ่งดีงามทั้งหลายที่อัลลอฮทรงอนุญาตให้แก่พวกเจ้า

(หมายเหตุ-ศัพท์ที่ผมขีดเส้นใต้ ผมยังไม่แน่ใจ ถ้าคุณali หรือใครช่วยให้ความหมายที่ถูกต้องกว่านี้ได้ ก็ขอขอบคุณเป็นการส่วนตัวมากครับ)

ขอย้ำว่า ไม่ได้มั่ว และไม่ได้บิดเบือนเรื่องฮัจญ์ให้เป็นเรื่องนิกาห์มุตอะ แต่ทว่า ทั้งสองเรื่องนี้ มีความเกี่ยวโยงอย่างแนบแน่น ในฐานะที่ทั้งสองเรื่องนี้ได้ถูกท่านอุมัรสั่งห้ามในสมัยของท่าน เรื่องฮัจญ์ตะมัตตุอ์ได้กลับอนุญาตในยุคหลัง คงค้างคาอยู่ก็แต่นิกาห์มุตอะ

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6512

‏ ‏حدثنا ‏ ‏مسدد ‏ ‏حدثنا ‏ ‏يحيى ‏ ‏عن ‏ ‏عمران أبي بكر ‏ ‏حدثنا ‏ ‏أبو رجاء ‏ ‏عن ‏ ‏عمران بن حصين ‏ ‏رضي الله عنهما ‏ ‏قال ‏
‏أنزلت ‏ ‏آية المتعة ‏ ‏في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏ولم ينزل قرآن يحرمه ولم ينه عنها حتى مات قال ‏ ‏رجل ‏ ‏برأيه ما شاء ‏
فتح الباري بشرح صحيح البخاري
تقدم شرحه وأن المراد بالرجل في قوله هنا " قال رجل برأيه ما شاء " هو عمر


โองการเกี่ยวกับมุตอะฮ์ (มุตอะตุ้ลฮัจญ์) ได้ถูกประทานลงมาในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ โดยพวกเราได้ปฏิบัติมันพร้อมกับท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม โดยไม่มีอัลกุรอานถูกประทานลงมาห้าม จนกระทั่งท่านนบีเสียชีวิต ชายคนหนึ่งได้กล่าวด้วยความคิดเห็นของเขาตามแต่ประสงค์

คุณต้องแปลอย่างนี้ซิครับ คือทีหลังผมเองก็ต้องมีวงเล็บไว้อย่างนี้ เพื่อจะได้ดูออกว่า ประโยคจริงเป็นอย่างไร

เพราะฉะนั้น ถ้าหากเจตนาของผู้รายงานฮะดีษต้องการจะสื่อถึงฮัจญ์อย่างเดียว ก็ย่อมทำได้ ไม่ยากเย็นอะไร แค่พูดอีกคำว่าฮัจญ์ และท่านบุคอรีก็ซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม ท่านไม่ต่อเติมคำว่าฮัจญ์เข้าไปเลย คุณไม่สังเกตบ้างหรือครับ ? ถ้าท่านบุคอรี รู้หมายถึวงฮัจญ์อย่างเดียว ทำไมแค่คำว่า ฮัจญ์ ท่านจะใส่เข้าไปไม่ได้ ? หรือไม่ก็ ทำวงเล็บไว้เหมือนคุณ ก็ยังดี

แต่เป็นเพราะว่า เขาไม่ได้เจาะจงว่าฮะดีษนี้ หมายถึงเฉพาะฮัจญ์อย่างเดียว นักรายงานหรือรอวีย์เอง ก็ไม่ได้รู้ล่วงหน้าด้วยว่า ท่านบุคอรี จะนำเอาคำรายงานของเขาไปลงไว้ในกิตาบอะไร

แต่สำหรับบรรดานักค้นคว้าฮะดีษในสายชีอะเขาจะศึกษามะตันและเนื้อหาฮะดีษออก จนสามารถระบุได้ว่า ฮะดีษนี้ถึงแม้จะถูกบันทึกในกิตาบุลฮัจญ์ แต่ก็มีความหมายพาดพิงถึงเรื่องนิกาห์มุตอะด้วย

อนี่ง ความจริงแล้ว เรื่องการอนุญาตให้นิกาห์มุตอะ ถึงแม้จะไม่ยกหลักฐานฮะดีษจากศอฮีฮ์บุคอรีมาอ้างเลยแม้สักฮะดีษเดียว ก็ยังสามารถทำความเข้าใจกับท่านได้อยู่หรอกครับ ขอเพียงมีใจเป็นธรรม

อยากเรียนท่านเว็บมาสเตอร์ว่า ขอให้สังเกตสถิติผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ด้วยนะครับ ว่าถ้าเปรียบเทียบกับกระทู้อื่นแล้ว ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านปิดประตูผม ก็ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็หนื่อย แต่ขอให้คำนึงถึงคนอ่านบ้างก็แล้วกัน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Wed Oct 21, 2009 1:17 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ญะซากัลลอฮ์ ขอบคุณท่านวิทยากร ที่พิจารณาข้อเสนอของผม

.............................


