ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
“มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 8, 9, 10 ... 21, 22, 23  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ลัทธิ-นิกาย
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 10:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



“ขอบอกให้ทั้งทั้งหลายและคุณวิทยากร ทราบและเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ว่า ผม “เชื่อฟังท่านนบีมูฮัมมัด” และ การปฏิบัติของท่าน ทุกๆอย่าง ที่ “พระองค์อัลลอฮ์ มีบัญญัติ ไว้ ในอัลกุรอาน อย่าง 100 % ทุกอย่างที่ เป็น “วะฮีย์ “ จากอัลลอฮ์ ที่ให้เชื่อฟังท่าน และตามที่ ผม ได้ ปฏิญาณไว้ โดนการ กล่าว “ชะฮาดะห์” ด้วยความมั่นใจ ดังนั้น ผมจึงเชื่อ ในความสมบูรณ์ ในอัลกุรอาน ตามที่ท่าน นบีมูฮัมมัด กล่าวไว้ โดยวะฮีย์ ในอายะ “6-114” ซึ่งต่างกับ พวก “มุชริกีน” (โปรดอ่านคำอธิบายของ 6-112 ถึง 6-117 ในอัลกุรอานเล่มใดก็ได้)”

อย่าให้คำพูดของคุณข้างต้นนี้เป็นคำพูดเพ้อเจ้อ คุณเชื่อฟังนบีอย่างไร คุณปฏิบัติตามนบีอย่างไร ในเมื่อคุณปฏิเสธฮะดีษศอเฮียะห์ หรือว่าท่านนบีมาเข้าฝันกระซิบคุณเป็นการเฉพาะ


من يطع الرسول فقد أطاع الله

“ผู้ใดฏออัตต่อรอซูล เขาได้ฏออัตต่ออัลลอ์” ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 80

คำว่า ฏออะห์ หมายถึงเชื่อฟัง น้อมรับ และปฏิบัติตาม แต่สำหรับคุณ matt แล้วไม่ได้ฏออัตต่อรอซูลและก็ไม่ได้ตออัฏต่ออัลลอฮ์ด้วย

คุณยืนยันว่ายึดอัลกุรอาน แค่อายะห์เดียวนี้คุณก็ปฏิเสธเสียแล้ว


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 6:16 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามมุอะลัยกุมท่านสมาชิก

จนเดี๋ยวนี้คุณและผมก็ทราบแล้วว่า ยังไม่มีคำอธิบายว่า ฮะดีษเหล่านั้นมาได้อย่างไร?

สำหรับผู้ที่ ไม่สนใจกับที่ผมเสนอ นั้นผมไม่ข้องใจ แต่ "สำหรับนักคิด ผมว่า มันเป็น อาหารสมอง ที่น่าคิด"

ผมจึงนำมาลง ไว้ให้ คุณ ฟารีด เพนดี เห็น อีกครั้ง หนึ่ง และ อธิบาย ให้ เด็กๆ ฟังว่า การจด บันทึก ฮะดิษ ทั้งหมดนี้ เกิด ขึ้นได้ อย่างไร และ ข้อใดที่เป็นสิ่งถูกต้อง?

ไม่ต้องกังวล ว่า ผมจะเป็น "มุสลิม" หรือ "กาเฟร" ทิ้ง ไว้ ให้ผมพบ ปัญหา ใน วันตัดสิน เมื่อ ผม อยู่ต่อ หน้า "พระองค์ อัลลอฮ์ " ก็แล้ว กัน


แต่หน้าที่ของคุณ “ฟารีด เฟ็นดี้” เป็น ผู้นำ ทาง ของมุสลิม และ เยาวชน รุ่น หลัง มีหน้าที่ๆจะต้อง อธิบาย ข้อ บกพร่อง ของ " ฮะดีษ ซอเอี๊ยะ " ทั้งนี้ ตราบใดที่ " ฮะดีษ ซอเอี๊ยะ " ทั้งหมดนี้ ขัดกัน เอง และขัด กับ อัลกุรอาน (ชะฮาดะห์ ที่แท้จริง) แล้ว เป็นความ รับผิดชอบ ของ คุณ ที่จะต้อง ออกมารับผิด ชอบ โดยอธิบาย ความแท้จริง โดยใช้ "อัลกุรอาน" เป็นเอกสาร อ้างอิง ให้เห็น จริง ว่า "ฮะดีษ ซอเอี๊ยะ " นั้น สมควรที่จะ ยกขึ้นเทียบเท่ากับ "อัลกุรอาน" และ สมควรที่จะ "ยกขึ้นเทอดทูลเหนือหัว คุณทั้งสอง" (ผมไม่แนะนำเช่นนั้น ต่อ มุสลิมทั้งหลาย เพราะ การกระทำ เช่น นั้น เป็น "ชิริก"

และเมื่อมีผู้ชี้ให้เห็นข้อบกพร่อง ในสิ่งที่คุณ สอนเด็กๆว่า " ฮะดีษ ซอเฮี๊ยะ สำคัญเทียบเท่า อัลกุรอาน" แล้ว มันเป็น หน้าที่โดยตรง ของ คุณ จะ ต้อง ออกมาอธิบาย

คุณวิทยากรไม่มีความสามารถที่ จะอธิบายได้, ผมหวังว่า "คุณฟารีด เพนดี้ คงจะ อธิบาย ฮะดีษ ซอเอี๊ยะ " ข้างล่างนี้ ให้ด็กๆฟังได้ ว่า มันเป็นมาอย่างไร?


ฮะดีษต่อไปนี้ เป็น “ฮะดีษ ซอเฮียะ” ที่ถุกบันทึกในเวลาเดียวกัน จาก “คุตบะหฺ” ครั้งสุดท้าย ของ ท่าน ศาสดามูฮัมมัด ที่ถุก บันทึก ไว้ 3 ภาคที่ต่างกัน คือ


ภาคที่1. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ “ซุนนะห์” (มุวัตตะ, 46/3)


ภาคที่2. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ อะฮ์ลาลบัยต์ (อะฮ์ลุลบัยต์)
(มุสลิม 44/4, นู2408; อิบนฺ ฮะนะบาล4/366; ดอริมิ23/1; นู 3319)


ภาคที่3. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก ท่าน (มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56)


ภาคที่ 1. คือภาคที่ มุสลิมส่วนใหญ่ “ซุนนีย์” มุสลิม เชื่อ ว่า แท้จริง


ภาคที่ 2. คือภาคที่ มุสลิม “ชิอะต์” เชื่อว่าแท้จริง


ส่วนภาที่ 3. นั้น คงหามุสลิมเชื่อว่า แท้จริง ยากมาก แต่อย่างไรก็ตาม

ภาคที่ 3 ที่กล่าวว่า “เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก ท่าน” ภาคที่ 3 นี้มี ฮะดีษ ซอเฮียะ หลายสายที่สนับสนุน ตัวอย่างเช่น


1. ฮะดีษ ซอเฮียะ มุสลิม เล่ม 7เลขที่ 2803/1 “ฮัจจฺ” (กีตาบ- อัลขฮัจจฺ) กล่าวถึง คุตอบะฮ์ ครังสุดท้ายของท่าน รอซูลล บรรยายโดย ญาบิรอิบนฺ อับดุลลอฮ์ ว่า

“ท่านรอซูลล........กล่าวว่า “ฉัน(มูฮัมมัด) ทิ้งหนังสือของอัลลอฮ์ (อัลกุรอาน), และถ้าพวกท่านยึดถืออัลกุรอาน(เป็นทางดำเนินชีวิต) อย่างมั้นคงแล้ว ท่านจะไม่หลงทางอย่างแน่นอน.”


2. ฮะดีษ ศอเฮียะห์ บุคอรีย์, หมวด 9, เล่ม 92, เลขที่ 374

“บรรยายโดย....อะนัสบินมาลิก : ว่า เขาได้ยิน อุมมาร์ กล่าว ขณะที่ท่านยืน อยู่บน แท่น “คุตอบะห์” ของท่านรอซูลล์(ฮัมมัด) ในเวลาเช้า, หลังจาก วันที่ท่านรอซูลล์(มูฮัมมัด) ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว , เมื่อฝูงชนกล่าวปฏิญาณให้ความสวามิภักดิ์ ต่อ อะบูบาคร์. ท่านอุมาร์ผู้นั้น กล่าวว่า, ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลลออ์ โดยยกนื้วชี้ของมือขวา ขึ้น และลดนิ้วชี้นั้นลงเมื่อ กล่าว ชาฮาดะห์จบต่อหน้า อาบูบาคร์, และกล่าว, “ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง”, พระองค์อัลลอฮ์, ได้เลือกเฟ้น ท่านรอซูลล์ ให้อยู่กับพระองค์ บนสรวงสวรรค์ แทนที่จะให้อยู่กับพวกเราบนโลกมนุษย์, สิ่งนี้คือหนังสือ(อัลกุรอาน) สิ่งซึ้ง ฮัลลอฮ์ ได้ใช้ให้ เป็น หลัก แนะแนวทางปฏิบัติ ของท่านนบีมูฮัมมัด, ดังนั้นจงยึดมั่นต่ออัลกุรอาน, เพื่อที่ว่าท่านจะได้รับแนวทางที่ถูกต้องเช่นเดียวกับที่ อัลลออ์ ใช้เป็นสิ่งแนะนำแนวทาง แก่ รอซูลล์(มูฮัมมัด) ของท่าน”


3. ซอเอียะ บุคอรี, ซอเอียะ มุสลิม, ฟัตขฮุล บะรี, ตับรอนิ, ตอริคฮ์ อะฮ์มะดิ

เพื่อตัดความให้สั้นลงโดยไม่ถอยหลังกลับไปเล่าประวัติศาสตร์ ้ ไปถึง อุมายยิดและอับบาซิด คอลิฟ....ท่านอุมมาฮ์ผู้โชคร้ายผู้หนึ่งได้ตัดสินใจผิด, หลังจากการจากไปของท่านรอซูล, แม้แต่กระทั่งจนวินาทีสุดท้ายท่านอุมาฮ์ ท่านนี้ขอร้องให้ผู้ติดตามท่านให้นำ กระดาษและปากกาเพื่อว่า ท่านอุมมาฮ์ผู้นั้น จะได้เขียนข้อความที่จะป้องกัน พวกเขาจากการ หลงทางแห่งความศรัทธา ภายหลังจากท่าน, แต่ผู้คนที่อยู่รอบข้างท่าน ไม่ต้องการให้ท่านอุมมาฮ์ บอกความตั้งใจของท่านด้วยการจดบันทึก, และมีสาวกผู้หนึ่งกล่าวว่า

“หนังสือของอัลลอฮ์(อัลกุรอาน)นั้นเพียงพอสำหรับเราแล้ว”

4. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก
ท่าน (มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56)


แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไม ภาค ที่ 3 ซึ่งเป็น “ฮะดีษ ศอเฮียะ” เช่นกัน แต่กลับไม่มีผู้ใด ปฏิบัติตาม หรือ “เชื่อถือใน” และ ยึดถือ เหมือน “ฮะดีษ ศอเฮียะ” ภาคที่ 1 และ“ฮะดีษ ศอเฮียะ” ภาค 2 ทั้งๆ ที่ มี การบันทึกยืนยัน อยู่ มากกว่าทุกๆ ภาค

แม้กระนั้น “ฮะดีษ ศอเฮียะห์” ภาคที่ 3 บทนี้ ตรงตามบัญญัติ ในอัลกุรอาน อายะ 6-114, และ และในอีกหลาย อายาต ที่สนับสนุน ““ฮะดีษ ศอเฮียะ” ภาคที่ 3 นี้ มุสลิมบางท่าน แทบจะไม่เคยเห็น “ฮะดีษ” เหล่านี้ เลย โดยเฉพาะ ยุวมุสลิมที่ ไม่ชอบอ่าน “ฮะดีษ” แต่ชอบ นั่งฟัง เท่านั้น

การจดบันทึก “ฮะดีษ ศอเฮียะ” จากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ครั้ง เดียวกัน, จากท่าน “รอซูลคนเดียวกัน และ ในเวลาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างมากมายเช่นนี้

1. เกิดขึ้นได้อย่างไร?

