ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อัลกุรอาน ขัดกับฮะดีษ เรื่องพ่อแม่นบี จะยึดไหนดีครับ?
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อัลกุรอาน ขัดกับฮะดีษ เรื่องพ่อแม่นบี จะยึดไหนดีครับ?
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Tue Oct 06, 2009 12:37 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:

โอ ผมผิดอีกแล้วครับ ขอโทษ สะเพร่าขนาดนี้เลยหรือ ผมนี่ ??ขอโทษอีกที แก้แล้ว ก็ยังผิด ขอมะอัฟ ทุกฝ่ายด้วยรับ




คุณรอฟิเฏาะ israya ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณผิดมากซะยิ่งกว่าที่คุณคิดอีก เดี๋ยวผมจะแจงให้อ่าน





israya บันทึก:

ดูเป็นเรื่องแปลกสำหรับคุณจังเลยนะครับ แต่ละเรื่องเนี่ย ก็ทำไมละครับ

พ่อของท่านนบีอิบรอฮีม ก็เป็นคนที่ทำรูปเจว็ดด้วยซ้ำไป ลูกของท่านนบีนูฮฺก็ต้องจมน้ำ เพราะไม่ศรัทธา

เรื่องนี้เป็นข้อเตือนใจครับ ไม่ใช่ว่าเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับบรรดานบี หรือบรรดารอซู้ลแล้วตัวเองจะรอด

เรื่องการศรัทธานี่ ตัวใครตัวมันครับ เช่นเดียวกัน บางคนในประเทศไทย ที่อ้างว่ามีเชื้อสายนบี
นั่นก็ไม่ใช่เครื่องรับรองการรอดปลอดภัยจากไฟนรกด้วยเหมือนกันนะคุณรอฟิเฏาะ israya

ขอเถอะครับ คำถามโง่ๆ ที่แสดงให้เห็นว่ารอฟิเฏาะอ่อนเรื่องประวัติศาสตร์แบบคุณนี่ ยิ่งถามก็ยิ่งแสดงถึงความมั่ว


ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อประชันขันแข่งคำด่าหรือประณามเสียดสีซึ่งกันและกันนะครับ นี่คือประเด็นปัญหาทางวิชาการ ไม่มีใครโง่จริง และไม่มีใครฉลาดจริง ในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา ขอให้พิจารณากันด้วยใจเป็นกลาง แต่เรามาเพื่อทำความเข้าใจกันในส่วนที่พอจะทำความเข้าใจกันได้ เพราะประเด็นเกี่ยวกับพ่อแม่นบีนี้ มีการถกเถียงกันมานานแล้ว และเป็นกรณีศึกษาที่ใหญ่มากในหมู่อุละมาของฝ่ายซุนนะ




อ๋อ ไม่ได้เข้ามาประชัน แต่เข้ามามั่วให้อ่าน โดยมุ่งหวังให้เกิดฟิตนะในสังคมมุสลิมเหรอครับ

ประเด็นที่คุณยกขึ้นมาไม่ได้เป็นปัญหาทางวิชาการของเราเลยครับ เพราะหลักฐานมันพร้อมมูล
อยู่แล้ว อยู่ที่ใครจะจริงใจรับหรือไม่รับแค่นั้น แล้วก็ขอทีเถอะครับ ไอ้ประโยคสุดห่วยของพวกคุณนี่

"ไม่มีใครโง่จริง ไม่มีใครฉลาดจริง" ผมอ่านแล้วนึกถึงประโยคที่มีไว้ลวงมุสลิมที่ว่า
"ไม่มีซุนนีย์ ไม่มีชีอะห์" ฟังแล้วคลื่นไส้น่าดูครับ เขารู้ทันหมดแล้ว แต่ถึงงั้นในทัศนะผม
รอฟิเฎาะมันก็โง่อยู่ดีครับที่เถียงอัลกุรอาน ยกตัวอย่างเช่น โองการศอฮาบะมุฮาญีรีนและอันศอรได้เข้าสวรรค์ แต่ชีอะห์ว่าตกมุรตัด เป็นต้น





และที่ต้องอ่านให้เป็นกลางมันคุณมากกว่าครับ เดี๋ยวลองอ่านที่ผมนำเสนอดูแล้วกัน
เเล้วเดี๋ยวก็รู้เองว่าคุณกลางจริงป่าว?




israya บันทึก:

เกี่ยวกับกุรอานวรรคนี้
وَقُل رَّبِّ ارْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِي صَغِيرًا
และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย
ถามคุณรอฟิเฏาะ israya ว่า พ่อและแม่ของท่านนบี ได้เลี้ยงดูท่านนบีเมื่อตอนเยาว์วัยด้วยเหรอครับ?
ผมนึกว่าแม่ของท่านมีโอกาสเลี้ยงดูแต่เพียงผู้เดียว เพราะพ่อของท่านเสียชีวิตไปก่อนท่านเกิดซะอีก?