ได้อ่านคำชี้แจงของ Israya แล้วก็นึกสงสารอยู่เหมือนกัน จะรับซึ่งๆหน้าว่าผิดไปแล้วก็กระไรอยู่ เลยต้องเลียบๆ เคียงๆ ถูกๆ ไถไปก่อน แต่ก็ยังไม่วายทิ้งกลเม็ดไว้อำพรางอีกเช่นเดิม

คุณคงจำได้ที่ผมเคยพูดว่า

ถ้ากล่าวคำว่า มุตอะฮ์ อาจจะหมายถึง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ และอาจจะหมายถึง นิกะฮ์มุตอะฮ์ ก็ได้

มาวันนี้คุณได้มาย้ำคำพูดของผมข้างต้นนั่นแสดงว่า ที่ผมกล่าวมาก่อนหน้านี้ถูกต้องแล้ว
แต่คุณกลับมีปัญหากับคำแปลของผมจากคำว่า تمعنا ที่ผมบรรจงแปลว่า พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ แต่คุณคัดค้านโดยกล่าวว่า


ตามที่จริง ต้องแปลว่า พวกเราได้แสวงหาความสุขชั่วคราว (ตะมัตตะนา)

ผมถามจริงๆ ว่าถ้าใครสักคนหนึ่ง เขาแปลคำนี้จากฮะดีสบทเดียวกันว่า พวกเราได้ทำนิกาห์มุตอะ คุณว่าเขาแปลผิดไหม ทั้งๆที่ไม่มีคำว่า นิกะฮ์ และมุตอะฮ์ อยู่ในประโยคเลย และคนที่ผมว่านี้ก็คือคุณเองนั่นแหละ ผมเอามาให้ดูก็ได้

وأخرج البخاري في صحيحه بسنده عن مطرّف عن عمران بن حصين رضي الله عنه، قال: تمتَّعنا على عهد رسول الله (ص)، فنزل القرآن، قال رجل برأيه ما شاء

ในศอฮีฮ์บุคอรี ๑/๔๖๘ รายงานจากอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ ร ฎ กล่าวว่า พวกเราได้ทำนิกาห์มุตอะในสมัยท่านรอซูล ศ ดังนั้น อัลกุรอานได้ถูกประทานมา เขาได้กล่าวอีกว่า ชายคนหนึ่ง กล่าวไปตามความเห็นที่ตัวเขาเองต้องการ คำแปลของคุณเองในหน้าที่ 22 ข้อความที่ 14

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไม คุณถึงชอบเอาคำของตัวเองปาดคอตัวเองอยู่ร่ำไป

ขอเรียนว่า การที่ผมแปลคำว่าคำว่า تمعنا ว่า พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ นั่นคือคำแปล ที่สื่อให้เข้าใจความหมายวัตถุประสงค์ของฮะดีส ไม่ใช่เป็นเติมคำในตัวบทฮะดีส เหมือนอย่างที่ชีอะฮ์กระทำโดยการเพิ่มคำในฮะดีสว่า يقال له عمر ตามที่เสนอมาแล้วข้างต้น และยังไม่ได้รับคำชี้แจงแต่อย่างใด

ระหว่างคำแปลของผมที่ว่า พวกเราได้ทำฮัจญ์ตะมัตตัวอ์ โดยสื่อถึงความหมายตามวัตถุประสงค์ของฮะดีส

กับคำแปลของคุณที่ว่า พวกเราได้ทำนิกะฮ์มุตอะฮ์ ที่เป็นการแปลผิดและบิดเบือนวัตถุประสงค์ของฮะดีส

คุณตอบได้ไหมว่า คำแปลอันไหนมันเลวร้าย บิดเบือนอย่างไม่น่าให้อภัย


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Wed Oct 21, 2009 1:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya กล่าวว่า