2. มีการปลอมแปลง“ฮะดีษ ศอเฮียะ” บทนี้ หรือไม่?

3. เพราะเป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไม “ฮะดีษ ศอเฮียะ” ในเรื่องนี้ ของซุนนีย์ กับของ ชีอะต์ จึงแตกต่างกัน และ สนับสนุน ความเชื่อถือของแต่ละฝ่าย?


ส่วนภาค 3 นั้น ตามหลักการ วิชาการฮะดีษแล้ว ผมว่าถูกต้องที่สุด เพราะมี อัลกุรอาน สนับสนุน อยู่ หลายอายาต, แต่ มุสลิมส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับ “ฮะดีษ ศอเฮียะ” ที่ว่า,

“เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก
ท่าน อย่างเดียวเท่านั้น”


การ ปฎิเสธ “ฮะดีษ ศอเฮียะห์” ภาค 3 ที่ว่า "เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่าง เดียว เท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก ท่าน, (มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56), จะเป็น "กาเฟร" หรือไม่?


หวังว่าการอธิบายโดยใช้ สูตร ข้างล่างนี้ คงจะไม่ถูก นำมาใช้ โดย นักวิชาการ “ฮะดีษ” อย่างคุณ ฟารีด เพนดี้ สูตรนั้นก็คือ...

"คำว่า เงิน 100 บาท มีความหมายว่า (เช่นเดียวกัน) กับ เงิน 100 บาท กับ โรตี 1 แผ่น"
เช่น เดียว กับ

"ฮาดีษ ฏออีฟ + ฮะดีษ ซอเฮี๊ยะ = ฮะดีษ ซอเฮี๊ยะ = "อัลกุรอาน


ถ้าคุณอธิบายตามแนวทางนั้น ทางหลัก อิสลามถือ ว่า เป็น “ชิริก”


คำว่า “ชีริก (الشّراكة)” มีความหมาย ในภาษาไทยว่า “การมีส่วนร่วมหรือ มีส่วนเกียวโยงที่เทียบเท่า”ในอัลกุรอานคำว่า “ชิริก” อธิบายได้ว่า “ความสัมพันธ์หรือเกี่ยวพันธ์เทียบเคียงกับ พระเจ้าองค์เดียว (อัลลอฮ์)” หรือการนับถือพระเจ้า, บุคคล, สิ่งอื่น นอกจาก อัลลอฮ์

การ ตกเป็น “ชิริก” หรือ “ผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์” ในศาสนาอิสลาม ไม่จำเป็นว่าบุคคลผู้นั้น จะต้อง ประกาศตัวเองออกมาต่ิอ สาธารณขนอย่างเปิดเผย การตก เป็น “ชิริก” ในอิสลาม อาจจะ ซอ่นเร้นอยู่ ในหัวใจ ของผู้นั้น แล้วจะค่อยๆออกมาทางคำพูด และในที่สุด ก็เป็นการกระทำ โดยที่ เจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้ตัวเลย ว่าตนเองได้กระทำการที่ ตกเป็น “ชิริก” หรือ “ผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์”

ด้วยเหตุนี้ ข้อเขียนนี้ จึงถูกเขียนขึ้น เพื่อพี่น้องมุสลิม ทั้งหลาย ที่เขียนเรื่อง ต่างๆ หรือ ตั้งกระทู้ใน กระดานเสวนา นี้ ใช้พิจารณา เพื่อ เราจะได้ มีความศรัทธา ที่มั่นคง ต่อ พระองค์อัลลอฮ์ และศาสนาของพระองค์


ชีริค คือการนับถือพระเจ้าหลายองค์หรือนำสิ่งใดบุคคลใดก็ตามมาเทียบเคียง พระองอัลลอฮ์ ในศาสนาอิสลามถือว่า การถือ พระเจ้าหลายองค์ เป็นการถือ ซึ่งขาดเหตุผลและ สิ่งที่ยอมรับไม่ได้ก็คือ เมื่อใดก็ตามที่ กล่าวถึง พระเจ้า อื่นใด นอกเหนือไปจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น (พระองอัลลอฮ์) จากซูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอฺ อายะห์ 22


لَوْ كَانَ فِيهِمَا آلِهَةٌ إِلَّا اللَّهُ لَفَسَدَتَا فَسُبْحَانَ اللَّهِ رَبِّ الْعَرْشِ عَمَّا يَصِفُونَ


“ถ้าหากว่า ทั้งบนสวรรค์และบนโลกเรานี้ มีพระเจ้าอื่นๆ นอกจาก พระองค์อัลลอฮ์ มันจะทำให้ เกิดความสับสน. แต่การสรรเสริญจง มีต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่าน้น(อัลลอฮ์) พระเจ้าแห่ง บรรลังก์ ที่สูงส่ง เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหลาย ที่เขาบรรยายถึง” (21: 22)
จากอายะห์ 21: 22 เราจะเห็น ได้อย่างชัดแจ้ง ว่า ระบบหมุนเวียนของจักวาล, ความสมดุลของระบบนิเวศวิทยา, และการมีผู้สร้างเพียงผู้เดียว จะเป็นการสมเหตุผล กว่าการมี พระเจ้าหลายพระองค์ ที่จะทำให้มี หลายผู้บงการและยุ่งยากในการตัดสินใจที่สับสน

ในอิสลาม, ชิริค เป็น ความบาปที่ยิ่งใหญ่ เป็นความบาปที่ใหญ่หลวงเพียง อย่างเดียว เท่านั้น ที่ พระองค์อัลลอฮ์ ไม่ยอม อภัยให้เลย ซึ่งจะเห็น ได้จากซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ อายะ 48


“อย่างแน่นอน, พระองค์อัลลอฮ์ จะไม่ให้อภัยต่อการตั้ง ภาคีต่อพระองค์. พระองค์จะให้อภัยได้ต่อสิ่งอื่น(ความผิดอื่นๆ)แก่ผู้ที่ พระองจะโปรดเท่านั้น เว้นแต่ผู้ที่ตั้งภาคีต่อพระองค์อัลลอฮ์ เขาได้กระทำความผิดที่ใหญ่หลวงนัก” (4:48)


จากโองการของพระองค์อัลลอฮ์ ซึ่งถูกบัญญัติไว้ใน อัลกุรอานอธิบาย การกระทำที่เรียกว่าชีริคดังต่อไปนี้ “ชีริค” คือการยกย่องสิ่งใดหรือกราบไหว้, หรือนับถือบุคคลใดเทียบเคียง พระองอัลลอฮ์, หรือ ความนึกคิด, ความรู้สึกพิจารณาสิ่งเหล่านั้น เท่าเทียมอัลลอฮ์, และมีความไม่แน่ใจต่อความศรัทธาว่า มี อัลลอฮ์ ผู้สร้างอย่างแท้จริง


ตามที่กล่าวมาแล้วว่า ในอัลกุรอานความหมายของ การกระทำที่เป็น “ชิริค” คือนำอะไรก็ตาม ไม่ว่า จะเป็น บุคคล หรือ สิ่งของ มาเทียบเคียง อัลลอฮ์ ซึ่ง หมายความว่า “มีพระเจ้าอื่นๆนอกเหนือจากพระเจ้าองค์เดียว(อัลลอฮ์) หรือ “บูชาพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ เหตุที่ความหมาย ของ “ชิริค” ถูกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกในที่นี้ ก็เพื่อ ให้ ผู้ อ่าน เข้าใจความหมายของ คำหมายของ คำว่า ชิริค ในแง่มุมต่างๆ


ถ้าจะกล่าวในความหมายกว้างๆ “ชิริค” คือการปฎิบัติตัวของผู้ใดก็ตาม(รวมทั้งของตัวเรา) ที่ ยึดถือหลักการ, คุณธรรม, หรือการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ตาม ประเพณีหรือหลักปฏิบัติ ที่นอกเหนือไปจาก คำสอนและคุณธรรมที่บัญัติไว้ในอัลกุรอาน, หรือผู้ที่สร้างบัญญัติ หรือยกย่องบุคคลขึ้น เป็นภาคีต่อ พระองค์อัลลอฮ์ นั้นเอง


บุคคลที่ได้รับการยกย่องนี้ อาจจะเป็น บิดา, ปู่, ตา หรือบรรพบุรุษของผู้ใดก็ตามที่มีชื่อเสียง ในสังคม หรืออาจจะเป็น ผู้ที่ก่อตั้งอุดมการณ์, ปรัชญา หรือ ลูกศิษย์ ของผู้ ที่ตาม ปรัชญาหรืออุดมการณ์ ของเขาเหล่านั้น จากบัญญัติ ในซูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ อายะ31 กล่าวว่า


اتَّخَذُواْ أَحْبَارَهُمْ وَرُهْبَانَهُمْ أَرْبَابًا مِّن دُونِ اللّهِ وَالْمَسِيحَ ابْنَ مَرْيَمَ وَمَا أُمِرُواْ إِلاَّ لِيَعْبُدُواْ إِلَـهًا وَاحِدًا لاَّ إِلَـهَ إِلاَّ هُوَ سُبْحَانَهُ عَمَّا يُشْرِكُونَ


“พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้า, อื่นจากอัลลอฮ์ และยึดเอาอัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมเป็นพระเจ้าด้วย ทั้ง ๆที่พวกเขามิได้ถูกใช้นอกจากเพื่อเคารพสักการะผู้ทีสมควรได้รับการเคารพสักการะ, แต่เพียงองค์เดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น” (9:31)


ในความหมายของ “ชิริก” ที่ อธิบายในความหมายที่กว้างขวางเช่นนี้ หมายความถึง ผู้ใดก็ตามที่ผูกพัน วิถีการดำเนินชีวิตของเขา นอกเหนือไปจากที่พระองค์อัลลอฮ์บัญญัติไว้ ในอัล กุรอาน ถือว่าตกเป็น “ชิริก” หรือผู้ที่ตั้งภาคีต่ิอพระองค์, ไม่ว่าเขาจะเรียกตัวเอง ว่า ผู้ทีุ่้ไม่นับถือพระเจ้า, หรือ ยิว หรือ คริสเตียน ก็ตาม


