หลังเกิดเหตุการณ์ 28 เมษา วิปโยคที่กรือเซะ และอีกหลายพื้นที่ในภาคใต้ สำนักข่าวทั่วทุกมุมโลก ต่างตีภาพข่าวนี้กันอย่างแพร่หลาย พร้อมทั้งวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างไร้ทิศทาง โดยบทวิเคราะห์ข่าวของซีกตะวันตกกับซีกตะวันออกกลางไปกันคนละทางดังเส้นขนาน แต่บทสรุปที่ได้ตรงกันก็คือ รัฐบาลไทยใช้ความรุนแรงเกินเหตุ จนกระทั่งองค์กรสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ไทยสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นการด่วน
แปลกเหลือเกิน...ที่คนไทยก็ยำใหญ่ข่าวนี้กับเขาด้วย โดยทั้งซีกรัฐและประชาชนต่างออกมาให้ข่าวกันอย่างสะเปะสะปะ ทำให้แยกไม่ออกว่าอันไหนคือข่าวชาวบ้านและอันไหนคือข่าวของทางการ
ที่ร้ายที่สุดก็คือ ปากสกปรกกับนิ้วโสโครกพยายามทิ่มแทงมาที่มุสลิมและอิสลาม เพื่อสร้างภาพเลวร้ายและสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นแก่คนในชาติ
และหลายคนพยายามผนวกคำสอนของอิสลามบางเรื่องเข้าไว้ด้วย โดยที่พวกเขาไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของอิสลามเลย
หาใช่ว่าเราจะเข้าข้างคนผิด เพราะอิสลามมิได้สอนให้เราทำเช่นนั้น แต่อิสลามสอนให้เรามุจุดยืนว่า อย่าเชื่อข่าวใดๆโดยพลัน จนกว่าจะตรวจสอบข่าวนั้นให้แน่ชัดเสียก่อน มิเช่นนั้นแล้วจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือนร้อน เสียหาย จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
มุสลิมจะไม่ปรักปรำผู้อื่น หรือปรักปรำมุสลิมด้วยกันเอง และมุสลิมจะยึดถือคำสอนของศาสนามากกว่าสิ่งใด
อย่าให้ความหวาดระแวงต่อภาครัฐขยายวงกว้างออกไป โดยเฉพาะญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของผู้เสียชีวิต ที่หัวใจของพวกเขาเริ่มคับแค้นขึ้นทุกขณะ
มิใช่แต่เพียงเท่านี้บรรดามุสลิมทั่วทุกมุมโลกที่เขานับความเป็นพี่เป็นน้องร่วมศาสนาต่างจับตามองเช่นกัน
โดยเฉพาะบรรดาแหล่งข่าวในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางนั้น พวกเขามิได้กล่าวว่า เกิดเหตุกับคนไทยในภาคใต้ แต่เขากล่าวกันว่า เกิดเหตุกับมุสลิมในภาคใต้ของประเทศไทย
ฉะนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งทำให้ความจริงประจักษ์ ก่อนที่จะเป็นไฟลามทุ่ง
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.