ดังนั้น นี่คือเหตุผลประการที่ ๑ ในอันที่จะอ้างได้ว่า ฮะดีษของอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์(รฎ)ที่ระบุคำว่า ตะมัตตะนา นั้น ถึงแม้ท่านบุคอรี จะนำไปบันทึกในกิตาบฮัจญ์ของท่านก็จริงอยู่ แต่ถ้าเอาไปเทียบกับตำราเล่มอื่น จะพบว่าเป็นเรื่องนิกาห์มุตอะ

คุณโกหกคำโตอีกแล้ว ชีอะฮ์เอ๋ย ที่ผมชี้แจงมาก่อนหน้านี้ว่า ฮะดีสของ อิมรอน บินฮุศ็อยน์ พูดถึงเรื่องมุตอะตุ้ลฮัจญ์ ไม่ใช่พูดถึงเรื่อง นิกะฮ์มุตตอะฮ์ ผมก็เอาจากเว็บลิงค์ที่คุณส่งมานั่น แล้วก็นำมาเผยให้เห็นว่า คุณแปลผิดและบิดเบือนฮะดีส ย้อนกลับไปอ่านที่ผมแฉไว้บ้างซิ

ถ้าคำพูดของคุณข้างต้นนี้ถูกต้อง ดังนั้นลิงค์ที่คุณอ้างมาที่แรกก็มดเท็จ แต่ไม่ใช่ คำพูดของคุณเป็นเท็จต่างหาก มีหรือที่นักวิชาการเขาเอาฮะดีสนี้ไปเปรียบกับตำราเล่มอื่นแล้วบอกว่า ฮะดีสนี้กล่าวถึงเรื่องนิกะฮ์มุตอะฮ์ คุณโกหกและตลกด้านจริงๆ ก็อิบนุฮะญัร อัลอัสก่อลานีย์ ได้อธิบายในฟัตฮุลบารีอย่างโจ่งครึมว่า หมายถึงมุตอะตุ้ลฮัจญ์ และเป็นลิงค์ที่คุณให้มาเองเสียด้วยดังนี้

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=2494

และผมจะแนะให้ ฮะดีสที่รายงานโดย อิมรอน บินฮุศ็อยน์ ที่ระบุชัดเจนว่า มันคือ มุตอะตุ้ลฮัจญ์ ผมเอามาแสดงให้คุณได้เห็นกับตาดังนี้

قال عمران بن حصين نزلت آية المتعة فى كتاب الله يعنى متعة الحج وأمرنا بها رسول الله صلى الله عليه وسلم ثم لم تنزل آية تنسخ آية متعة الحج ولم ينه عنها رسول الله صلى الله عليه وسلم حتى مات قال رجل برأيه بعد ما شاء

“อิมรอนบินฮุศอย์ รายงานว่า โองการเกี่ยวกับมุตอะฮ์ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ หมายถึง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ ได้ถูกประทานลงมา และท่านรอซูลุ้ลเลาะฮ์ก็ใช้ให้พวกเราปฏิบัติ แล้วก็ไม่มีอายะฮ์ใดถูกประทานลงมาเพื่อยกเลิกโองการเกี่ยวกับมุตอะตุ้ลฮัจญ์เลย และท่านนบีก็ไม่เคยห้ามการทำฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์จนกระทั่งตาย ชายคนหนึ่งพูดตามความคิดของเขาสิ่งที่ประสงค์” ซอเฮียะฮ์มุสลิม เลขที่ 2158

ผมว่าคุณยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจมลึกในหุบเหวของความมุสามากขึ้นเท่านั้น


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Wed Oct 21, 2009 1:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya กล่าวว่า

อนี่ง ความจริงแล้ว เรื่องการอนุญาตให้นิกาห์มุตอะ ถึงแม้จะไม่ยกหลักฐานฮะดีษจากศอฮีฮ์บุคอรีมาอ้างเลยแม้สักฮะดีษเดียว ก็ยังสามารถทำความเข้าใจกับท่านได้อยู่หรอกครับ ขอเพียงมีใจเป็นธรรม

หากคุณไม่อ้างศอฮีฮ์บุคอรี ผมก็จะไม่ว่าอะไรคุณเลยแม้แต่น้อย แต่คุณเอามาอ้าง แล้วแปลผิด บิดเบือน ต่อเติมฮะดีส นี่แหละที่ทำให้ผมเฉยไม่ได้

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 23, 24, 25 ... 27, 28, 29  ถัดไป
หน้า 24 จากทั้งหมด 29

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.15 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