ถึงแม้แต่ว่า มุสลิม ที่ทำละหมาดไม่ขาด ถือศีลอด และปฏิบัติตามกฎของอิสลาม อย่างเคร่งครัด ถ้าเขาครอบครองความคิดเพียงนิดเดียวที่สงสัย และท้าทาย ในความไม่สมบูรณ์และเพียบพร้อมในราย ละเอียด ของ “อัลกุรอาน” แล้ว เขาจะตกอยู่ในการปฏิบัติ “ชิริก” โปรดทำความเข้าใจจาก ซูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ (7), อายะ 185


أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَمَا خَلَقَ اللّهُ مِن شَيْءٍ وَأَنْ عَسَى أَن يَكُونَ قَدِ اقْتَرَبَ أَجَلُهُمْ فَبِأَيِّ حَدِيثٍ بَعْدَهُ يُؤْمِنُونَ


“และพวกเขามิได้มองดูในอำนาจทั้งหลายแห่งบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดิน และสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงสร้างขึ้นดอกหรือ? และแท้จริงอาจเป็นไปได้ว่า กำหนดเวลาแห่งความตายของพวกเขานั้นได้ใกล้มาแล้วและยังมีฮาดีษ (حَدِيثٍ) อื่นใดเล่าที่พวกเขาจะศรัทธากันนอกจากอัล-กุรอาน” (7: 185)


พระองค์อัลลอฮ์เรียกหนังสือของพระองค์ว่า อัลกุรอาน ซึ่งเป็น “ฮาดีษ” ที่ดีที่สุด, พระองค์ทรงเรียกร้องให้ผู้ศรัทธาต่อพระองค์อย่างแท้จริงไม่ให้ยอมรับหรือใช้ “ฮาดีษ” อื่นใดเพื่อเป็นแหล่งความรู้แห่งศาสนาที่สมบูรณ์คือ “อิสลาม” และพระองค์อัลลอฮ์ให้ ยอมรับ แต่ “อัลกุรอาน” เท่านั้น โปรดพิจารณา ซูเราะฮฺ ฟุศศิลัต (41) อายะ42


لَا يَأْتِيهِ الْبَاطِلُ مِن بَيْنِ يَدَيْهِ وَلَا مِنْ خَلْفِهِ تَنزِيلٌ مِّنْ حَكِيمٍ حَمِيدٍ

“ไม่มีสิ่งแปลกปลอมสามารถเข้า (ไปปะปนในเนื้อความของอัลกุรอาน), ในอดีต หรือ ในอนาคต, เป็นการประทานจากพระผู้ทรงปรีชาญาณผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ” (41:42)


อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่บรรจุรายละเอียด, และเมื่ออัลลอฮ์ทรงกล่าวว่าพระองค์ทรงบรรจุรายละเอียดไว้ในอัลกุรอาน พระองค์ทรงหมายถึงว่ามี รายละเอียดอย่างครบถ้วน พระองค์จะไม่ละไว้ครึ่งๆกลางๆ


أَفَغَيْرَ اللّهِ أَبْتَغِي حَكَمًا وَهُوَ الَّذِي أَنَزَلَ إِلَيْكُمُ الْكِتَابَ مُفَصَّلاً وَالَّذِينَ آتَيْنَاهُمُ الْكِتَابَ يَعْلَمُونَ أَنَّهُ مُنَزَّلٌ مِّن رَّبِّكَ بِالْحَقِّ فَلاَ تَكُونَنَّ مِنَ الْمُمْتَرِينَ

ฉัน(มูฮัมมัด)ยังจะต้องแสวงหาผู้อื่นอีกหรือนอกจากอัลลอฮ์เพื่อเป็นผู้ตัดสิน, เมื่อพระองค์ได้ประทานคัมภีร์(อัลกุรอาน) ให้แก่พวกท่าน, ที่ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดสมบูรณ์? ผู้ที่เรา(อัลลอฮ์)ได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขามาก่อน รู้ดีว่าคัมภีร์นั้นถูกส่งมาจากพระเจ้าของพวกเจ้าด้วยความแท้จริง, ดังนั้น(โอ มูฮัมมัด) เจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ของผู้ที่มีความ เคลือบแคลง ใจเลย. (6:114)


การตกอยู่ในสภาพ “ชิริก” ไม่จำเป็นที่จะต้องออกปาก ปฎิเสธ ความคงอยู่ ของ พระเจ้าองค์เดียว (อัลลอฮ์) เพียงแต่ว่าผู้สร้างภาคี พยายามหลีกเลี่ยงการยอมรับ อัลกุรอาน หรือ ยอมรับ สภาพคงอยู่ ของอัลลอฮ์ พวกเขาจะขาดหลักธรรม ในจิตใจ ที่หลอกตัวเอง ว่า “มีความศรัทธาต่อ อัลลอฮ์อย่างแท้จริง ตลอดชีวิตของเขา ถึงแม้ว่า ในวันตัดสิน เขาก็ยังปฏิเสธว่าเขาไม่เคยอยู่ในการกระทำ “ชิริก” เลย จุดยืนที่่พวกเขา ยึดถือ สามารถที่จะอธิบายได้ จาก ซูเราะฮฺ อัล-อันอาม (6:22-24)



وَيَوْمَ نَحْشُرُهُمْ جَمِيعًا ثُمَّ نَقُولُ لِلَّذِينَ أَشْرَكُواْ أَيْنَ شُرَكَآؤُكُمُ الَّذِينَ كُنتُمْ تَزْعُمُونَ


และวันที่เราจะชุมชุมพวกเขาทั้งมวลแล้วเรากล่าวแก่บรรดาผู้ที่ให้มีภาคีขึ้นว่าไหนเล่า บรรดาภาคีของพวกเจ้าที่พวกเจ้าอ้าง (6:22)


ثُمَّ لَمْ تَكُن فِتْنَتُهُمْ إِلاَّ أَن قَالُواْ وَاللّهِ رَبِّنَا مَا كُنَّا مُشْرِكِينَ
“การแก้ตัวของเขาเหล่านั้นไม่มีอะไรนอกจากจะสาบานว่า “ในนามของ อัลลอฮ์ เราไม่ใช่พวกที่นับถือพระเจ้าหลายองค์ (มุชริกีน)” (6:23)


انظُرْ كَيْفَ كَذَبُواْ عَلَى أَنفُسِهِمْ وَضَلَّ عَنْهُم مَّا كَانُواْ يَفْتَرُونَ


“จงดูเถิด (มูฮัมมัด) เห็นไหมว่าพวกเขาหลอกตัวเองอย่างไร และ สิ่งที่เข้ายกขึ้นเป็นภาคี, ก็ตายไปจากความทรงจำของเขา” (6:24)


ผู้ที่ตกในข่ายของ “ชิริก” ไม่จำเป็นต้องประกาศตัวเอง ออกมาอย่าง แจ้ง ชัด ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่า “ชีริก” อาจจะเกิดขึ้น ในหัวใจ ของ บุคคล ใดก็ได้อย่างเงียบๆ และช้าๆ และในที่สุดก็แสดงออก มาให้เห็นด้วย คำพูด และ การกระทำ ของเขา, จากความหมายของข้อ บัญญัติ ในอัลกุรอาน การมีความพอใจในสิ่งใดนอกเหนือไป จาก “อัลลอฮ์” ถือว่าเป็น “ชิริก” หมายถึงมีความเกรงกลัวและปฏิบัติตามคำสั่ง ของ มนุษย์ แทนที่จะเกรงกลัวพระองค์อัลลอฮ์, และการมีจิตใจผูกพัน ต่อบุคคล แทนที่จะมีจิตใจผูกพัน ต่อ อัลลอฮ์ ตัวอย่างที่อธิบายมานี้ มีอธิบายไว้ในอัลกุรอานโดยละเอียด


จากที่กล่าวมา เราจะเห็นอย่างแจ้งชัด ว่า “มุชิริกีน” คือ บุคคลผู้ที่แบ่งปัน “ความรักบูชา” ที่มีอยู่ ใน “อัลลอฮ์" ให้กับบุคคลหรือสิ่งอื่นใด โปรด พิจารณา ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะห์ 165
وَمِنَ النَّاسِ مَن يَتَّخِذُ مِن دُونِ اللّهِ أَندَاداً يُحِبُّونَهُمْ كَحُبِّ اللّهِ وَالَّذِينَ آمَنُواْ أَشَدُّ حُبًّا لِّلّهِ وَلَوْ يَرَى الَّذِينَ ظَلَمُواْ إِذْ يَرَوْنَ الْعَذَابَ أَنَّ الْقُوَّةَ لِلّهِ جَمِيعاً وَأَنَّ اللّهَ شَدِيدُ الْعَذَابِ


“และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่ยึดถือบรรดาภาคี(*1*) อื่นจากอัลลอฮ์ ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับรักอัลลอฮ์ แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นผู้ที่รักอัลลอฮ์มากยิ่งกว่า และหากบรรดาผู้อธรรมจะได้เห็น ขณะที่พวกเขาเห็นการลงโทษอยู่นั้น (แน่นอนพวกเขาจะต้องตระหนักดีว่า) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงลงโทษที่รุนแรง” (2:165)


(1) หมายถึงมนุษย์มาลาอิกะฮ์ ญิน และเจว็ด ตลอดจนสิ่งอื่น ๆ ที่ถูกเคารพนับถือเทียมอัลลอฮ์เพราะเข้าใจว่าภาคีเหล่านั้นมีบทบาทในวิถีชีวิตของตน



ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะห์ 165 นี้ทำให้เห็นอย่างแจ้งชัดว่า ความรักที่ให้แก่บุคคลซึ่งปูพื้นฐานไปสู่การเคารพบูชา บุคคลหรือสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ เท่ากับการ ตกอยู่ในการกระทำ “ชีริก” ซึ่งต่างจากผู้ที่มีความศรัทธา,


ผู้ที่ไม่มีความศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮ์ อย่างแท้จริง จะไม่สามารถที่จะรักษาความสัมพันธ์ ต่อพระองค์ผู้สร้าง (อัลลอฮ์) ได้, พวกที่ไม่มีความศรัทธา จะรักตัวเองหรือผู้อื่น หรือทั้งสองอย่าง เขาเหล่านั้น จะหลงอยู่ในเรื่องความรัก ต่อครอบครัว และทรัพย์สมบัติ และตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ อย่าง คลั่งไคล้ การหลงใหลในสิ่งเหล่านี้จน เกินขอบเขต จนกระทั่งมีความรู้สึก ตัดขาดจากสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้, ก็ถูกจัดว่าเป็นการสร้าง ภาคีชนิดหนึ่ง


ซูเราะฮฺ อัลอังกะบูต (29) อายะ25 ท่านนบีอิบรอฮีม ยืนยันว่า ผู้ที่ไม่ศรัทธา จะหันหลังใ้ห้ อัลลอฮ์ และจะสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งไว้กับรูปปั้นต่างๆของเขาเหล่านั้น


وَقَالَ إِنَّمَا اتَّخَذْتُم مِّن دُونِ اللَّهِ أَوْثَانًا مَّوَدَّةَ بَيْنِكُمْ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا ثُمَّ يَوْمَ الْقِيَامَةِ يَكْفُرُ بَعْضُكُم بِبَعْضٍ وَيَلْعَنُ بَعْضُكُم بَعْضًا وَمَأْوَاكُمُ النَّارُ وَمَا لَكُم مِّن نَّاصِرِينَ


