ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
AbdurRahman มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 26/07/2005 ตอบ: 185
|
ตอบ: Thu Nov 17, 2005 2:46 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อะสันะบังนะ อย่า อ้าสั่นล่ะ
วันนี้บังต้องรวมพวกลูกศิษย์ขอดุอออ์ให้ป๋มด้วยนะ บังขอคนเดียวรู้สึกช้าๆยังไงไม่รู้ อิอิ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
รอซีดีน มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/05/2004 ตอบ: 17
|
ตอบ: Thu Nov 17, 2005 6:37 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อิมามชาฟอีไม่สอนซิฟัดดูวอปุโละไง |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
รอซีดีน มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/05/2004 ตอบ: 17
|
ตอบ: Mon Nov 21, 2005 12:20 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ถามเซอๆอ่ะ ไม่มีใครตอบเลย |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
yoohoo มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 17/02/2004 ตอบ: 65
|
ตอบ: Mon Nov 21, 2005 3:42 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอตอบแบบเซอ ๆ ละกันว่า เค้าหยุดไปเที่ยวงานเมาลิดกันมั้งครับ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Nov 23, 2005 12:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
وَأَنَّ هَـذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيمًا فَاتَّبِعُوهُ وَلاَ تَتَّبِعُواْ السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَن سَبِيلِهِ ذَلِكُمْ وَصَّاكُم بِهِ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ
6. 153. dan bahwa (yang Kami perintahkan ini) adalah jalanKu yang lurus, maka ikutilah dia, dan janganlah kamu mengikuti jalan-jalan (yang lain) [521], karena jalan-jalan itu mencerai beraikan kamu dari jalanNya. Yang demikian itu diperintahkan Allah agar kamu bertakwa. [521] Maksudnya: janganlah kamu mengikuti agama-agama dan kepercayaan yang lain dari Islam
153. และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง(*1*) เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้สั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง
.......................................
(1) คือทางอื่น ๆ ที่มนุษย์อุตริกำหนดขึ้นเอง ซึ่งมิใช่มาจากอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์
....................................
หากมุสลิมทุกคนให้ความสำคัญและใคร่ครวญโองการข้างต้น ก็จะทำให้เขารู้ว่า แนวทางในศาสนาอิสลาม คือ แนวทางเดียวเท่านั้น คือ แนวทางของอัลลอฮ (ซ.บ) ที่มีท่านนบี ศอลฯ เป็นผู้ทำหน้าที่เรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ทั้งมวลมาสู่แนวทางของพระองค์ จึงเห็นได้ว่า คนในยุคสลัฟ เขาไม่ได้อ้างว่า เราอยู่มัซฮับอบูบักร หรือ มัซฮับอุมัร เป็นต้น ผิดกับยุคปัจจุบัน ที่มีคนแอบว่าว่า ในด้านอากิดะฮ เราสังกัดมัซฮับอัชอะรียะฮ ในด้านฟิกฮเราสังกัดมัซฮับชาฟิอี หรือ หะนาฟี หรือ อื่นๆจากมัวฮับทั้งสี่ อัลลอฮ(ซ.บ)ไม่ได้กำหนดหลายๆแนวทาง ให้มนุษย์เดิน ท่านนบี ศอลฯก็ไม่ได้กำหนดหลายๆแนวทางให้อุมมะฮของท่านเดิน และอิหม่ามทั้งสี่ก็ไม่ได้กำหนดหลายๆแนวทาง ให้ลูกศิษย์ของท่านเดิน แล้วใครล่ะครับ ...ที่กำหนดมันขึ้นมา ใครรู้ช่วยบอกด้วย
เถิด...