ผมยกหลักฐานกุรอานเพื่อค้านรายงานของอะบูฮุร็อยเราะที่แสดงหลักฐานว่า อัลลอฮฺห้ามนบีขออภัยแก่บิดามารดา

เพราะอายะนี้แสดงหลักฐานว่า อัลลอฮ์ สั่งให้ท่านนบีให้ขอเองเลยทีเดียว ไม่เพียงไม่ห้าม
ความจริง ถ้าหากไม่อะศอบียะฮ์กับคำรายงาน คำอธิบายวกไปวนมาของอุละมา ลำพังแค่อายะนี้ อายะเดียว ก็ตัดปัญหาได้ตั้งนานแล้วครับ เพราะกุรอาน คือดะลีลุลก็อฎอีย์ จับเท็จริวายะไหนได้ ถือว่า ริวายะนั้นตกไปโดยปริยาย ริวายะบอกว่า ไม่อนุญาตให้ขอ กุรานบอกว่า สั่งให้ขอ ดูเอาเองก้แล้วกันครับ

ส่วนข้อโต้แย้งของคุณตรงนี้ด้วยการตัดพ้อและถากถางเป็นนัยๆ ว่า พ่อและแม่ของท่านนบี ได้เลี้ยงดูท่านนบีเมื่อตอนเยาว์วัยด้วยเหรอครับ?
ผมนึกว่าแม่ของท่านมีโอกาสเลี้ยงดูแต่เพียงผู้เดียว เพราะพ่อของท่านเสียชีวิตไปก่อนท่านเกิดซะอีก?

คุณไม่ได้แย้งผม แต่คุณแย้งอัลลอฮ์ต่างหาก ไว้ไปถามพระองค์ก็แล้วกัน ได้คำตอบแล้วบอกผมด้วยนะ





อ๋อๆๆ คุณว่าอัลลอฮฺสั่งให้ท่านนบีขอเองนะครับ ชีอะห์มันอ่านอัลกุรอ่านแล้วได้อย่างนี้เอง
ผมใบ้ให้ขนาดนั้นเเล้ว ยังไม่ตรวจสอบความเข้าใจของตัวเองอีกเหรอครับ?

ถามจริงๆ เถอะครับ ชีวิตนี้คุณอ่านอัลกุรอ่านกี่อายะกันแน่?





คุณอ่านโองการ 17/24 ไปแล้ว คราวนี้ผมจะยกโองการก่อนหน้าและตามหลังมาให้คุณอ่านเพิ่มเติมบ้าง






Thai: [17:23] และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดาเมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน





Thai: [17:24] และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา
และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย






Thai: [17:25] พระเจ้าของพวกเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเจ้า หากพวกเจ้าเป็นคนดี ดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน


คุณรอฟิเฏาะ israya ช่วยตอบหน่อยสิครับว่า คำว่า "พวกเจ้า" นี่อัลลอฮฺใช้ใครให้ขอ?


อื้อหือ โง่จริงอย่างนี้นี่เอง ถึงได้ไปเข้ารีตรอฟิเฏาะชีอะห์ เฮ้ออออ.........
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Tue Oct 06, 2009 3:07 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وَقَضَىٰ رَبُّكَ أَلَّا تَعْبُدُوا إِلَّا إِيَّاهُ وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَانًا إِمَّا يَبْلُغَنَّ عِنْدَكَ الْكِبَرَ أَحَدُهُمَا أَوْ كِلَاهُمَا فَلَا تَقُلْ لَهُمَا أُفٍّ وَلَا تَنْهَرْهُمَا وَقُلْ لَهُمَا قَوْلًا كَرِيمًا﴿٢٣﴾

[17:23] และพระผู้อภิบาลของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น

และจงทำดีต่อบิดามารดาเมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าว

แก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน

وَاخْفِضْ لَهُمَا جَنَاحَ الذُّلِّ مِنَ الرَّحْمَةِ وَقُلْ رَبِّ ارْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِي صَغِيرًا﴿٢٤﴾


[17:24] และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา

และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉัน

เมื่อเยาว์วัย

رَبُّكُمْ أَعْلَمُ بِمَا فِي نُفُوسِكُمْ إِنْ تَكُونُوا صَالِحِينَ فَإِنَّهُ كَانَ لِلْأَوَّابِينَ غَفُورًا﴿٢٥﴾



[17:25] พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเจ้า หากพวกเจ้าเป็นคนดี

ดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน


อัลกุรอานถูกประทานลงมายังท่านนบี(ศ) เพื่อประกาศผ่านไปเป็นคำสอนแก่

มนุษยชาติ ใช่แล้ว แต่ในฐานะท่านนบีก็เป็นบ่าวคนหนึ่ง ท่านมีหน้าที่ต้องเป็นแบบอย่างให้แก่

มนุษย์ทั่วไปด้วยในหลายๆเรื่อง ที่ไม่ถูกยกเว้น

เช่นในอายะทั้งสามนี้ อายะแรก อัลลอฮ์ เรียกพระองค์เองว่า พระผู้อภิบาลของเจ้า แล้วออกคำสั่ง

ผ่านต่อไปยังมนุษย์ทั้งหลาย ว่าอย่าเคารพภักดีสิ่งอื่นใด นอกจากพระองค์ สัตว์โลกที่อัลลอฮ์ให้

มันสมอง ย่อมรู้ว่า อัลลอฮ์ ไม่เพียงเป็นพระผู้อภิบาลของนบีมุฮัมมัดคนเดียว แต่เป็นพระผู้

อภิบาลของพวกตนด้วย และคำสั่งที่ห้ามคนทั้งหลายไม่ให้ตั้งภาคี ก็ไม่ได้ยกเว้นแม้แต่ท่านนบี

(ศ)เอง

กล่าวคือ ถ้าหากบรรดาสาวกหรือใครๆเข้าใจว่า อัลลอฮ์เป็นพระผู้อภิบาลของมุฮัมมัดเท่านั้น

เพราะอายะนี้ใช้คำว่า ร็อบบุกะ ไม่ได้ใช้คำว่า ร็อบบุกุม ฉะนั้น อัลลอฮ์ก็ต้องไม่ใช่พระผู้อภิบาล