“และเขา(อิบรอฮิม) กล่าวว่า พวกเจ้าได้ยอมรับเอารูปปั้น นอกจากอัลลอฮ์ เป็น เพื่อนของเจ้า ในชีวิตโลกนี้, ดังนั้นในวันตัดสิน จะมีบางคนในหมู่ของพวกเจ้า ปฏิเสธกันเองและพวกเจ้าจัสาปแช่งกันเอง, และะที่อญุ่อาศัยของพวกเจ้าคือ ไฟนรก”(29:25)


การมีอารมณ์รักต่อผู้หญิงเป็นสิ่งที่เห็นชัดที่สุด ในตัวอย่างของการสร้างภาคี ต่ออัลลอฮ์ ในรูปของความรัก ผู้หญิงในที่นี้อาจจะเป็นใครก็ได้ ภรรยา, เพื่อนหญิง, หรือรักเมื่อแรกพบ ผลของความรักและลุ่มหลงผู้หญิงที่ทำให้ความ รักในอัลลอฮ์ ลดหย่อนลง เมื่อใดก็ตามที่ชายมีความรู้สึกลดหย่อนไป จากความศรัทธา ของเขาที่มีต่ออัลลอฮ์ เพราะความรักหญิง ทำให้เขามองเห็นหญิงนั้นเท่าเทียม หรือ เหนือกว่าอัลลอฮ์

ดังนั้นที่กล่าวมานี้จึงเป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างง่าย ในการ สร้าง “ภาคี” ต่อ อัลลอฮ์ ความประพฤติ ดังกล่าวอาจจะเห็นเป็น เรื่อง ธรรมดาในสังคมมนุษย์ แต่มีผลในความศรัทธาอย่างร้ายแรง ในเมื่อเขาเผชิญหน้ากับ อัลลอฮ์ จาก ซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ, อายะ117


إِن يَدْعُونَ مِن دُونِهِ إِلاَّ إِنَاثًا وَإِن يَدْعُونَ إِلاَّ شَيْطَانًا مَّرِيدًا


“พวกเขาจะไม่วิงวอนขออื่นจากพระองค์นอกจากเจว็ดหญิง(*1*)และพวกเขาจะไม่วิงวอนนอกจากชัยฏอนที่ดื้อดันเท่านั้น(*2*)” (4:117)


(1) ที่พวกเขาวิงวอนขอนั้นคือ เจว็ดหญิงอันได้แก่ อัล-ลาต อัล-อุซซา และมะนาด
(2) ชัยฏอนนั้นคือญินที่เป็นพวกพ้องอิบลีสนั่นเอง ซึ่งมันเป็นศัตรูต่อลูกหลานของอาดัม


ในทำนองเดียวกัน ความรักเช่นนี้ก็มีความหมายอันเดียวกันที่เพศหญิงมีต่อเพศชาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับต่อหน้า “อัลลออ์”เช่นกัน


ในสังคมปัจจุบัน ความรัก ของหนุ่มสาวในวัยรุ่น การนัดพบ, การพลอดรัก การหลงละเมอในความรัก ที่บริสุทธิต่อกัน สิ่งเหล่านี้แม้จะเกิดขึ้น เนื่องจากอารมณ์ ธรรมชาติ แต่ต้อง อยู่ในขอบเขต ของ ความศรัทธาต่ออัลลอฮ์


เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้มุสลิมตกอยู่ใน “ชีริก” ก็คือ ความกลัว เช่นเดียวกับความรัก ความกลัวควรจะเป้นความรู้สึกยำเกรง ต่ออัลลอฮ์ ผู้ใดก้ตามมีความเกรงกลัวต่อสิ่งที่ถูก อัลลอฮ์ สร้างขึ้นมา มากว่าความกลัวเกรงต่อ อัลลอฮ์แล้ว ย่อมตกอยู่ในการกระทำ “ชิริก” เช่นกัน จากซูเราะฮฺ อันนะหฺลฺ (16) อายะ51-52


وَقَالَ اللّهُ لاَ تَتَّخِذُواْ إِلـهَيْنِ اثْنَيْنِ إِنَّمَا هُوَ إِلهٌ وَاحِدٌ فَإيَّايَ فَارْهَبُونِ



“และอัลลอฮ์ตรัสว่า “พวกเจ้าอย่ายึดถือพระเจ้าสององค์ แท้จริงพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เฉพาะข้าเท่านั้นที่พวกเจ้าต้องเกรงกลัว" (16:51)


وَلَهُ مَا فِي الْسَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَلَهُ الدِّينُ وَاصِبًا أَفَغَيْرَ اللّهِ تَتَّقُونَ


“และเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการภักดีต่อพระองค์เท่านั้นจำเป็นต้องมีประจำ ดังนั้นพวกเจ้าจะยำเกรงผู้ใดอื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ?”(11:52)

ผู้ที่ขาดความศรัทธาต่อ อัลลออ์ จะมีความกลัวต่อบุคคลมากกว่าอัลลอฮ์ จาก


أَلَمْ تَرَ إِلَى الَّذِينَ قِيلَ لَهُمْ كُفُّواْ أَيْدِيَكُمْ وَأَقِيمُواْ الصَّلاَةَ وَآتُواْ الزَّكَاةَ فَلَمَّا كُتِبَ عَلَيْهِمُ الْقِتَالُ إِذَا فَرِيقٌ مِّنْهُمْ يَخْشَوْنَ النَّاسَ كَخَشْيَةِ اللّهِ أَوْ أَشَدَّ خَشْيَةً وَقَالُواْ رَبَّنَا لِمَ كَتَبْتَ عَلَيْنَا الْقِتَالَ لَوْلا أَخَّرْتَنَا إِلَى أَجَلٍ قَرِيبٍ قُلْ مَتَاعُ الدَّنْيَا قَلِيلٌ وَالآخِرَةُ خَيْرٌ لِّمَنِ اتَّقَى وَلاَ تُظْلَمُونَ فَتِيلاً



“เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ถูกกล่าวแก่พวกเขา ว่า จงระงับมือของพวกเจ้าก่อนเถิด และจงละหมาด และจงชำระซะกาต ครั้นเมื่อการสู้รบได้ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกเขา ทันใดนั้นกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาก็กลัวมนุษย์เช่นเดียวกับกลัวอัลลอฮฺ หรือกลัวยิ่งกว่า และพวกเขากล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา ! เพราะเหตุใดพระองค์จึงได้กำหนดการสู้รบขึ้นแก่พวกเรา พระองค์จะทรงเลื่อนให้แก่พวกเรายังกำหนดเวลาอันใกล้ไม่ได้หรือ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) สิ่งอำนวยประโยชน์แห่งโลกนี้นั้นเล็กน้อยเท่านั้น และปรโลกนั้นดียิ่งกว่าสำหรับผู้ที่ยำเกรงและพวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรมแม้เท่าขนาดร่องเมล็ดอินทผาลัม” (4:77)


การกระทำที่จัดอยู่ในการเป็น “ชิริค” ดังกล่าวแล้วอาจจะทำไปโดยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กระทำไปเพราะว่า เชื่อ ในคำบอกเล่า ของบุคคล มากกว่า ข้อบัญญัติของอัลกุรอาน จงพิจารณา คำกล่าว ต่อไปนี้ และใช้หลัก อิหม่าน หรือความศรัทธาของท่าน ที่มี ต่อท่าน รอซูล และ ต่อ อัลลอฮ์ ที่มั่นคง พิจารณาและตัดสินเอง ว่า “เป็นไปได้ไหม,ที่จะเป็นคำกล่าวของท่านรอซูล?
จาก ศอเฮียฮ์ บุคอฮ์รี หมวด 1, เล่ม 2, เลขที่14


บรรยายโดย อะนัส ว่า, “ท่านรอซูลกล่าวว่า ไม่มีใครในพวกท่านจะเป็นผู้มีศรัทธาจนกว่าเขาผู้นั้น จะรักฉัน(มูฮัมมัด) มากกว่า พ่อของเขา, ลูกๆของเขา และ มวลมนุษย์ชาติทั้งหลาย
คำว่า “พวกท่าน” ในที่นี้ หมายถึงมวลหมู่ มุสลิม, คำว่า “เป็นผู้ศรัทธา” หมายถึง “ศรัทธาในศาสนา อิสลาม” ซึ่งเป็นศาสนาของ “อัลลอฮ์” ซึ่งหมายถึงการ “ยอมนอบน้อมและสวามิภักดิ์ ยอมจำนนต่อ “พระองค์ อัลลอฮ์” ทั้งกาย,วาจา, และจิตใจ

165. และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่ยึดถือบรรดาภาคี(*1*) อื่นจากอัลลอฮ์ ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับรักอัลลอฮ์ แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นผู้ที่รักอัลลอฮ์มากยิ่งกว่า และหากบรรดาผู้อธรรมจะได้เห็น ขณะที่พวกเขาเห็นการลงโทษอยู่นั้น (แน่นอนพวกเขาจะต้องตระหนักดีว่า) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงลงโทษที่รุนแรง

(1) หมายถึงมนุษย์มาลาอิกะฮ์ ญิน และเจว็ด ตลอดจนสิ่งอื่น ๆ ที่ถูกเคารพนับถือเทียมอัลลอฮ์เพราะเข้าใจว่าภาคีเหล่านั้นมีบทบาทในวิถีชีวิตของตน


มันเป็นไปไม่ได้ที่ “ท่านรอซูล” (ศาสนทูต, บ่าว, ผู้รับใช้ของอัลลอฮ์) เป็นผู้ที่นำอัลกุรอานมาสั่งสอน มวลมนุษยชาติ ให้มีความรักและบูชาต่อ พระองค์อัลลอฮ์ แต่ผู้เดียว, จะกล่าวคำที่แสดงออกถึงการตีตนเสมอพระองค์อัลลอฮ์ เช่นนั้น ทั้งนี้เพราะคำกล่าวเช่นนั้น มีความหมายเช่นเดียวกับ บทบัญญัติในอัลกุรอานซึ่งเป็น โองการของ พระองค์อัลลอฮ์


จากที่กล่าวมาในตอนต้นแล้วว่า ว่า “มุชิริกีน” คือ บุคคลผู้ที่แบ่งปัน “ความรักบูชา” ที่มีอยู่ ใน
“อัลลอฮ์" ให้กับบุคคลหรือสิ่งอื่นใด โปรด พิจารณา ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะห์ 165
เป็นไปไม่ได้ที่ท่าน รอซูล จะกล่าว แก่บรรดาผู้ศรัทธา ต่อ “อัลลอฮ์” และผู้ที่ยอมรับนับถือ “อิสลาม” ด้วยข้อความเช่นนี้


ในทัศนของมุสลิมผู้มีศรัทธา การเชื่อและปฏิบัติตามคำบอกเล่าของ ท่านบุคอฮ์รี ว่า มีคนเล่าให้ท่านฟังว่า ท่าน “อานัส” เล่าว่าได้ยินว่าท่านรอซูล กล่าวเช่นนั้น อาจจะตกอยู่ในฐานะลำบากได้ เรื่องนี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย ใช้ วิจารณญาณ ของท่านเอง ว่าควรจะเชื่อคำบอกเล่า ของท่านบุคอฮ์รี หรือ ไม่ ?