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
รอซีดีน มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/05/2004 ตอบ: 17
|
ตอบ: Thu Nov 24, 2005 2:59 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เมาลิด ไม่ใช่ศาสนาเหรอ มัสฮับซาฟีอีเปล่า |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 2:46 am ชื่อกระทู้: |
|
|
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
คีนนี้ คืนวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันหยุด อัลหัมดุลิลลาห์ ผมก็ปลีกเวลาเขามาสนทนาได้บ้างครับ ไม่ใช่ว่าผมหายไปใหนหรอกครับ เพราะว่าช่วงนี้ต้องเรียน ออกไปเรียนแต่เช้า กว่าจะถึงบ้านก็มืด กลับมาก็ทบทวนสักพักก็หลับ ก็ไม่ค่อยได้เข้ามาสนทนาเลย บังอะสันคงเหงาน่าดูซิครับเนี่ย
อ้างอิงจากบังอะสัน
وَأَنَّ هَـذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيمًا فَاتَّبِعُوهُ وَلاَ تَتَّبِعُواْ السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَن سَبِيلِهِ ذَلِكُمْ وَصَّاكُم بِهِ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ
153. และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง(*1*) เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้สั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง
.......................................
(1) คือทางอื่น ๆ ที่มนุษย์อุตริกำหนดขึ้นเอง ซึ่งมิใช่มาจากอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์
....................................
หากมุสลิมทุกคนให้ความสำคัญและใคร่ครวญโองการข้างต้น ก็จะทำให้เขารู้ว่า แนวทางในศาสนาอิสลาม คือ แนวทางเดียวเท่านั้น คือ แนวทางของอัลลอฮ (ซ.บ) ที่มีท่านนบี ศอลฯ เป็นผู้ทำหน้าที่เรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ทั้งมวลมาสู่แนวทางของพระองค์ จึงเห็นได้ว่า คนในยุคสลัฟ เขาไม่ได้อ้างว่า เราอยู่มัซฮับอบูบักร หรือ มัซฮับอุมัร เป็นต้น ผิดกับยุคปัจจุบัน ที่มีคนแอบว่าว่า ในด้านอากิดะฮ เราสังกัดมัซฮับอัชอะรียะฮ ในด้านฟิกฮเราสังกัดมัซฮับชาฟิอี หรือ หะนาฟี หรือ อื่นๆจากมัวฮับทั้งสี่ อัลลอฮ(ซ.บ)ไม่ได้กำหนดหลายๆแนวทาง ให้มนุษย์เดิน ท่านนบี ศอลฯก็ไม่ได้กำหนดหลายๆแนวทางให้อุมมะฮของท่านเดิน และอิหม่ามทั้งสี่ก็ไม่ได้กำหนดหลายๆแนวทาง ให้ลูกศิษย์ของท่านเดิน แล้วใครล่ะครับ ...ที่กำหนดมันขึ้นมา ใครรู้ช่วยบอกด้วย
เถิด...
ตอบ