ของพวกเขา แล้วคำสั่งที่ว่า ห้ามพวกเขาตั้งภาคี เขาก็ไม่ต้องทำตาม เพราะอัลลอฮ์เป็นพระผุ้อภิ

บาลของนบี(ศ)คนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกตน แต่คิดว่าไม่มีสาวกคนไหนเข้าใจเช่นนั้น

ถ้ามองแบบนั้น ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า คำสั่งห้ามทำชริก ก็ต้องไม่รวมถึงท่าน นบีมุฮัมมัด แสดงว่า

นบีมุฮัมมัดถูกยกเว้นข้อห้ามการตั้งภาคีกระนั้นหรือ ? เพราะเป็นคำสั่งที่มุ่งไปยังคนทั้งหลายต่าง

หาก(วัลอะยาซุบิลลาฮ์) น่าอนาถใจแท้ ๆ สำหรับความเข้าใจเช่นนี้ เพราะแม้แต่พวกญาฮิลียะฮ์

หรือพวกกาเฟร ในสมัยนั้น ถ้าได้เข้ามาอ่านอายะนี้ ก็คงไม่เข้าใจเช่นนั้นแน่นอน

คำสั่งให้ทำความดีต่อพ่อแม่ในรูปแบบต่างๆ ในอายะที่ ๒๔ ตามที่เราเข้าใจว่า ถึงแม้พ่อแม่ของ

เราจะล่วงลับแล้ว แต่เรายังสามารถได้รับผลบุญเท่ากับได้ทำความดีต่อพ่อแม่ ตามฮะดีษจาก

ท่านนบี(ศ)ที่บอกว่า ให้เราปรนนิบัติ รับใช้ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อคนที่เป็นญาติใกล้ชิดของพ่อแม่

(ลุง ป้า น้า อา)หรือเพื่อนของพ่อแม่เป็นการทดแทน นั่นแหละเท่ากับเราได้ทำความดีต่อพ่อแม่

ในสมัยที่พ่อแม่ยังมีชีวิต ก็น่าจะใช้ไม่ได้ สำหรับคนที่พ่อแม่ตายไปแล้ว ตามความคิดเช่นนี้

แต่น่าประหลาดใจแท้ สำหรับคนที่คิดว่า คำสั่งเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องกับท่านนบี (ศ) และท่านนบี

(ศ)ไม่มีโอกาสใช้สิทธิตามอายะนี้ แม้ว่าจะเป็นคำสั่งระบุเจาะจงแก่ท่านโดยตรงก็ตาม

ท่านเข้าใจไปได้อย่างไร ที่ว่า คำสั่งให้ขอความเมตตาแก่พ่อแม่ ไม่ใช่คำสั่งแก่ท่านนบี(ศ) ทั้งๆที่

รูปกิริยาคำสั่งระบุว่า กุล อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นคำสั่งที่ตกมายังตัวท่านนบี(ศ)เองโดยตรงอย่างเปิด

เผย ไม่คลุมเครือ

ความเข้าใจอัลกุรอานเช่นนี้มีที่มาจากนักตัฟซีรคนไหน มัซฮบใดกันแน่ ? จึงได้ผิดเพี้ยนไป

จากความเข้าใจของคนมุสลิมทั้งหลายในโลกจนถึงขนาดนี้

น่าอนาถใจเหลือเกิน ถ้าหากว่า บรรดาสาวกทั้งหลาย ไม่ว่าอะบูบักร์ อุมัร อุษมาน อะบูซุฟยาน

อะบูฮุร็อยเราะฮ์ฯลฯ ทั้งๆที่พ่อแม่ของพวกเขาเป็นกาเฟรอย่างชัดเจนและแท้จริง แต่กลับได้รับ

สิทธิตามคำสั่งในอายะนี้ ว่าให้กล่าวดุอาขอพรตามประโยคนั้นได้

แต่ตัวท่านนบี(ศ)เองกลับถูกยกเว้น มิให้ใช้สิทธิข้อนี้ ทั้งๆที่ได้รับคำสั่งว่าให้กล่าว แต่ไม่มี

โอกาสกล่าว กระนั้นหรือ ? นี่เป็นความเข้าใจของคนมีสติปัญญาจริงๆหรือไรกันแน่ ?

นึกภาพไม่ออกสักนิดเลยว่า ท่านนบี(ศ)จะทำอย่างไรกับโองการนี้ ในเมื่อท่านถูกสั่งให้กล่าว แต่

กล่าวไม่ได้

เพราะคำกล่าวนั้นมีไว้สำหรับคนอื่น และต้องห้ามสำหรับท่าน สงสัยการตัฟซีรเช่นนี้เสียเหลือ

เกิน จะว่ามาจากพวกญาฮิลียะฮ์ก็ไม่ใช่ จะมาจากพวกเบดูอินที่เลี้ยงอูฐอยู่ในทะเลทรายก็ไม่

เชิง คงจะมาจากตัฟซีรของพวกญินที่ไม่ประสงค์ดีต่ออัลกุรอานอย่างแน่นอน ไม่ใช่ความเข้าใจ

ของพวกมนุษย์

ผมยอมรับเสมอว่า ตัวเองยังเป็นคนญาเฮล ด้อยความรู้ และโง่อยู่หลายเรื่อง ไม่เคยคิดว่าตัวเอง

เก่งกาจปราดเปรื่อง ฉะนั้น อย่าได้ถือสาคนโง่อย่างผมนะครับ ถ้าหากเกิดตอบอะไรไปไม่ถุก