วัสลาม


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 7:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

สลามพี่น้องมุสลิมที่รักทุกท่าน
สวัสดีคุณ matt

เลอะเทอะกันใหญ่แล้วคุณ matt ที่ถามไม่ยอมตอบ แต่ที่ตอบไม่ได้ถาม จะหลบประเด็นไปไหนอีก ร่ายยาวมาเพื่อให้คนลืมต้นหรือ แต่ผมไม่ลืมหรอก อย่านำเรื่องฮะดีษมากลบ ตราบใดที่คุณยังปฏิเสธอัลกุรอานอยู่

แปลกนะที่คุณตอบคำพูดของตัวคุณเองไม่ได้ ผมเอาคำพูดของคุณ matt ข้างต้นมากรอให้ดูอีกครั้งดังนี้ “มุสลิมจะต้องยึดถือ “อัลกุรอาน” เป้นหลักการ ในการสอน การ เรียน และการประกอบ ศาสนกิจ ในศาสนาของพระองค์อัลลออ์ เท่านั้น ซึ่งระบุไว้อย่าง ชัดเจน ใน หลาย อายาต ในอัลกุรอาน”

อย่าหลอกลวงกันอีกเลยคุณ matt ถ้าคำพูดของคุณเป็นจริงก็ไม่ต้องนำอ้างหลายอายาตหรอก ขอแค่ อายะห์เดียวก็พอ.... ที่หลายท่านถามคุณว่า วิธีละหมาดตามอัลกุรอานเป็นอย่างไร ทำไมคุณไม่ยอมตอบเขาละ ไหนละ..อายะห์ไหน คำว่าเอากุรอานเป็นหลักในการประกอบศาสนกิจ เอามาซิ...วิธีละหมาดตามอัลกุรอานอายะห์ไหน อย่าพูดพล่อยๆ เพื่อล่อลวงพี่น้องมุสลิมของผม

แต่แล้วคุณก็ร่ายยาวเพื่อหลบหลีก


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 7:22 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



“ขอบอกให้ทั้งทั้งหลายและคุณวิทยากร ทราบและเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ว่า ผม “เชื่อฟังท่านนบีมูฮัมมัด” และ การปฏิบัติของท่าน ทุกๆอย่าง ที่ “พระองค์อัลลอฮ์ มีบัญญัติ ไว้ ในอัลกุรอาน อย่าง 100 % ทุกอย่างที่ เป็น “วะฮีย์ “ จากอัลลอฮ์ ที่ให้เชื่อฟังท่าน และตามที่ ผม ได้ ปฏิญาณไว้ โดนการ กล่าว “ชะฮาดะห์” ด้วยความมั่นใจ ดังนั้น ผมจึงเชื่อ ในความสมบูรณ์ ในอัลกุรอาน ตามที่ท่าน นบีมูฮัมมัด กล่าวไว้ โดยวะฮีย์ ในอายะ “6-114” ซึ่งต่างกับ พวก “มุชริกีน” (โปรดอ่านคำอธิบายของ 6-112 ถึง 6-117 ในอัลกุรอานเล่มใดก็ได้)”

อย่าให้คำพูดของคุณข้างต้นนี้เป็นคำพูดเพ้อเจ้อ คุณเชื่อฟังนบีอย่างไร คุณปฏิบัติตามนบีอย่างไร ในเมื่อคุณปฏิเสธฮะดีษศอเฮียะห์ หรือว่าท่านนบีมาเข้าฝันกระซิบคุณเป็นการเฉพาะ

من يطع الرسول فقد أطاع الله


“ผู้ใดฏออัตต่อรอซูล เขาได้ฏออัตต่ออัลลอ์” ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 80

คำว่า ฏออะห์ หมายถึงเชื่อฟัง น้อมรับ และปฏิบัติตาม แต่สำหรับคุณ matt แล้วไม่ได้ฏออัตต่อรอซูลและก็ไม่ได้ตออัฏต่ออัลลอฮ์ด้วย

คุณยืนยันว่ายึดอัลกุรอาน แค่อายะห์เดียวนี้คุณก็ปฏิเสธเสียแล้ว


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 9:57 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอะลัยกุม พี่น้องมุสลิมที่รัก
จุ๊กกรู้..... ลุงแมทท์

ผมไม่ได้เข้ามาซะนาน ลุงแมทท์ ก็ยังวนเวียนอยู่ในอ่างเหมือนเดิมกับเรื่องคำสั่งของนบีอย่างนี้ว่า

คำพูด:
Matt ตอบ: อ. มิย. 29, 2004 7:39 pm
---------------------------------------------------
ฮะดีษต่อไปนี้ เป็น “ฮะดีษ ซอเฮียะ” ที่ถุกบันทึกในเวลาเดียวกัน จาก “คุตบะ๊หฺ” ครั้งสุดท้าย ของ ท่าน ศาสดามูฮัมมัด ที่ถุก บันทึก ไว้ 3 ภาคที่ต่างกัน คือ
ภาคที่1. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ “ซุนนะห์” (มุวัตตะ, 46/3)
ภาคที่2. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ อะฮ์ลาลบัยต์ (อะฮ์ลุลบัยต์) (มุสลิม 44/4, นู2408; อิบนฺ ฮะนะบาล4/366; ดอริมิ23/1; นู 3319)
ภาคที่3. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก ท่าน (มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56)


อยากรู้นักก็เลยไปเสาะแสวงหามาให้ แต่ก็ไม่รู้นะว่าจะตรงกะที่ลุงฯต้องการอ้าง...มาอิง รึป่าว เพราะการอ้างด้วยตัวเลขแบบนี้ มันก็มั่วๆอยู่ เนื่องจากตำรับตำราที่พิมพ์จากสำนักพิมพ์ต่างกัน มันก็นับบท นับหมวด ไม่ค่อยจะตรงกัน นับเลขหะดีษยิ่งไปกันใหญ่ จะให้ดี ผมว่าน่าจะอ้างอิงด้วย ชื่อเลย ว่ากิตาบไหน บาบไหน มันยังพอจะค้นได้ตรงเป้ากว่า .... เนี่ยมันแย่อย่างงี้ละ
มาดูกันสิว่า มันน่างง ฉงฉัย ยังไงมั่ง (ผมขออนุญาตไม่แปลละนะครับ เด๋วไก่ของผมมันจะออกมาวิ่งเพ่นพ่านปนกะห่านของลุงละจะยุ่งกันใหญ่)

ภาคที่1. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ “ซุนนะห์”

موطأ مالك : الجامع - النهي عن القول بالقدر
عن ‏ ‏مالك ‏ ‏أنه بلغه ‏ ‏أن رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏قال ‏ ‏تركت فيكم أمرين لن تضلوا ما تمسكتم بهما كتاب الله وسنة نبيه

Translation of Malik's Muwatta, Book 46: The Decree
Section: The Prohibition against Talking about the Decree
Book 46, Number 46.1.3:

Yahya related to me from Malik that he heard that the Messenger of Allah, may Allah bless him and grant him peace, said,
"I have left two matters with you. As long as you hold to them, you will not go the wrong way. They are the Book of Allah and the Sunna of His Prophet."

อันนี้ เหตุเกิดที่ไหน อย่างไร ไม่ปรากฏ
-----------------------------

ภาคที่2. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ อะฮ์ลาลบัยต์ (อะฮ์ลุลบัยต์)

صحيح مسلم : فضائل الصحابة - من فضائل علي بن أبي طالب رضي الله عنه
حدثني ‏ ‏يزيد بن حيان ‏ ‏قال ‏ ‏انطلقت أنا ‏ ‏وحصين بن سبرة ‏ ‏وعمر بن مسلم ‏ ‏إلى ‏ ‏زيد بن أرقم ‏ ‏فلما جلسنا إليه قال له ‏ ‏حصين ‏ ‏لقد لقيت يا ‏ ‏زيد ‏ ‏خيرا كثيرا ‏
‏رأيت رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏وسمعت حديثه وغزوت معه وصليت خلفه لقد لقيت يا ‏ ‏زيد ‏ ‏خيرا كثيرا حدثنا يا ‏ ‏زيد ‏ ‏ما سمعت من رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏قال يا ابن أخي والله لقد كبرت سني وقدم عهدي ونسيت بعض الذي كنت ‏ ‏أعي ‏ ‏من رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏فما حدثتكم فاقبلوا وما لا فلا تكلفونيه ثم قال قام رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏يوما فينا خطيبا بماء يدعى خما بين ‏ ‏مكة ‏ ‏والمدينة ‏ ‏فحمد الله وأثنى عليه ووعظ وذكر ثم قال ‏ ‏أما بعد ألا أيها الناس فإنما أنا بشر يوشك أن يأتي رسول ربي فأجيب وأنا تارك فيكم ‏ ‏ثقلين ‏ ‏أولهما كتاب الله فيه الهدى والنور فخذوا بكتاب الله واستمسكوا به فحث على كتاب الله ورغب فيه ثم قال وأهل بيتي أذكركم الله في أهل بيتي أذكركم الله في أهل بيتي أذكركم الله في أهل بيتي فقال له ‏ ‏حصين ‏ ‏ومن أهل بيته يا ‏ ‏زيد ‏ ‏أليس نساؤه من أهل بيته قال نساؤه من أهل بيته ولكن أهل بيته من حرم الصدقة بعده قال ومن هم قال هم آل ‏ ‏علي ‏ ‏وآل ‏ ‏عقيل ‏ ‏وآل ‏ ‏جعفر ‏ ‏وآل ‏ ‏عباس ‏ ‏قال كل هؤلاء حرم الصدقة قال نعم


Translation of Sahih Muslim, Book 31: The Book Pertaining to the Merits of the Companions (Allah Be Pleased With Them) of the Holy Prophet (May Peace Be Upon Him) (Kitab Al-Fada'il Al-Sahabah)
Chapter 4: THE MERITS OF 'ALI B. ABI TALIB (ALLAH BE PLEASED WITH HIM)
Book 031, Number 5920:
Yazid b. Hayyan reported, I went along with Husain b. Sabra and 'Umar b. Muslim to Zaid b. Arqam and, as we sat by his side, Husain said to him: Zaid. you have been able to acquire a great virtue that you saw Allah's Messenger (may peace be upon him) listened to his talk, fought by his side in (different) battles, offered prayer behind him. Zaid, you have in fact earned a great virtue. Zaid, narrate to us what you heard from Allah's Messenger (may peace be upon him). He said: I have grown old and have almost spent my age and I have forgotten some of the things which I remembered in connection with Allah's Messenger (may peace be upon him), so accept whatever I narrate to you, and which I do not narrate do not compel me to do that. He then said: One day Allah's Messenger (may peace be upon him) stood up to deliver sermon at a watering place known as Khumm situated between Mecca and Medina. He praised Allah, extolled Him and delivered the sermon and. exhorted (us) and said: Now to our purpose. O people, I am a human being. I am about to receive a messenger (the angel of death) from my Lord and I, in response to Allah's call, (would bid good-bye to you), but I am leaving among you two weighty things: the one being the Book of Allah in which there is right guidance and light, so hold fast to the Book of Allah and adhere to it. He exhorted (us) (to hold fast) to the Book of Allah and then said: The second are the members of my household I remind you (of your duties) to the members of my family. He (Husain) said to Zaid: Who are the members of his household? Aren't his wives the members of his family? Thereupon he said: His wives are the members of his family (but here) the members of his family are those for whom acceptance of Zakat is forbidden. And he said: Who are they? Thereupon he said: 'Ali and the offspring of 'Ali, 'Aqil and the offspring of 'Aqil and the offspring of Ja'far and the offspring of 'Abbas. Husain said: These are those for whom the acceptance of Zakat is forbidden. Zaid said: Yes.