อายะฮฺนี้ เกี่ยวกับเรื่องอากิดะฮฺ ไม่ใช่เรื่องมัซฮับฟิกห์นะครับบังอะสัน อย่าเอามาอ้างตบตาผู้อ่านเลยครับ เรื่องอากิดะฮฺนั้น ย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ย่อมมีแนวทางเดียว ที่มีความถูกต้อง คือแนวของบรรดาซอฮาบะฮฺและสะละฟุสศอลิหฺ และผู้เจริญรอยตามพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอากิดะฮฺสะลัฟอัลอะชาอิเราะฮฺหรืออัลมะตูริดียะฮฺ แม้ว่าจะมีการใช้หลักฐานและเหตุผลที่ต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็คือยืนยันในความบริสุทธิ์ให้กับอัลเลาะฮฺ(ซ.บ.) ซึ่งแตกต่างกับกลุ่มอื่น เช่นสะละฟีย์ (วะฮาบีย์ปัจจุบัน) ที่นำเอาคุณลักษณะของอัลเลาะฮฺ ไปเทียบคล้ายคลึงกับมัคโลค เช่นอัลเลาะฮฺทรงนั่งและมีน้ำหนักอยู่บนมัคโลค คืออัลอะรัช ซึ่งพระองค์ไปเหมือนกับมัคโลคอย่างหนึ่งก็คือ สารบันทึก ที่ถูกวางบนตั้งอยู่บนอะรัช ที่หะดิษซอเฮี๊ยะหฺได้ระบุไว้ โปรดกลับไปทบทวนดู สารบันทึกก็อยู่บนอะรัช อัลเลาะฮฺก็อยู่บนอะรัช แบบนี้มันไม่คล้ายคลึงกันหรือครับ พูดไปเดี๋ยวบังอะสันบอกว่าความเห็นมาว่าอีก ทั้งที่ความเห็นนั้น คือการใช้สติปัญญาที่อัลเลาะฮฺใช้ให้เราใคร่ครวญ โดยที่อัลอะชาอิเราะฮฺนั้น ใคร่ครวญด้วยสติปัญญาที่สอดคล้องกับหลักฐานอัลกุรและซุนนะฮฺ ซึ่งแตกต่างกับนักปรัชญาที่ใช้สติปัญญาล้วนๆ โปรดผู้อ่านทำการแบ่งแยกให้ถูกต้อง ด้วยครับ เท่าที่ผมสนทนามา สะละฟีย์ (วะฮาบีย์) เนี่ยกลัวอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ การใช้เหตุผลในเรื่องอากิดะฮฺ เนื่องจากสะละฟีย์ปัจจุบันเนี่ย มีอากิดะฮฺที่ขัดแย้งกับสติปัญญา ซึ่งสติปัญญาในที่นี้ก็คือ สติปัญญาที่วางอยู่บนหลักการของอัลกรุอานและซุนนะฮฺนั่นเอง ดังนั้นการที่อัลเลาะฮฺนั่งอยู่บนอะรัชนั้น ย่อมเหมือนกับมัคโลค คือเหมือนกับสารบันทึก ที่วางอยู่บนอะรัช นั่งแล้วมีน้ำหนัก สัมผัสอยู่บนอะรัช อย่างนี้อัลเลาะฮฺไม่เป็นร่างกายดอกหรือครับ ? แบบนี้เป็นอากิดะฮฺไม่ถูกต้อง เพราะเหตุผลทางสติปัญญานี้ อัลกรุอานได้ยืนยันเอาไว้ก่อนแล้วว่า
ليس كمثله شيء وهو السميع البصير
ความว่า "พระองค์ทรงไม่คล้ายเหมือนกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด "
ولم يكن له كفوا أحد
ความว่า "ไม่มีผู้ที่จะมาเทียบเทียม(เหมือน)กับพระองค์ "
ดังนั้น อัลเลาะฮฺจะไปคล้ายไปเหมือนกับมัคโลคไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะด้านซาต การกระทำ หรือว่าซีฟัต
บังอะสันเนี่ย พอยกอายะฮฺที่ตนเองชอบล่ะก็ ไม่ยอมไปดูสาเหตุประทานโองการว่า เรื่องอะไร ? เอาไปเหมาหมด จนเลยเถิดไปถึงเรื่องมัซฮับฟิกห์ คือบังอะสันจะบอกว่า แนวทางฟิกห์เนี่ย ที่ถูกต้องคือแนวทางที่บังอะสันปฏิบัติอยู่นั้น ถูกต้องอยู่ทางเดียวเท่านั้น ตามที่วิสัยของสะละฟีย์เป็นอยู่ ทั้งที่ มัซฮับฟิกห์นั้น ไม่ว่าจะเป็นมัซฮับชาฟิอีย์ หะนะฟีย์ มาลิกีย์ หรืออื่นๆ นั้น ย่อมนำมาปฏิบัติในเรื่องศาสนาได้ ตราบใดที่มันได้อิงจากหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ซึ่งอัลเลาะฮฺ(ซ.บ.) ทรงตรัสไว้ว่า