ต้อง และโปรดช่วยชี้แนะด้วยน้ำใจไมตรีด้วยนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Tue Oct 06, 2009 5:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นั่นไง ผมว่าแล้ว คุณอ่านอัลกุรอานมาแค่ไม่กี่อายะจริงๆ ด้วย แล้วรอบนี้คุณผิดอีกแล้วครับ
คำว่า รอบบุกุ้ม เห็นกันอยู่ชัดๆ ในอายะที่ 17/25 ต้นโองการเลย คุณอ่านแค่โองการเดียว
แล้วก็ใช้ความคิดมั่วๆ ของตัวเองสรุป ไม่สนใจความเข้าใจจากโองการอื่นเลย ทั้งรอบบุก้า
และรอบบุกุ้มมันก็มีอยู่ด้วยกันทั้งสองคำ ในอายะที่เกี่ยวเนื่องกัน ใครมันจะเข้าใจแบบคุณ
ครับว่าเป็นพระผู้อภิบาลของท่านนบีมูฮัมหมัดอย่างเดียว? คุณอ่านแค่ไม่กี่โองการก็รีบสรุปซะแล้ว อย่างนี้วัยรุ่นเขาเรียก ไม่เช็ค
นอกจากจะไม่เช็คเรื่องอัลกุรอ่านแล้ว ประวัติของศอฮาบะก็ยังไม่เช็คอีก ดันมาบอกว่า
บรรดาศอฮาบะที่คุณยกชื่อมา พ่อแม่เป็นกาเฟรหมด อย่างน้อยท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ มารดาของท่าน
เข้ารับอิสลามนะคุณรอฟิเฏาะ ไปเช็คที่นี่


อบู ฮุรอยเราะฮฺ อัดเด๊าซียฺ
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=9




อ้าวอะไรเนี่ย!!! รอฟิเฏาะชีอะห์สอบตกเรื่องประวัติศาสตร์อีกครั้งแล้ววววว !!!!




ความจริงประเด็น กระทู้ที่คุณตั้งไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากหรือเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอะไรเลยครับ ที่มันเข้าใจยาก
เพราะคุณไปอ่านมาแค่ไม่กี่อายะฮฺ ไม่กี่บทความ แต่ร้อนวิชาอยากจะเผยความฉลาดน้อย(ก็โง่นั่นแหละ) ออกมามาก โดยไม่เช็ค
ถ้าเข้าใจจริง ก็จะเห็นเลยว่าไม่ได้ขัดเเย้งกันสักนิดระหว่างอัลกุรอานและอัลฮาดีษ แต่ที่มาตั้งกระทู้นี่ ยังกับว่าเพราะอ่านมาแค่อายะเดียวแล้วมั่วเอา

อัลลอฮฺใช้ให้มุสลิมขอดุอาอฺให้พ่อแม่ ในกรณีที่มุสลิมคนนั้นมีพ่อแม่เป็นมุสลิม
แต่ก็ไม่ใช่ว่าบรรดามุสลิม(หรือศอฮาบะฮฺ)ทุกคนจะขอเช่นนั้นได้ เพราะพ่อแม่ของพวกเขาบางคนไม่ได้เป็นมุสลิม
อีกทั้งท่านนบีเองก็ยังถูกห้ามการขอให้แก่มารดาของท่าน แต่ได้รับอนุญาติให้ไปเยี่ยมกูบูรได้
เรื่องนี้ไม่ว่ามุสลิมคนไหนๆ ก็ต้องทำใจรับ แม้จะไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนั้น
จะไปใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินศาสนาไม่ได้ แม้ว่าอยากจะขอให้ใจจะขาด
แต่ก็มีอัลกุรอานโองการที่ห้ามไว้






Thai: [9:113] ไม่บังควรแก่นบีและบรรดาผู้ศรัทธาที่จะขออภัยโทษให้แก่พวกตั้งภาคี และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดกันก็ตาม ทั้งนี้หลังจากเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นชาวนรก




Thai: [9:114] และการขออภัยโทษของอิบรอฮีมให้แก่บิดาของเขามิได้ปรากฏขึ้น นอกจากเป็นสัญญาที่เขาได้ให้ไว้แก่บิดาของเขาเท่านั้น แต่เมื่อได้เป็นที่ประจักษ์แก่เขาแล้ว แท้จริงบิดาของเขาเป็นศัตรูของอัลลอฮ์ เขาก็ปลีกตัวออกจากบิดาของเขาแท้จริงอิบรอฮีมนั้นเป็นผู้อ่อนโยน และเป็นผู้มีขันติอดทน



ก็ต้องอดทนกับการทดสอบจากพระเจ้าแบบนี้ครับ พระองค์มีสิทธิจะทดสอบใครยังไงก็ได้
และ อ้อ อย่าบอกนะครับ ว่าคุณไม่รู้ว่าสาเหตุของการประทานอัลกุรอานอายะที่ 9/113 นี่
ประทานลงมาเพราะสาเหตุที่บิดาของอิมามคนที่เท่าไหร่ของคุณได้เสียชีวิต? ถ้าไม่รู้ โอ้ เสร็จแน่ แค่ร้อนวิชา



ส่วนประเด็นที่คุณเขียนว่า "แต่ตัวท่านนบี(ศ)เองกลับถูกยกเว้น มิให้ใช้สิทธิข้อนี้" โอโห
นี่เขียนมาจากอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ บวกมั่วอีกหลายกระบวนท่า เอ้า เห็นคุณอยากให้ท่านนบี
ได้ใช้สิทธินี้ ทั้งๆ ที่ท่านถูกห้าม งั้นลองมาดูท่านใช้สิทธิกันครับ ว่าจะเป็นยังไง เริ่มจากตรงโองการที่ 17/23 กันเลย