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ “คุม” ซึ่งอยู่ระหว่างมักกะฮฺกับมะดีนะฮฺ นบียืนพูดข้างบ่อน้ำ (เข้าทางชีอะฮฺเลยสิเนี่ย !) ก็แปลว่าคนละฉากกับอะเราะฟะฮฺสิ...ใช่ป่ะ?

อ๊ะ-อ๊ะ หมายเหตุ : ตรงที่ท่านซัยด์ บินอัรกฺอมเค้าบอกว่า “I have grown old and have almost spent my age and I have forgotten some of the things which I remembered in connection with Allah's Messenger (may peace be upon him), so accept whatever I narrate to you, and which I do not narrate do not compel me to do that.” - “ฉันนี่มันก็เฒ่าชะแรแก่ชรา เหมือนไม้ใกล้ฝั่งแล้วนะหลาน ฉันอาจจะหลงๆลืมๆเรื่องอะไรๆที่เคยจดจำเกี่ยวกับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไปมั่ง เพราะฉะนั้นอะไรที่ฉันเล่าให้ฟังก็รับไว้เถอะ แต่อะไรที่ฉันไม่ได้เล่าก็อย่ามาคาดคั้นเอาความอะไรกันนักหนาเลยนะ ไอ้หลานเอ๊ย!” ลุงอย่าเอาอันนี้มาอ้างนะว่านี่ไงหะดีษถึงเลอะเลือน เด๋วประเด็นมันจะบานไปกันใหญ่ แล้วชาวบ้านเค้าจะจับไต๋ได้ว่าลุงหาเรื่องเบี้ยวอีก ความมันจะปูดนะ ลุง!

-------------------------

ภาคที่3. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น … หือ ...อย่างเดียวเท่านั้นเหรอ ???
หะดีษนี้มันย้าว....ยาว ขอตัดตอนมาละกันนะครับ

صحيح مسلم الحج حجة النبي صلى الله عليه وسلم

فأجاز رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏حتى أتى ‏ ‏عرفة ‏ ‏فوجد ‏ ‏القبة ‏ ‏قد ‏ ‏ضربت ‏ ‏له بنمرة فنزل بها حتى إذا ‏ ‏زاغت الشمس ‏ ‏أمر بالقصواء ‏ ‏فرحلت ‏ ‏له فأتى بطن الوادي فخطب الناس وقال إن دماءكم وأموالكم حرام عليكم كحرمة يومكم هذا في شهركم هذا في بلدكم هذا ألا كل شيء من أمر الجاهلية تحت قدمي ‏ ‏موضوع ‏ ‏ودماء الجاهلية ‏ ‏موضوعة ‏ ‏وإن أول دم ‏ ‏أضع ‏ ‏من دمائنا دم ‏ ‏ابن ربيعة بن الحارث ‏ ‏كان مسترضعا في ‏ ‏بني سعد ‏ ‏فقتلته ‏ ‏هذيل ‏ ‏وربا الجاهلية ‏ ‏موضوع ‏ ‏وأول ربا ‏ ‏أضع ‏ ‏ربانا ربا ‏ ‏عباس بن عبد المطلب ‏ ‏فإنه ‏ ‏موضوع ‏ ‏كله فاتقوا الله في النساء فإنكم أخذتموهن بأمان الله واستحللتم فروجهن بكلمة الله ولكم عليهن أن ‏ ‏لا يوطئن فرشكم ‏ ‏أحدا تكرهونه فإن فعلن ذلك فاضربوهن ضربا غير ‏ ‏مبرح ‏ ‏ولهن عليكم رزقهن وكسوتهن بالمعروف وقد تركت فيكم ما لن تضلوا بعده إن اعتصمتم به كتاب الله وأنتم تسألون عني فما أنتم قائلون قالوا نشهد أنك قد بلغت وأديت ونصحت فقال بإصبعه السبابة يرفعها إلى السماء ‏ ‏وينكتها ‏ ‏إلى الناس اللهم ‏ ‏اشهد ‏ ‏اللهم اشهد ثلاث مرات ثم أذن ثم أقام فصلى الظهر ثم أقام فصلى العصر ولم يصل بينهما شيئا


The Messenger of Allah (may peace be upon him), however, passed on till he came to 'Arafa and he found that the tent had been pitched for him at Namira. There he got down till the sun had passed the meridian; he commanded that al-Qaswa should be brought and saddled for him. Then he came to the bottom of the valley, and addressed the people saying: Verily your blood, your property are as sacred and inviolable as the sacredness of this day of yours, in this month of yours, in this town of yours. Behold! Everything pertaining to the Days of Ignorance is under my feet completely abolished. Abolished are also the blood-revenges of the Days of Ignorance.
The first claim of ours on blood-revenge which I abolish is that of the son of Rabi'a b. al-Harith, who was nursed among the tribe of Sa'd and killed by Hudhail. And the usury of the pre-Islamic period is abolished, and the first of our usury I abolish is that of 'Abbas b. 'Abd al-Muttalib, for it is all abolished. Fear Allah concerning women! Verily you have taken them on the security of Allah, and intercourse with them has been made lawful unto you by words of Allah. You too have right over them, and that they should not allow anyone to sit on your bed whom you do not like. But if they do that, you can chastise them but not severely. Their rights upon you are that you should provide them with food and clothing in a fitting manner. I have left among you the Book of Allah, and if you hold fast to it, you would never go astray. And you would be asked about me (on the Day of Resurrection), (now tell me) what would you say? They (the audience) said: We will bear witness that you have conveyed (the message), discharged (the ministry of Prophethood) and given wise (sincere) counsel. He (the narrator) said: He (the Holy Prophet) then raised his forefinger towards the sky and pointing it at the people (said):" O Allah, be witness. 0 Allah, be witness," saying it thrice. (Bilal then) pronounced Adhan and later on Iqama and he (the Holy Prophet) led the noon prayer. He (Bilal) then uttered Iqama and he (the Holy Prophet) led the afternoon prayer and he observed no other prayer in between the two.

อันนี้เป็นหัจญ์ของท่านนบี ที่ท่าน ญาบิร บินอับดิลลาฮฺ เล่าให้ฟัง ก็จับมาประเด็นกันเฉพาะตรงที่นบีบอกว่า “แน่นอน ฉันได้ทิ้งไว้ให้พวกท่านแล้ว สิ่งที่จะทำให้พวกท่านจะไม่หลงอีกเป็นอันขาดถ้าพวกท่านยึดมั่นมันไว้ นั่นคือ คัมภีร์ของอัลลอฮฺ” แค่นี้ก็พอนะ
แต่อ่านสักกี่รอบ ก็ยังไม่เจอคำว่า “อย่างเดียวเท่านั้น” อย่างกะที่ลุงเอามาหลอกชาวบ้านเลยนี่ครับ !!!

ก็ขอสรุปตรงนี้ว่า ทั้ง 3 รายงาน ไม่ได้บ่งบอกมันเกิดขึ้นในเหตุการณ์เดียวกัน อาจจะเป็นต่างวาระกันก็ได้ ซึ่งจากที่ผมนำมาก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็อย่างว่าละครับ ยังไม่แน่ อาจมีรายงานอื่นที่ผมหาไม่เจอระบุว่าเป็นคำพูดของท่านนบีในวาระเดียวกันอย่างที่ลุงพยายามอ้างๆอิงๆ ถูกไปไถมาก็ได้....วัลลอฮุอะอฺลัม ผมขอทิ้งตรงนั้นไว้ให้เป็นหน้าที่ท่านวิทยากรและผู้รู้ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ดีกว่า

ผมหยิบประเด็นนี้มาเพื่อพยายามวิเคราะห์ว่า มันเกิดอะไรขึ้น อย่างไร

วิเคราะห์-1
ตามข้อมูลของผมข้างต้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างกรรม ต่างวาระ ทั้งคนฟัง และสถานที่ เป็นคนละงานกัน นั่นคือสภาพแวดล้อมและประเด็นที่เป็นตัวกระตุ้นให้ท่านนบีกล่าวเรื่องนั้นๆขึ้น เป็นคนละเหตุ คนละกรณีกัน เมื่อท่านนบีจะกล่าวปราศรัยหรือจะสอนแก่ประชาชนนั้น ท่านจะพิจารณาว่า เมื่อไหร่ควรสอนเรื่องไหน และควรเน้นประเด็นใดกับใครเป็นพิเศษ เช่น มีหลายๆคนมาถามเรื่องเดียวกัน แต่ท่านให้คำตอบแก่แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน โดยท่านจะมองว่าคนนี้ขาดตรงนั้น ท่านก็เน้นเสริมให้เขาสนใจเรื่องที่ขาด อีกคนดีพร้อมแต่ยังพร่องในบางส่วนอยู่ ท่านก็จะเติมส่วนที่พร่องนั้นๆให้ ให้ไปพยายามปรับปรุงตัว เช่น ถามว่า “การงานไหนทำให้ได้เข้าสวรรค์” ไปหาดูเถอะ คำตอบที่แต่ละคนได้รับจากท่านนบีไม่ค่อยจะเหมือนกันหรอก ลักษณะอย่างนี้ลุงแมทท์คงจะไม่ “นิ่ม” จนคิดว่านบีเลอะเทอะหรอกนะครับ .... อะอูซุบิลลาฮฺ!

