หลังจากกลุ่มติดอาวุธในอิรักที่ใช้ชื่อว่า อันซอริสซุนนะห์ ออกแถลงการณ์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตพร้อมวีดีโอภาพสังหารตัวประกันคนงานชาวเนปาลนับถือศาสนาฮินดูด้วยการเชือดคอ 1 คน ที่เหลือถูกยิงเข้ากลางหลังเสียชีวิตทั้ง 11 คน จากเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและประชาชนชาวเนปาลเป็นจำนวนมาก จนทำให้มีประชาชนหลายพันคนออกมารวมตัวประท้วงไม่พอใจและด่าทอศาสนาอิสลามอย่างรุนแรงถึงขั้นบุกเผามัสยิดหลังใหญ่แห่งหนึ่งของชาวมุสลิมที่ตั้งอยู่กลางกรุงกัฑมันดู เมืองหลวงประเทศเนปาล
ต่อมาผู้ประท้วงได้บุกเข้าพังสำนักงานสายการบินประเทศกาตาร์, สายการบินประเทศซาอุดิอารเบีย, สายการบินประเทศปากีสถานซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง พร้อมกับพยายามบุกจู่โจมเข้าทำลายสถานทูตอียิปต์ประจำกรุงกัฑมันดู เมืองหลวงประเทศเนปาล เนื่องจากสถานทูตอียิปต์จะคอยดูแลผลประโยชน์แทนประเทศอิรัก(โดยคนงานเนปาลจะไปอิรักต้องเดินเรื่องผ่านสถานทูตอียิปต์) แต่ผู้ประท้วงก็ไม่สามารถบุกเข้าไปด้านในของสถานทูตดังกล่าวได้ เพราะถูกตำรวจยิงสกัดจนทำให้ผู้ประท้วงบาดเจ็บหลายคน หลังจากนั้นตำรวจปราบจราจลได้ยิงแก๊สน้ำตาและเข้าสลายฝูงชนพร้อมกับประกาศเคอร์ฟิวในที่สุด
กล่าวได้ว่ากลุ่มติดอาวุธในอิรักนั้นพยายามประกาศเตือนห้ามคนงานชาวต่างชาติเข้าไปทำงานหรือสนับสนุนเกี่ยวข้องกับทหารสหรัฐในอิรักอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนทางกล่มฯ จะสังหารทิ้งอย่างไม่ปราณีตามที่เคยตกเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้งและถึงแม้ว่าคนงานชาวต่างชาติบางคนจะเป็นชาวมุสลิมก็ตาม ก็ยังถูกสังหารไม่เว้นเช่นเดียวกัน แต่ภาพการสังหารชาวต่างชาติที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้คนงานชาวเนปาลในอิรักมีความสำนึกแต่อย่างใด จวบจนกระทั่งถูกกลุ่มติดอาวุธในอิรักจับเป็นตัวประกันและถูกสังหารพรัอมกันถึง 12 คนในเวลาต่อมา ด้วยข้อหาทำงานให้กับบริษัทประเทศจอร์แดนที่ตั้งอยู่ในอิรักและผลิตอาหารส่งให้กับทหารสหรัฐในอิรัก
จากเรื่องราวดังกล่าวนี้คงไม่ใช่รายสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะปัจจัยสำคัญอยู่ที่เงินเดือนอันสูงลิ่ว ที่คอยล่อใจนักเสี่ยงโชคจากประเทศยากจนทั่วโลก ที่ชอบใช้สุภาษิตที่ว่า ไปตายเอาดาบหน้า เวทนาแท้ๆ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.