ตรงโองการที่ระบุว่า
"พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น
และจงทำดีต่อบิดามารดาเมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า
"

ที่อัลลอฮฺสั่งเรื่องอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺสั่งให้ท่านนบีกล่าวเป็นการเฉพาะ
ในโองการอื่นด้วยแล้วครับ ไม่เชื่อก็ลองหาดู (อย่าบอกนะว่าหาไม่ได้) ต่อมาคือ เรื่องทำดีกับบิดามารดา
ก็เเล้วบิดาหรือมารดาของท่านนบี บรรลุสู่วัยชราอยู่กับท่านนบีมั้ยล่ะครับที่อยากให้ใช้สิทธิ์?
บิดามารดาของท่านเสียไปตั้งแต่ท่านยังไม่เกิดหรือยังเล็ก งั้นสิทธิที่จะทำดีต่อบิดามารดาตรงนี้นบีไม่ได้

เห็นมั้ยครับ ขนาดนบีไม่ได้ทำดีต่อบิดามารดาของท่านไว้ให้เห็นเป็นแบบอย่างแก่เรา แต่เราก็ยังต้องทำดี
ต่อบิดามารดาของเราเหมือนกันเพราะอัลลอฮฺสั่ง ดังนั้น ก็ไม่เเปลกครับ ที่ท่านนบีจะไม่ได้ขอดุอาให้แก่
บิดามารดาของท่าน แต่เราก็ยังต้องขอดุอาให้แก่บิดามารดาของเราที่เป็นมุสลิม

ผมว่าคุณเช็คเรื่องความเข้าใจในสรรพนามบุรุษที่ 1,2,3 ฯลฯ ของคุณดีกว่า...


--------------------------------------------------------------------------------------


ตรงโองการที่ระบุว่า
"ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง
และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน
"

ตอนที่พ่อแม่ท่านนบียังอยู่ ท่านยังเล็กหรือยังไม่เกิดเลยครับ ตอนนั้นท่านนบีก็ยังเล็ก
ยังพูดไม่ได้ จะมาพูดจาดื้อดึงไม่ดี หรือขู่เข็ญกับท่านทั้งสองได้ยังไง? หรือท่านจะพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยคำที่อ่อนโยน
ท่านก็ยังเล็ก หรือยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป จะพูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยนได้ยังไงล่ะนี่?

เห็นมั้ยครับ อีกแล้วที่ท่านนบีไม่ได้พูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยนให้เป็นแบบอย่าง แต่เราเอง
ก็ยังต้องพูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยนกับท่านทั้งสองของเรา


--------------------------------------------------------------------------------------


ตรงโองการที่ระบุว่า
"และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา"

ก็ท่านนบีจะนอบน้อมแก่ท่านทั้งสองและถ่อมตนด้วยได้ยังไงครับ ก็ในเมื่อตอนที่ท่านนบีรู้ความ
ทั้งบิดามารดาของท่านก็ไม่อยู่แล้ว ที่ยังพอทำได้ตอนนี้ ก็คือการไปเยี่ยมกูบูรตามที่ระบุในหะดีษ ก็เพราะอัลลอฮฺอนุญาติ


--------------------------------------------------------------------------------------


ตรงโองการที่ระบุว่า
"และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย "

ก็เเล้วท่านนบีจะขออย่างนี้ มันจะไปตรงกับความเป็นจริงได้ยังไงครับ ในเมื่อบิดามารดาของท่านนบี
ที่ได้เลี้ยงดูท่านนบีเมื่อตอนเยาว์วัย มีแค่มารดาของท่านเท่านั้น บิดาของท่านไม่ได้เลี้ยงดูเพราะเสียไปก่อน
ทำไมอัลลอฮฺไม่บอกให้ท่านขอความเมตตาต่อมารดาเท่านั้น เพราะมารดาของท่านเท่านั้นที่ได้เลี้ยงดูเมื่อเยาว์วัย?
จะให้เข้าใจแบบคุณว่า อัลลอฮฺสั่งให้ขอให้ท่านทั้งสอง ทั้งๆ ที่มีแต่มารดาเท่านั้นที่เลี้ยงดูท่านในยามเยาว์วัย
เข้าใจของคุณแบบนี้แหละครับ ที่ขัดแย้งกันเองกับความเป็นจริง และตรงนี้แหละ ที่คุณต้องเช็คเรื่องการใช้สรรพนามของคุณ


--------------------------------------------------------------------------------------


ตรงโองการที่ระบุว่า
"พระเจ้าของพวกเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเจ้า
หากพวกเจ้าเป็นคนดี ดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน
"

แน่นอนครับ อัลลอฮฺรู้ดีในจิตใจของท่านนบีและพวกเราอยู่แล้วว่าเป็นเช่นไร แต่ช่วงที่เขียนว่าแบบนี้สิครับ
"หากพวกเจ้าเป็นคนดี ดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน"
ถ้าเอาตามคุณ ก็ฟังดูแปลกๆ ครับ เพราะท่านนบีเป็นคนที่ดีที่สุดของคนดีอยู่แล้ว ทำไมต้องใช้คำว่า "หากพวกเจ้าเป็นคนดี"
แล้วไม่พอถ้าเข้าใจแบบคุณ ก็ท่านนบีทำอะไรผิดครับ ถึงต้องกลับเนื้อกลับตัว?


นะอูซูบิลลาฮฺ, วัลลอฮูอลัม



ทั้งหมดนี้ ถามคุณรอฟิเฏาะ israya ว่า ต่อให้ท่านนบีใช้สิทธิ์แล้ว ท่านนบีได้ตรงตามที่ใช้หรือไม่?