والذين جاهدوا فينا لنهيدينهم سبلنا
ความว่า " และบรรดาผู้ซึ่งต่อสู้(ทุ่มเท)ใน(หนทาง)ของเรา แน่นอน เราก็จะชี้นำให้พวกเขา กับหลายๆหนทางของเรา"
ดังนั้น การวินิจฉัยของบรรดาอุลามาอฺมัซฮับนั้น คือการต่อสู้และทุ่มเทในเรื่องของอัลเลาะฮฺ ซึ่งทุกคนก็จะได้ผลบุญตอบแทนในการวินิจฉัย แต่จะถูกหรือผิดนั้น อัลเลาะฮฺเท่านั้นคือผู้ที่รู้และพระองค์ทรงอภัยให้ ดังนั้น การที่เราเชื่อว่า สิ่งที่เราทำนั้นถูกเพียงฝ่ายเดียว โดยที่ผู้อื่นนั้นผิด แบบนี้เขาเรียกว่า บิดอะฮฺ _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:02 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากคุณ รอชิดีน
อิมามชาฟอีไม่สอนซิฟัดดูวอปุโละไง
ตอบ
ซีฟัตของอัลเลาะฮฺไม่ใช่มีแค่ 20 หรอกครับ เพราะว่าคุณลักษะของอัลเลาะฮฺนั้นมีมากมาย ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้นอกจากอัลเาะฮฺ แต่คุณลักษณะที่เราต้องเรียนรู้แบบรายละเอียด คือมี 13 หรือ 20 ประการ ซึ่งเป็นซีฟัตแม่หรือซีฟัตหลักๆ ที่ครอบคลุมถึง 99 พระนามของอัลเลาะฮฺ(ซ.บ.) และใครที่ปฏิเสธ คุณลักษณะ 13 ประการนี้ ย่อมเป็นกาเฟร และอิมามชาฟิอีย์นั้น เป็นอุลามาอฺฟิกหฺ ส่วนเรื่องเตาฮีดนั้นก็สอนนะครับ แต่แนวการสอนอาจจะแตกต่างกันไป ส่วนเรื่องซิฟัตยี่สิบนั้น ไม่มีใครเขาปฏิเสธกันหรอกครับ ใครเก่งจริง ก็ลองปฏิเสธสักซิฟัตหนึ่งซิครับ มีหวังปฏิเสธอัลกุรอานหลายอายะฮฺเลยทีเดียว
แต่ที่แน่ๆนั้น การแบ่งแยกเตาฮีด ออกเป็นสามประเภทนั้น ตั้งแต่ ยุคสลัฟ จนถึงศตวรรษที่ 7 ไม่มีใครสอนเรื่องการแบ่งเตาฮีด รุบูบียะฮฺและฮุลูฮียะฮฺ กันหรอกครับ บรรดาซอฮาบะฮฺ และอิมามทั้งสี่ ก็ไม่มีใครสอนกันหรอก และพวกเขาก็ไม่ได้แบ่งด้วย _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:26 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากคุณ อิลยาส
ขอคำตอบนครับตกลงอะชาอิเราะฮฺที่พวกคุนสังกัดเป็นแบบไหนครับ
مرحلة الاعتزال
مرحلة متابعة ابن كلاب
أهل السنة
แล้วพวกทั่นมีจุดยืนกับตำราสามเล่มนี้ยังงัยครับ
رسالة إلى أهل الثغر
مقالات اللإسلاميين
الإبنة
เท่าที่มีข้อมูลคือส่วมมากจากอะชาอิเระฮฺนั้นอยู่ในสภาพที่สอง ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮิ และ ขัดแย้งกับแนวทางของ อิหม่ามอบูหะชัน อัชอารีย์เอง ซึ่งแนวทางที่มีอยู่นั้นเป็นแนวทางในความจำเป็นต้องตีความในคุณลักษณะทั่วไป ไม่อิษบาตตามตัวบทซอเฮร ยกเว้น เจ็ดคุณลักษณะ
