หลังจากที่นายโคเฟอร์ แบล๊ก อดีตหัวหน้าหน่วยไล่ล่ากลุ่มอัลกออิดะห์ ประจำหน่วยข่าวกรองของสหรัฐ ได้ปูดข่าวการเปลี่ยนตัวผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ว่า ขณะนี้นายอัยมัน อัศซอวาฮิรีได้ขึ้นตำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ แทนอุซามะห์ บินลาดินแล้ว เนื่องจากการไล่ล่าของสหรัฐและพันธมิตรอย่างหนักหน่วงในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้อุซามะห์ บินลาดิน ต้องคอยหลบหนี และเปลี่ยนที่ซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับสมาชิกกลุ่ม ทำให้นายอัยมัน อัศซอวาฮิรี กลายเป็นหัวหน้าผู้ปฏิบัติการอย่างแท้จริง แต่อุซามะห์ บินลาดินก็ยังคงเป็นผู้นำด้านสัญญลักษณ์ของกลุ่มอัลกออิดะห์
และแม้ว่า อุซามะห์ บินลาดิน จะถูกไล่ล่าอย่างหนักหน่วงตามที่ตกเป็นข่าว แต่ก็ยังแสดงบทบาทท้ายทายอำนาจของอเมริกาอยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดได้บันทึกเสียงจริงส่งผ่านสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ ว่า จะหยุดโจมตียุโรปหากกลุ่มประเทศเหล่านั้นถอนตัวออกจากแผ่นดินของมุสลิม นอกจากอเมริกาและอิสราเอลเท่านั้นที่จะยังคงโจมตีผลประโยชน์ของทั้งสองต่อไป
ดูเหมือนคำของ บินลาดินจะสัมฤทธิ์ผล เพราะหลังจากเกิดเหตุระเบิดในสเปนแล้ว บรรดาประชาชนในแทบยุโรปหลายประเทศต่างออกมาประท้วงรัฐบาลของตนเองที่ชักศึกเข้าบ้าน และเรียกร้องให้รัฐบาลถอนทหารออกจากอิรัค ทำให้บรรดาผู้นำเหล่านั้นต่างปรับท่าทีกรณีส่งทหารเข้าอิรัค เช่นสเปนได้ถอนทหารออกจากอิรัคไปแล้ว ทำให้ซาตานบุช เร่าร้อนกล่าวตัดพ้อว่า การถอนทหารของสเปนนี้จะยิ่งทำให้กลุ่มก่อการร้ายได้ใจ แต่เสียงของซาตานบุชดูจะไร้ค่า เพราะอีกหลายประเทศก็ได้ประกาศถอนทหารแล้วเช่นกัน เช่นโดเมนิกัลได้เคลื่อนย้ายกำลังพลออกจากอิรัคเข้าสู่คูเวตเพื่อเตรียมเดินทางกลับมาตุภูมิแล้วในวันนี้
แม้ว่าอุซามะห์ บินลาดิน จะไม่ได้ดำรงหัวหน้าอัลกออิดะห์ในทางปฏิบัติตามที่ตกเป็นข่าวก็ตาม แต่ศักยภาพของกลุ่มอัลกออิดะห์ ก็ยังคงเข้มแข็ง สมารถสำแดงฤทธิ์ได้ตลอดเวลา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ อุซามะห์ บินลาดิน ไม่ได้มีสัญชาติปาเลสไตน์ อัฟกัน หรือ อิรัค และเขาก็ไม่เคยประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อปาเสไตน์ เพื่ออัฟกานิสสถาน อิรัค หรือเพื่อพวกพ้องและหมู่คณะ แต่เขาประกาศอยู่เสมอว่า สู้เพื่อมุสลิมและอิสลาม
คำว่า มุสลิม และ อิสลามนี้เป็นคำที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะสามารถปลุกกระแสต่อต้านยิวได้ตลอดเวลา ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่กลุ่มอัลกออิดะห์จะมีแนวร่วมกระจายอยู่ทั่วโลก และนับวันก็ยิ่งจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
การปฏิบัติการพลีชีพด้วยวิธีการต่างๆ เช่นคาร์บอม เป็นสิ่งที่ตะวันตกและพันธมิตรต่างสะพรึงกลัว เพราะนั่นคือการแลกด้วยชีวิตของตัวเอง และกลุ่มเป้าหมาย ที่หาทางแก้ไขและสกัดกั้นได้ยาก แต่มันก็เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของกลุ่มอัลกออิดะห์ แน่นอน..ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดนั้น คำตอบก็คือ ไม่ใช่พวกเขาเป็นคนกล้าบ้าบิ่นแต่ด้วยศรัทธา ต่างหากที่พวกเขาเอาชีวิตเข้าแลก และมิใช่ศรัทธาต่อตัวอุซามะห์ บินลาดิน แต่ศรัทธามั่นต่อพระเจ้าตามคำสอนของศาสนาในเรื่อง ญิฮาด ซึ่งหมายถึงการต่อสู้ด้วยชีวิต หรือด้วยทรัพย์ เมื่อมุสลิมและอิสลามถูกรุกราน ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ สวนสวรรค์
ทหารที่รบด้วยศรัทธาไม่กลัวตาย กับทหารที่รบเพื่อชนะและกลัวตายนั้น ผลเป็นที่ปรากฏและประจักษ์แก่ชาวโลกแล้ว
ปัญหาที่หลายคนอยากรู้ก็คือ ใครอยู่เบื้องหลังกลุ่มอัลกออิดะห์ ในการจุนเจือปัจจัย เพราะการปฏิบัติการแต่ละครั้งต้องใช้เงินทุนมหาศาล ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดออกมายอมรับโดยตรง แต่ก็เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่า นายทุนหลักคือ ซาอุดิอราเบีย และกลุ่มประเทศอาหรับทั้งมวล ซึ่งไม่ใช่ภาครัฐแต่เป็นเอกชนที่ระดมเงินทุนจากพี่น้องมุสลิมอย่างลับๆเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่กำลังทำลายมุสลิมและอิสลาม โดยพวกเขาเชื่อว่า แม้ตัวเขาไม่ได้ร่วมต่อสู้แต่ทรัพย์ของเขาได้มีส่วนร่วมในการทำญิฮาดแล้ว
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.