คุยกับคนที่เอาความรู้สึกส่วนตัวนำหน้าหลักการก็ลำบากอย่างนี้แหละ
งอแงจะเอาให้ได้เหมือนเด็ก ไม่ดูความเป็นจริง เฮ้ออออ.........
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Tue Oct 06, 2009 8:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นั่นไง ผมว่าแล้ว คุณอ่านอัลกุรอานมาแค่ไม่กี่อายะจริงๆ ด้วย แล้วรอบนี้คุณผิดอีกแล้วครับ

ผมหมายถึงสาวกที่พ่อแม่ตายไปก่อนท่านนบีจะได้รับวะห์ยู จงหยุดการใส่ร้าย อ่านคำตอบของ

ผมเสียใหม่ อ่านย้อนตั้งแต่อายะต่างๆเกี่ยวกับดุอาของอิบรอฮีม คุณไม่เชื่อถือดุอาของมุฮัมมัดหรือ

งั้น ก็น่าจะเชื่อดุอาของนบีอิบรอฮีมนะ และคุณคงไม่รู้ว่าดุอาของบรรดานบีนั้น มุสตะญับเพียงใด

อ่านให้ดีๆเนียนๆ แล้วอ่านฮะดีษของมุสลิม ของฏอบรอนีย์ เหล่านั้นล้วนเป็นฮะดีษศอฮีฮ์ ยังมี

รายงาน ที่ศอฮีฮ์อีกด้วยเล่าอย่างชัดเจนว่า อัลลอฮ์ทรงคัดเลือกครรภ์ของหญิงที่มุฮัมมัด จะมา

ปฏิสนธิในครรภ์ คุณศึกษาต้นตระกูลของท่านนบีแค่ไหน

คำว่า มุฮัมมัด ใครเป็นผู้ตั้งชื่อ ? และใครเป็นผู้มาสั่งให้คนผู้นั้นเรียกชื่อนี้ ?หรือพวกคุณคิดว่า

เป็นนิยาย เป็นไปไม่ได้หรือ ที่มีคนส่วนหนึ่งจดจำคนแรกที่ขานชื่อว่ามุฮัมมัด ให้คนอื่นได้ยิน

แล้วเป็นไปได้หรือที่กาเฟร ความเชื่อเหล่านี้ พวกคุณไม่ต้องกลัวว่า ว่านี่เป็นความเชื่อ

ของชีอะฝ่ายเดียว หามิได้ ยังมีอุละมาของพวกคุณอีกมากที่เชื่อว่าพ่อแม่นบีไม่ใช่มุชริก

แม้กระทั่งท่านมุสลิม ที่พวกคุณเชื่อรายงานบันทึกของท่านในเรื่องนี้ ท่านมีสองรายงาน ขัด

แย้งกันเอง ทำไมพวกท่านจึงให้น้ำหนักกับฮะดีษบทนั้นอย่างเดียว มุชริกจะมาตั้งชื่อนี้ให้แก่

ท่านนบี ทำความเข้าใจภาษาเสียให้ดีๆด้วย ผมถือว่า สาวกนบีทุกคนย่อมมีสิทธิขอพรให้พ่อแม่

ล่วงลับก่อนหน้าที่ท่านนบี ศ รับวะห์ยู ทุกท่านล้วนมีสิทธิขอพรให้พ่อแม่ทั้งนั้น ถ้ามารดาอะบูฮุ

ร็อยเราะเป็นมุสลิมแล้ว ก็ยิ่งดีใหญ่ ไม่ได้ว่าไร เพียงแต่ ผมต้องการยืนยันว่า ท่านนบี ศฯใน

ฐานะเป็นหัวหน้ามนุษย์ที่ต้องอีมานต่อคัมภีร์ ย่อมถูกสั่งให้ขอพรแก่พ่อแม่ตัวเองก่อนใคร

เพราะวะห์ยูตรัสว่า (กุล จงกล่าวเถิด) ร็อบบิ โอ้พระผู้อภิบาล ร ฮัม ดปรดเมตตา ฮุมา ท่านทั้ง

สอง) ผมยืนยันว่า คำว่าจงกล่าว นั้น คือ อัลลอฮ์ใช้ท่านนบีให้กล่าว ก่อนคนอื่น เป็นอันดับ

แรก ? และนี่หลักฐานจับเท็จรายงานของอะบูอุร็อยเราะฮ์ที่ว่า อัลลอฮ์ไม่อนุญาตให้นบีขอ ไม่ได้

ปรักปรำว่าอะบูฮุร็อยเราะกล่าวเท็จด้วยตัวเอง เพราะมีหลายฮะดีษนักรอวีย์แต่งขึ้น แล้วอ้างโยง

ไปหาชื่ออะบูฮุร็อยเราะ ลองอ่านประวัติอะบูฮุร็อยเราะในเว็บนั้นดู อาจมีอธิบายอย่างนี้ แล้วจะรู้

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คุณไม่มีพื้นฐานความรู้ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอัลกุรอานกับมนุษย์แม้

แต่น้อย คุณได้รับความเข้าใจแบบนี้มาจากตำราเรียนเล่มไหน ตัฟซีรอะไร ใครเขียน ใครเป็น

ครูสอนกุรอานให้คุณ ที่สอนคุณว่าอายะนั้น อัลลอฮ์มิได้ตรัสกับท่านนบี ว่าจงกล่าว ยังมีใครเป็น

หุ้นส่วนกับนบีในการรับวะห์ยูอีกหรือ ในเมื่อทุกตัฟซีรยืนยันคำว่า”กุล” เป็นกิริยาคำสั่งจากอัล