ตอบ
คุณอิลยาสครับ ผมอยากขอข้อมูลเพิ่มนะครับ ไม่ใช่ยกมาแบบตักลีดเขามาอีกที แบบนี้ตามตาบอดนะครับ ท่านอิมามอัลอัชอะรีย์นั้น ท่านได้วางแนวทางหลักๆ ให้แก่เรา ซึ่งเป็นแนวทางของสะลัฟ แต่ไม่จำเป็นที่เราต้องตามคำพูดของท่านไปทั้งหมด เพราะว่าท่านไม่ใช่นบี การตามแนวทางของท่านอัลอัชอะรีย์นั้น เราตามสายรายงานที่มาจากบรรดาสานุศิษย์ของท่าน ไม่ใช่ตามหนังสือของท่านที่ถูกผู้ไม่หวังดีทำการบิดเบือน ตัดทอนเพิ่มเติมถ้อยความ แม้กระทั้ง เอาต้นฉบับของหนังสือ อัลอิบานะฮฺ มาเทียบกันตั้งสี่ ฉบับ ก็ยังไม่เหมือนกันสักฉบับเดียว ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า มันต้องมีการกุเท็จขึ้น เสมือนกับหนังสือ ของอุลามาอฺตะเซาวุฟ ที่มีผู้ไม่หวังดีได้ กุเพิ่มเติมเข้าไป อันเนื่องจากความอิจฉาริษยา
ส่วนเรื่องการตีความนั้น เรามีทั้งมอบหมายแบบสะลัฟ(ไม่ใช่แบบสะละฟีย์ มุยัสซิมะฮฺ)และมีการตีความด้วยเมื่อมีความจำเป็น เพราะสะละฟุสซอลิหฺนั้น มีทั้งมอบหมายและตีความ ดังที่ผมนำเสนอหลักฐานไปแล้ว และมันก็ยังเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนัก เพราะพวกคุณไม่หักล้างและคัดค้านมัน
ผมอยากขอคำอธิบาย "เจ็ดคุณลักษณะ" ที่คุณว่ามาสักนิดนะครับ คุณอิลยาส ผมเห็นคุณไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที สนทนาให้เป็นเรื่องเป็นราวก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ
ส่วนสาม มัรหะละฮฺนั้น คุณไปเอามาจากใหน ? หรือว่าเอามาจากหลักการวิเคราะหฺของสะละฟีย์(วะฮาบีย์)ปัจจุบันล่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณสนทนากับผมได้เลยครับ ส่วนท่านอิบนุกุลลาบเนี่ย
เขามีปัญหาอะไรหรือครับ ? เห็นคุณตั้งช่วงระยะเวลาการตามเขาด้วย ทั้งที่ท่าน อิบนุกุลลาบนั้น ท่านอิมามบุคคอรีย์ ก็ตามแนวทางของเขา และท่านอัซซะฮะบีย์ ก็กล่าวว่า เขาคืออุลามาอฺกะลามที่ใกล้ชิดไปยังซุนนะฮฺมากที่สุด ผมขอเกริ่นแค่นี้ก่อน แล้วค่อยอธิบายเชิงวิชาการ แต่ตอนนี้ บังขอให้คุณอธิบายสิ่งที่คุณนำเสนอมาให้กระจ่างหน่อย เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าคุณมีความเข้าใจในเชิงวิเคราะหฺได้แค่ใหน แล้วผมก็จะร่วมสนทนากับคุณในประเด่นนี้สักที เห็นคุณเกริ่นแบบกล้าๆกลัวมาตั้งแต่ต้นแล้ว เชิญคุณอิลยาสนำเสนอแบบรายละเอียดเลยว่า ผมพร้อมเสมอ _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:33 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากบังอะสัน
ซึ่งดูจากสภาวิชาการค้นคว้าแห่งมะดีนะฮฺ ได้ฟัตวาไว้ว่า" แท้จริง แนวทางอะชะอิเราะฮฺไม่ใช่กาฟิร แต่หากว่า ในนั้นมีความตีตวามที่ผิดพลาด จากบางส่วนของคุณลักษณะของอัลลอฮฺอัซวะญัลธ