3 เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในเหตุการณ์หนึ่ง นบีต้องการเน้นให้ยึดมั่นใน “อัลกุรอานและซุนนะฮฺ” ท่านก็กล่าวย้ำถึง 2 สิ่งนั้น
อีกที่หนึ่ง สถานการณ์เปลี่ยนไป ท่านจำเป็นต้องเน้นถึง “อัลกุรอานและครอบครัวของท่าน”
แล้วอีกที่หนึ่ง อาจจะย้ำไว้เพียง “อัลกุรอาน” นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะยกเลิกความสำคัญในซุนนะฮฺและครอบครัวของท่านแต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่า “มุสลิมที่มีศรัทธาถูกต้องมั่นคง” คนใดเพิกเฉย ละเลย ต่อทั้ง 3 สิ่งหรือ อื่นๆอีกมากมายที่ท่านนบีสั่งกำชับไว้ นอกจากพวกที่ ปากว่าศรัทธา แต่พฤติกรรมตรงกันข้ามแล้วยังมาอ้างตัวเป็น มุสลิม เท่านั้น ที่มันพยายามเฉแฉลบ บิดเบือนออกไป

วิเคราะห์-2
สมมุติว่าเป็นอย่างที่ลุงแมทท์พยายามจะให้เป็น คือ เป็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่ทำไมไม่เหมือนกัน?
สมมุติว่า ศุกร์ไหนก็ได้ เรารีบไปมัสญิด ไปฟังคุฏบะฮฺและละหมาดวันศุกร์ อิมามพูดเรื่องความดี 10 ประการ 1-2-3-4.... 9-10 มีอย่างนั้นๆๆๆๆ
พอละหมาดเสร็จ ลองออกมาถามคนที่ออกจากมัสญิดสิว่า อิมามพูดเรื่องอะไร
6 คนอาจจะตอบเรื่องความดี 10 ประการนั้นได้ครบถ้วน แต่อาจจะเล่าถึงตัวอย่างได้ครบทั้งหมดด้วยแค่ 3-4 คน
2 คน บอกได้แค่ 8-9 ข้อ
1 คน บอกได้สัก 2-3 ข้อ เพราะสัปหงก ไปหน่อย
อีกคนที่เหลือ บอก “ไม่รู้สิ ผมมาตอนตักบีรละหมาดพอดี”

นี่ขนาดเรามีไมค์ มีเครื่องขยายเสียงฟังกันชัดเจนทั้งมัสญิด แล้วสมัยนบีไม่มีโทรโข่ง คนอยู่ไกลออกไป ได้ยินมั่ง ไม่ได้ยินมั่ง บางคนจับได้ข้อเดียว บางคนจับได้ 2 ข้อ หรือ 3 ข้อ เขาก็รายงานเท่าที่รู้ เท่าที่เขารับได้ ก็อย่างที่ท่านซัยด์ว่าละครับ อันไหนจำได้ก็เล่าให้ฟัง อันไหนจำไม่ได้ก็อย่าว่ากันเลย ...หลานเอ๊ย!

ซุนนะฮฺท่านนบีก็เช่นกัน ก็ต้องประมวลมาจากหลายๆหะดีษ แล้วสรุปเป็นกรณีๆไป หะดีษนี้เสริมกับหะดีษนั้น หรือบางหะดีษอาจจะดูว่าขัดกันแต่มันก็ด้วยเงื่อนไขแตกต่างหลากหลายออกไป อาจจะเป็นลักษณะที่ อันหนึ่งยกเลิกอีกอันหนึ่งตามเงื่อนไขเวลา หรืออาจจะมีคำอธิบายอื่นตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอื่นๆ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 หะดีษที่ลุงสงสัย มันก็ไม่ได้ขัดกัน หรือยกเลิกกันตรงไหนนี่นา เพราะไม่มีรายงานไหนบอกเลยว่า “อย่ายึดถือซุนนะฮฺของฉันนะ เดี๋ยวจะหลงไปกันใหญ่” อย่างที่ลุงอุปโลกน์มาหลอกเด็ก.... ช่ายป่ะ..ลุงแมทท์?

หรือแม้กระทั่งหะดีษของท่าน อุมัร
(อ่านว่า อุ-มัร ครับ ไม่ใช่ อุมมาร์ เป็นเคาะลีฟะฮฺคนที่สอง ...เออ.... แต่พูดไปลุงแมทท์ก็คงไม่รู้จักหรอกเพราะไม่มีกล่าวไว้ในกุรอาน !)

صحيح البخاري : الاعتصام بالكتاب والسنة - باب
‏عن ‏ ‏ابن شهاب ‏ ‏أخبرني ‏ ‏أنس بن مالك ‏ ‏أنه سمع ‏ ‏عمر ‏الغد حين بايع المسلمون ‏ ‏أبا بكر ‏ ‏واستوى على منبر رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏تشهد قبل ‏ ‏أبي بكر ‏ ‏فقال ‏ ‏أما بعد فاختار الله لرسوله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏الذي عنده على الذي عندكم وهذا الكتاب الذي هدى الله به رسولكم فخذوا به تهتدوا وإنما هدى الله به رسوله


Translation of Sahih Bukhari, Book 92: Holding Fast to the Qur'an and Sunnah
Volume 9, Book 92, Number 374:
Narrated Anas bin Malik:
That he heard 'Umar speaking while standing on the pulpit of the Prophet in the morning (following the death of the Prophet), when the people had sworn allegiance to Abu Bakr. He said the Tashah-hud before Abu Bakr, and said, "Amma Ba'du (then after) Allah has chosen for his Apostle what is with Him (Paradise) rather than what is with you (the world). This is that Book (Quran) with which Allah guided your Apostle, so stick to it, for then you will be guided on the right path as Allah guided His Apostle with it."

อันนี้ก็เหมือนกัน ตรงไหนครับที่ท่านอุมัรบอกว่า ไม่เอาซุนนะฮฺนบี? หรือว่าไม่เอาเรื่องที่ใครจะมาบอกว่า นบีสั่งอย่างนั้น ห้ามอย่างนี้ ฉันไม่ฟัง .... ไม่มีเลยครับ!
ถ้าคนที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้มาบอกอะไรที่เป็นคำสั่งจากท่านนบี คนแกร่งกร้าวอย่างท่านอุมัร “ยอม” ครับ ท่านไม่ดันทุรังหรอก จะบอกให้ และคำบอกเล่าอย่างนั้นน่ะแหละที่เขาเรียกว่า หะดีษ และก็ไม่มีใครเขาเอาหะดีษมานำหน้ากุรอานอย่างที่ลุงพยายามใส่ความเขาเหมือนครับ
===========================

เอาละทีนี้ ผมว่าเรามาสรุป คำถามที่เกิดขึ้นบนกระดานนี้ แล้วกำลังรอให้ลุงแมทท์ตอบกันดีกว่า

1 ละหมาดตามอัลกุรอาน ทำอย่างไร? (คำถามที่ทุกคนรอคอย ซึ่งอันนี้ผมถามลุงมาตั้งแต่กระดาน muslimthai.com ปีที่แล้ว..ปีนึงพอดิบพอดี... ลุงยังปั้นน้ำไม่เป็นตัวเลยเหรอครับ? ลองเอาใส่ตู้เย็นสิ เข้าช่อง Freeze นะ เอาไว้ข้างล่างมันไม่เป็นตัวหรอก)
รวมทั้งประเด็นปลีกย่อยคือ (วะฮาบีย์ : อ. มิย. 15, 2004 4:21 pm)
1.1 ถามว่าเวลาจะอาบน้ำละหมาดคุณ Matt ทำอย่างไร ล้างหน้า ล้างแขน ลูบหัว ล้างเท้า เป็นอันเสร็จ ???
1.2 “และหากพวกเจ้ามีญะนาบะฮฺ ก็จงทำความสะอาด” ทำความสะอาดในที่นี้คืออะไร ทำอย่างไร ช่วยหาในอัลกุรอานทีว่าอยู่อายะห์ไหน
1.3 แล้วละหมาดวันหนึ่งมีกี่เวลา ผมสงสัยจังว่าที่ละหมาด 5 เวลาจะถูกต้องไหม เพราะยังหาหลักฐานในอัลกุรอานไม่เจอ ช่วยหาให้ทีสิครับ ด่วนด้วยนะครับ

2 ใครคือนบี (รอซูล)
3 คุณไม่ปฏิเสธนะบี แต่ไม่เอาคำสอนของนะบี หมายความว่ายังไง(Nes อ. มิย. 08, 2004 7:53 pm )
4 กุรอานอายาฮ์ใดที่ใช้ให้ปฏิเสธฮาดีษที่หมายถึงซุนนะฮ์ของนบี (nes : พ. มิย. 09, 2004 9:18 pm )
5 ในวันอีดิ้ลฟิตรี่คุณจ่ายฟิตเราะห์หรือเปล่าคะและคุณเอาหลักฐานในการจ่ายฟิฏเราะห์นั้นมาจากไหน (chico : พฤ. มิย. 10, 2004 12:50 am)
6 คุณรับวะฮีย์เองหรือ คุณตามนะบีหรือปล่าว ถ้าตาม...ตามยังไง ในเมื่อคุณปฏิเสธฮะดีสศอเฮียห์ (nes : อาทิตย์ มิย. 13, 2004 12:05 pm)
7 คุณมีความเข้าใจอายะฮฺนี้อย่างไร (AlGhuraba : พ. มิย. 16, 2004 11:00 am)

مَّا كَانَ مُحَمَّدٌ أَبَا أَحَدٍ مِّن رِّجَالِكُمْ وَلَكِن رَّسُولَ اللَّهِ وَخَاتَمَ النَّبِيِّينَ وَكَانَ اللَّهُ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمًا
33:40. Muhammad was not the father of any man among you. He was a messenger of GOD and the final prophet. GOD is fully aware of all things.

8 อาถรรพ์เลข 19 (AlGhuraba : พ. มิย. 16, 2004 10:35 pm)
9 คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าอัลกุรอานี่อัลลอฮประทานลงมาคือเล่มที่คุณยึดเป็นแนวทาง (วะฮาบีย์ : พฤ. มิย. 17, 2004 10:04 am)

ที่จริงยังมีอีกเป็นกระบุง แต่ผมขอเก็บเอาเฉพาะที่น่าจะเป็นประเด็นหลักๆมาให้ลุงเตรียมตัวตอบซะที อย่าไปใส่ใจกับเรื่อง 3-4 หะดีษที่เกริ่นไปข้างต้นโน่นก็ได้ครับจะได้เอาเวลามาเคลียร์ตรงนี้กันซะที และพวกเราก็เบรกไว้ก่อน อย่าเพิ่งหาคำถามใหม่มารบกวนสมาธิลุงแมทท์ผม ไม่งั้นต้องรอกันอีกหลายปี ตู้เย็นบ้านแกไม่ค่อยเย็นน่ะครับ ปั้นน้ำไม่ค่อยเป็นตัว!

ผมว่าเอาอย่างงี้ดีกว่า ในฐานะที่ลุงแมทท์ ยืนยันว่าเคารพในกติกา ประชา –ทิป-ตาย ! อย่างฝังหัว ขอให้พวกเราที่เข้ามาคุยกันในกระดานนี้ โหวตดีกว่า ว่าจะให้ลุงแมทท์ของผม ตอบเรื่องไหนก่อน อีก 3 วันเรามานับคะแนนโหวตกัน ว่าเรื่องไหนได้คะแนนสูงสุด เรื่องที่พวกเราชาวประชาชี ย๊าก.... อยาก ให้ลุงแมทท์ตอบ แล้วลุงแมทท์แก “คง” พยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษยอม(หวานอม ขมกลืน)รับมติเองแหละ เราจะได้ไม่ต้องรอกันอีกปี (อย่างผมที่ ร้อ รอ .... รอมานาน)

Ok ?.... เย่!
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 10:10 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เริ่มก่อนเลย

ผม vote ข้อ 1 ครับ Very Happy
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
maJnoon
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 24/01/2004
ตอบ: 27
ที่อยู่: ไม่..ที่บ้านก็มัสยิด..

ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 10:51 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ขอโหวตด้วยคน

.. :P ...ข้อ 1 ครับ ด่วนสุดๆ...ลุง..แมทท์....ตอบหน่อย.. :P..