ลอฮ์ (ฟิอ์ลุลอัมร์) แด่ท่านนบี(ศ) คุณหรืออุละมาระดับไหนก็แล้วแต่ ถ้าเอาอารมณ์ความรู้สึกอาศอ

บียะต่ออะบูฮุร็อยเราะ แทนการเคารพในเหตุผลและเจตนารมณ์ของอัลลอฮ์ คุณตัฟซีรอัลกุ

รอาน ด้วยความบิดเบือนจากอารมณ์และความเห็น ความคิดของคุณโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง

แถมคุณเป็นคนที่ไม่เข้าใจสำนวนภาษาพูดอีกด้วย อายะที่ ๒๔ คุณต้องการจะบิดเบือนคำว่า

กุล ให้แป็นความหมายไปอีกทางหนึ่ง แต่พอยก เอาอายะที่ ๒๓ ไปเปรียบเทียบกับความเข้าใจ

ผิดเช่นนั้น คุณกลับพาลไปว่าเขาอีก ทำไมสายตาทางจิตใจของคุณมันมืดบอดขนาดนี้ หรือว่า

ตกลงแล้ว คุณนี่เป็นอันธพาลหรือศัตรูของอัลกุรอาน กันแน่ คุณบิดเบือนความหมายในโองการ

ที่ ๒๔ ไปเสียเฉยๆ


แน่นอนครับ บิดาของท่านนบีที่ชื่ออับดุลลอฮ์ เสียชีวิตตั้งแต่ท่านนบีเริ่มอยู่ในครรภ์มารดา ให้

ไขว้เขวหรือผู้มีความรู้กันแน่ ผมงงจริงๆ แต่โดยหลักการของอิสลาม หากบิดาตายไป ถ้ามีปู่ ก็ให้

ถือว่าปู่นั่นแหละ อยู่ในฐานะผู้ปกครองของเด็กเฉกเช่นบิดา หากไม่มีปู่ ก็ให้ถือเอาบุคคลใกล้ชิด

รายถัดไปเป็นผู้ปกครองอีกตำแหน่งหนึ่ง และนี่คือหลักการทางศาสนาอิสลามที่ถือปฏิบัติกันมา

ช้านาน จนถึงวันนี้ การที่พ่อของอับดุลลอฮ์(อับดุลมุตตอลิบ)ทำหน้าที่เลี้ยงดูมุฮัมมัด ศ แทนอับ

ดุลลอฮ์นั่นแหละ คนทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ว่างตรงนั้น คุณใช้ความคิดสัพรังเคตัดสินชี้ขาดความ

หมายของอัลกุรอานแบบนี้ มีโทษจากอัลลอฮ์อย่างมหันต์ หรือว่าคุณมีหลักฐาน จากคัมภีร์เล่มอื่น

หรือว่ามาจากอายะไหนของอัลกุรอาน หรือมีหลักฐานสนับสนุนความคิดบิดเบือนมาจากฮะดี

ษไหน ที่บอกว่า ห้ามปู่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูแทนบิดา สัปดนแท้ๆคุณนี่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Oct 06, 2009 8:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation พี่น้องผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน

จริงๆไม่ค่อยสบายใจนัก ที่คุณชีอะฮ israya มาตั้งกระทู้ เรื่องพ่อแม่นบี Solallah เพราะเรื่องนี้ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหลักอะกีดะฮอิสลาม และไม่ได้เกี่ยวกับหลักปฏิบัติ ผมจึงวางเฉยไม่ได้เข้ามาเสวนา เพราะเห็นว่า มีผู้นำเอาบทความอาจารย์ปราโมทย์ มาลงแล้ว ถ้าคุณชีอะฮ israya อ่านอย่างมีวิจารณญาน และเปิดใจกว้าง บทความข้างต้น ก็เพียงพอแล้ว ผมขอเพิ่มเติมจากบทความปราโมทย์อีกนิดแล้วขออนุญาตปิดกระทู้

عَنْ أبِي هُرَيْرَةَ قَالَ زَارَ النَّبِيُ صَلىَ الله ُعَليْهِ وَسَلَّمَ قَبْرَ أُمِّهِ فَبَكَى وَأبْكَى مَنْ حَوْلَهُ فَقَالَ اِسْتَأدَنْتُ رَبِّي فِي أنْ أسْتَغْفِرَ لَهَا فَلَمْ يُؤْدَنْ لِي وَاسْتأَدَنْتُهُ فِي أنْ أزُوْرَ قَبْرَهَا فَأدِنَ لِي فَزُوْرُوا القُبُوْرَ فَاِنَّهَا تُدَكِّرُ المَوْتَ
“อบีฮุรอยเราะห์ รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ไปเยี่ยมหลุมศพแม่ของท่าน แล้วท่านก็ร้องไห้ จึงทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างท่านร้องไห้ไปด้วย ท่านกล่าวว่า ฉันร้องขออนุญาตต่อองค์อภิบาลของฉันในการขออภัยโทษให้กับแม่ของฉัน แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต ฉันจึงขออนุญาตต่อพระองค์ในการเยี่ยมหลุมศพแม่ของฉัน แล้วพระองค์ก็ทรงอนุญาต ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายควรเยี่ยมหลุมศพกันเถิด เพราะมันทำให้ระลึกถึงความตาย” (ศอเฮียะห์มุสลิม กิตาบุ้ลญะนาอิซ ฮะดีษเลขที่ 1622)
........

อิหม่ามนะวาวีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)อธิบายว่า

فيه أن من مات في الفترة على ما كانت عليه العرب من عبادة الأوثان فهو من أهل النار ، وليس هذا مؤاخذة قبل بلوغ الدعوة ، فإن هؤلاء كانت قد بلغتهم دعوة إبراهيم وغيره من الأنبياء صلوات الله وسلامه عليهم "

ในหะดิษนี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่อยู่ในยุคฟัตเราะฮ(ยุคที่ไม่มีนบีถูกส่งมาหรือขาดช่วงต่อระหว่างนบี)) ได้เสียชีวิต บนสิ่ง(ความเชื่อ)ที่ชาวอาหรับเป็นอยู่จากการบูชาเทวรูป เขาคือส่วนหนึ่งจากชาวนรก และ กรณีนี้ ไม่ใช่เป็นการเอาผิดก่อนการดะฮวะฮ(เชิญชวนสู่อิสลาม)มาถึง เพราะพวกเขาเหล่านี้ การดะฮวะฮของนบีอิบรอฮีมและอื่นจากท่าน จากบรรดานบี (ขอให้บรรดาพรและความสันติสุขของอัลลอฮ จงประสบแด่พวกเขา) ได้ถึงมายังพวกเขาแล้ว " - ชัรหุมุสลิม เล่ม 3 หน้า 79

มีบางคนอ้างว่า พอ่แม่นบี Solallah ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ แล้วได้ศรัทธาต่ออิสลาม เรื่องนี้ ท่านอัลอะซีม อาบาดีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้อธิบายว่า

كل ما ورد بإحياء والديه صلى الله عليه وسلم وإيمانهما ونجاتهما أكثره موضوع مكذوب مفترى ، وبعضه ضعيف جداً لا يصح بحالٍ ، لاتفاق أئمة الحديث على وضعه وضعفه كالدارقطني والجوزقاني وابن شاهين والخطيب وابن عساكر وابن ناصر وابن الجوزي والسهيلي والقرطبي وجماعة "

ทุกหะดิษที่รายงานว่า พ่อแม่ของท่านนบี Solallah ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ,ท่านทั้งสองได้ศรัทธาและปลอดภัยจากนรกนั้น ส่วนมากเป็นหะดิษที่ถูกปลอมขึ้นมา,เป็นการโกหกและอุปโลกน์เรื่องเท็จขึ้นมา และบางส่วนของมัน เป็นหะดิษที่เฎาะอีฟเป็นอย่างมาก ไม่เศาะเฮียะเลยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นมติของบรรดาอิหม่ามแห่งหะดิษ ว่า เป็นหะดิษปลอมและหะดิษเฏาะอีฟ เช่น อัดดารุ้ลกุฏนีย์, อัลเญาซะกอนีย์,อิบนชาฮิดัยน์ ,อัลเคาะฏีบ,อิบนุอะสากีร,อิบนุนาศีร,อิบนุลเญาซีย์,อัสสุฮัยลีย์,อัลกุรฏุบีย์ และคณะนักหะดิษกลุ่มหนึ่ง" - ดู เอานุลมะฮฺบูด เล่ม 12 หน้า 492และมัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 4 หน้า 324

หน้าที่ของพวกเราจะต้องตระหนักว่า การมีตระกูลเดียวกันกับคนดีนั้น ไม่ได้ทำให้มนุษย์ปลอดภัยจากการลงโทษของอัลลอฮ ตะอาลา ดังที่ท่านอิ ม่ามนะวาวีย์ได้กล่าวว่า

من مات على الكفر فهو في النار ولا تنفعه قرابة المقربين "

ผู้ใดตายในสภาพที่เป็นกุฟุร เขาก็อยู่ในนรก และการเป็นญาติใกล้ชิดกับบรรดาผู้ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้านั้น ไม่ได้ก่อประโยชน์ ให้แก่เขาแต่ประการใด" ดู ชัรหุมุสลิม 3/79

ท่านนบี Solallah กล่าวว่า

يا معشر قريش اشتروا أنفسكم لا أغني عنكم من الله شيئاً ، يا بني عبد مناف لا أغني عنكم من الله شيئاً ، يا عباس بن عبد المطلب لا أغني عنك من الله شيئاً ، ويا صفية عمة رسول الله لا أغني عنك من الله شيئاً ، ويا فاطمة بنت محمد سليني من مالي ما شئت لا أغني عنك من الله شيئاً

"โอ้ชาวกุเรช เอ๋ย พวกท่านจงซื้อตัวของพวกท่านเถิด ฉันไม่สามารถช่วยเหลือพวกท่านจากการลงโทษของอัลลอฮได้เลย ,โอ้ลูกหลานอับดุลมะนาฟ ฉันไม่สามารถช่วยเหลือพวกท่านจากการลงโทษของอัลลอฮได้เลย,โอ้อับบาส บุตร อับดุลมุฏเฏาะลิบ ฉันไม่สามารถช่วยเหลือท่านจากการลงโทษของอัลลอฮได้เลย,โอ้เศาะฟียะฮ อา ของรซูลุ้ลลอฮ กระผมไม่สามารถช่วยเหลือ ท่านจากการลงโทษของอัลลอฮได้เลยและโอ้ ฟาติมะฮ ลูกสาวของมุหัมหมัด เจ้าจงขอพ่อ จากทรัพย์สินของพ่อเถอะ ตามที่เจ้าต้องการ พ่อไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าจากการลงโทษของอัลลอฮได้เลย" - รายงานโดยบุคอรี(2753)และมุสลิม(206)
.........

والله أعلم بالصواب

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2
หน้า 2 จากทั้งหมด 2

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.20 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