_________________
"..อัลลอฮฺมิทรงมองดูที่ลักษณะทางร่างกายของท่านหรือที่ทรัพย์สิน
ของท่าน แต่พระองค์จะทรงมองที่หัวใจและการกระทำของท่าน.."
(มุสลิม)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ahlussunnah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/06/2004
ตอบ: 43


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 11:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

To AlGhuraba
I think, Our lecturer can explain like or mare than you but we need to follow a point. Do you remember? Matt said.

นอกจากจะไม่มีความหมายในรูปสำนวนคำสาบานแล้ว คุณ matt ยังเติมข้อความในวงเล็บ และเพิ่มคำว่า เท่านั้น ต่อท้ายประโยคด้วย เพื่อชักลากไปสู่การอธิบายให้สอดคล้องกับเหตุผลของตัวเองว่า “ เป็นการ ยืนยันว่า การตัดสินของ อัลลอฮ์ นั้นเป็นการตัดสินที่เด็ดขาด และ ไม่สามารถที่จะ เปลี่ยนแปลงได้” ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การปฏิเสธฮะดีษหรือซุนนะห์ของท่านรอซูล

นี่คือวิธีการบิดเบือนความหมายและวัตถุประสงค์ของอัลกุรอาน

This is the point, I think we should't explain anything unless he accept the correct meaning of Al-qual and that is the point. Pls don't move a point.

Muslimthai in USA
Milpitas, California
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว เข้าชมเว็บไซต์
bushra
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 31/05/2004
ตอบ: 4
ที่อยู่: ดุบัย

ตอบตอบ: Thu Jul 01, 2004 2:07 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอมตืให้ช่วยตอบข้อที่หนึ่งด้วยค่ะคุณอา
_________________
ร่วมใจศรัทธา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ MSN
nes
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Mar 12, 2004
ตอบ: 80
ที่อยู่: bkk

ตอบตอบ: Thu Jul 01, 2004 9:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



เอ้า..ข้อหนึ่งก็ข้อหนึ่ง ขอโหวดด้วยคน

ตอบหน่อย ท่านอาจานแมทท์

ข้อที่ 1 วิธีละหมาดตามอัลกุรอานเป็นยังไง อยากรู้จัง..

แต่ผมว่าคุณแมทท์นั้น ถ้าไม่กลับมาร่ายรำ ก็หนีไปตามระเบียบ

กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ahlussunnah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/06/2004
ตอบ: 43


ตอบตอบ: Thu Jul 01, 2004 9:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

K. Bushra
We don't need to hurry about this but we move slowly and understand together. Our lecturer will explain everything step by step.

the point is

ความหมายโดยคุณ matt “เว้นไว้เสียแต่ (ด้วยอำนาจและพลานุภาพ ของ) พระองค์อัลลออฮ์ เท่านั้น, ผู้คนเหล่านั้น จะไม่มีความศรัทธาที่แท้จริง(ต่อพระองค์อัลลอฮ์), “จนกว่า” ที่ผู้คนเหล่านั้นจะยอมรับ ให้เจ้า(มูฮัมมัด) เป็นผู้ตัดสิน ในข้อพิพาท ต่างๆระหว่าง พวกเขา, และถ้าพวกเขามีความโปร่งใสภายใต้จิตสำนึก ของ พวกเขา ในการยอมรับคำตัดสินของเจ้า(มูฮัมมัด) จะไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยนอกเสียว่าผู้คนเหล่านั้นมีความเต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาที่แท้จริ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว เข้าชมเว็บไซต์
อัลฮุดา
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 16/03/2004
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Thu Jul 01, 2004 10:18 pm    ชื่อกระทู้: มรดกอิสลาม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam เฉพาะพี่น้องมุสลิมค่ะ

ญะซากัลลอฮ์คุณ AlGhuraba ที่ได้นำความกระจ่างในข้อสงสัยของคุณmatt (ที่ว่า คุตบะห์ครั้งสุดท้ายของท่านรซูล Solallah มีผู้ฟังเป็นจำนวนพันๆคน แต่การจดบันทึกฮาดีสกลับมีถึง 3 ภาคไม่เหมือนกัน) มาให้ได้รับทราบ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนใจให้คุณ matt มายอมรับฮาดีสศอเฮี๊ยะห์ได้หรือไม่นะคะ

สำหรับเรื่องที่จะให้ vote นั้น ถ้าดูจากลำดับที่คุณจัดทำมา .....ก้อขอเป็นข้อที่ 1 ด้วยเช่นกันค่ะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ahlussunnah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/06/2004
ตอบ: 43


ตอบตอบ: Fri Jul 02, 2004 1:02 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

I think, Matt has al-qual 17,000 ayah like a Shi-ah attagiyah

We don't need to hurried about this.

Imam Umar, Ameerulmuamineen spent the time for studied the meaning of al-bagarah for 8 years.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว เข้าชมเว็บไซต์
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Sat Jul 03, 2004 12:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
พี่น้องสมาชิก มรดกฯ ที่ไม่เป็นตัวบ่อนทำลายอัลอิสลาม ทุกท่าน

ขอบคุณครับคุณ bushra คุณ nes คุณอัลฮุดา และคุณ maJnoon (ขอให้หายไวๆนะ)
ขอบคุณที่ ”กระวนกระวายใจ” และร่วมลงคะแนน

เรียน ท่านวิทยากร
สิ่งที่ผมนำเสนอไปข้างต้น ยังไม่ถือว่าเป็น “คำตอบสุดท้าย” ผมเพียงแต่แสดงความคิดเห็นในมุมมองของผม เท่าที่ผมจะสามารถหาข้อมูลอ้างอิงได้ วิเคราะห์ไปตามที่เข้าใจ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ตามข้อเท็จจริงและหลักวิชาการ หรืออาจจะมีถูกบ้างบางประเด็น อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อมูลอื่นเพิ่มเติม หรือหลักฐานที่สามารถชี้ชัดได้ก็ขอความอนุเคราะห์จากท่านได้โปรดชี้แนะด้วยครับ
และถ้าไม่รังเกียจก็ขอเรียนเชิญท่านวิทยากร ร่วมลงคะแนนเลือก คำถามคาใจ ข้างบนนั้นสักข้อด้วยครับ ผมเชื่อว่า ลุงแมทท์ของผมท่านไม่เบี้ยวหรอก ท่านเป็นนัก ประชา-ทิป-ตาย เต็มตัวครับ ท่านยืนยันมาอย่างนั้นตั้งแต่กระดาน Muslimthai.com จนบัดนี้คงยังไม่มีใครย้ายจุดยืนของท่านได้หรอก เพราะท่าน “มั่นคงดั่งหินผา” ต่อวะฮีย์ที่ท่านได้รับมา!


Br. Ahlussunnah
Thank you very much for your suggestion.
I didn’t mean to move the point. But, actually, I want to make it easier for us to follow the right way from my friendly uncle Matt, if any! It was June last year that he PROMISED to teach me how to say prayer correctly according to the Book of Allah. That’s why I wondered if I was doing something mistake in my prayer or not after I had a spicy controversy with him.

I don’t think anybody can persuade him to follow what we practice. Why not! We let him show what in his hand is? And, after this, I believe we can go the right way without obstruction. Insha allah!

Again, according to your assumption, I think there is a misunderstanding.
Uncle Matt has nothing to do with Shiite. Absolutely, he has no connection with them. But for something with CIA or not, I’ve no idea.

Now, would you like to join us in voting a favorite topic in your mind?…. Please!
---------------------------------------

เรียนพี่น้องร่วมกระดานทุกท่าน

ขอเรียนเชิญอีกครั้งครับ ทุกท่านที่เป็นสมาชิก ทั้งที่ติดตามกระทู้นี้มาตลอด ท่านที่ผ่านไปผ่านมา ท่านที่เคยแสดงความคิดเห็น และที่ไม่เคย รวมทั้งที่ไม่กล้าด้วยก็ขอเชิญมาร่วมลงคะแนนนะครับ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แค่บอกว่าเลือกข้อไหนเท่านั้น ไม่ได้-ไม่เสีย ผมจะสรุปประเด็นปัญหาให้เลือกอีกทีนะ

คำพูด:
1 ละหมาดตามอัลกุรอาน ทำอย่างไร?
2 ใครคือนบี (รอซูล)
3 ไม่ปฏิเสธนะบี แต่ไม่เอาคำสอนของนะบี หมายความว่ายังไง
4 กุรอานอายาฮ์ใดที่ใช้ให้ปฏิเสธฮาดีษที่หมายถึงซุนนะฮ์ของนบี
5 ในวันอีดิ้ลฟิตรี่คุณจ่ายฟิตเราะห์หรือเปล่า และคุณเอาหลักฐานในการจ่ายฟิฏเราะห์นั้นมาจากไหน
6 คุณรับวะฮีย์เองหรือ คุณตามนะบีหรือปล่าว ถ้าตาม...ตามยังไง ในเมื่อคุณปฏิเสธฮะดีสศอเฮียห์
7 คุณมีความเข้าใจอายะฮฺนี้อย่างไร

مَّا كَانَ مُحَمَّدٌ أَبَا أَحَدٍ مِّن رِّجَالِكُمْ وَلَكِن رَّسُولَ اللَّهِ وَخَاتَمَ النَّبِيِّينَ وَكَانَ اللَّهُ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمًا 33:40. Muhammad was not the father of any man among you. He was a messenger of GOD and the final prophet. GOD is fully aware of all things.

8 อาถรรพ์เลข 19
9 คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าอัลกุรอานที่อัลลอฮประทานลงมาคือเล่มที่คุณยึดเป็นแนวทาง


ผมขออนุญาตกำหนดการนับคะแนนซะเลยดีกว่านะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเยิ่นเย้อ
เอาเป็นว่า ผมจะปิดกล่องลงคะแนน
วันจันทร์ที่ 5 ก.ค. 47 นี้ เวลา 12.00 น. (เวลามาตรฐานประเทศไทย)
ก็คงประมาณเที่ยงคืน ที่บ้านลุงแมทท์ นะครับ (ไม่รู้อยู่โซนไหนเหมือนกัน) เผื่อว่าลุงแมทท์รอดูอยู่ ท่านจะได้นอนยิ้มฝันหวานได้ว่า ท่านจะต้องตอบเรื่องไหน
แต่ผมว่า ตอนนี้ ลุงฯ ก็น่าจะรู้แล้วละว่าต้องเตรียมปั่นต้นฉบับข้อไหนแน่ … จิงป่ะ…ลุง?

หมายเหตุ ห้ามพนันผลการลงคะแนน เหมือนบอลยูโรเด็ดขาด โดน ตำรวจล้มโต๊ะ ไม่รู้ด้วย!
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ahlussunnah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/06/2004
ตอบ: 43


ตอบตอบ: Sat Jul 03, 2004 1:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

I have read a lot of measage and i think,

"Seijid Sulaiman of Shi-ah attagiyah still be here.


Matt has a lot of Al-qual like shi-ah attagiyah and he is waiting Mahdi for tubsir.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว เข้าชมเว็บไซต์
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ลัทธิ-นิกาย ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 8, 9, 10 ... 21, 22, 23  ถัดไป
หน้า 9 จากทั้งหมด 23

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.16 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