ตอบ
อัลอะชาอิเราะฮฺนั้น เป็นแนวทางของอะฮฺลิสซุนนะฮฺ วัล ญะมาอะฮฺ อย่างแท้จริง จากอดีตจวบจนปัจจุบัน เรื่องจากอัลอิสลามนั้น จะสืบทอดกันมา แบบ تسلسل เป็นลูกโซ่จากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่หลักการของอัลอิสลามจะมีการขาดตอน หรือขาดช่วงในยุคสมัยใดสมัยหนึ่ง ซึ่งอากิดะฮฺ สะลัฟ อัลอะชาอิเราะฮฺนั้น มีการสืบเนื่องอย่างลูกโซ่ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างกับแนวทางของสะละฟีย์ปัจจุบัน หรือที่คนทั่วไปเขาเรียกว่า วะฮาบีย์ ซึ่งนิยมแนวคิดจาก มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ และมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ก็มีความนิยมในแนวทาง ของ อิบนุตัยมียะฮฺ และอิบนุก๊อยยิม แนวทางของอิบนุตัยมียะฮฺนั้น จะมีการขาดช่วง ในกลาวศตวรรษที่ 7 จนกระทั้งเกิดนิยมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในยุคหลังๆ คือยุคของมุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ซึ่งการขาดช่วงอย่างนี้นั้น ไม่ใช่คุณลักษณะของความต่อเนื่องที่เป็นลูกโซ่ของหลักการอิสลาม ซึ่งหลักการของอัลอิสลามนั้น จะต้องมีหลักการที่ต่อเนื่องจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน
ผมไม่ทราบว่า สภาค้นคว้าแห่งมะดีนะฮฺ กล่าวว่า อัลอะชาอิเราะฮฺตีความที่ผิดพลาด นั้น ไม่ทราบว่าผิดพลาดตามเจตนารมณ์ของอุลามาอฺสะลัฟ หรือผิดพลาดในทัศนะของสะละฟีย์ ที่คนทั่วไปเขาเรียกว่า วะฮาบีย์ ปัจจุบันกันแน่ หากผิดพลาดตามเจตนารมณ์ของอุลามาอฺสะลัฟนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากไม่เหมือนกับสะละฟีย์ปัจจุบันล่ะก็ อันนี้ย่อมแน่นอนครับ เนื่องจากแนวทางของสะละฟีย์นั้น ไม่เหมือนกับแนวทางของสะละฟุสศอลิหฺ อย่างเช่นสะละฟีย์รู้ความหมายคุณลักษณะของอัลเลาะฮฺในเชิงภาษา แต่ไม่รู้วิธีการ แต่อุลามาอฺสะละฟุสศอลิหฺ มอบหมายทั้งความหมาย และวิธีการ อย่างที่ท่านอิมามนะวาวีย์ได้กล่าวไว้ และก็เป็นแนวทางเดิม ของอัลอะชาอิเราะฮฺ นี้คือความแตกต่าง ดั้งนั้น อัลอะชาอิเราะฮฺ ไม่ได้มีความขัดแย้งกับสะละฟุสศอลิหฺ แต่มีความขัดแย้งกับสะละฟีย์ แบบอิบนุตัยมียะฮฺ เท่านั้นเอง _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:36 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากคุณอิลยาส
และนี้เองได้ขัดแย้งกับแนวทางของอลุศซุนนะฮฺวัลญะมะอะฮฺ นักศึกษาควรไตร่ตรอง และรอบครอบในการศึกษา และนำเสนอ และรับวิชาการ ส่วนแนวทางสลัฟนั้นได้อ้างไปยังยุคแห่งความประเสริฐ และหัวหน้าแห่งบรรพชนสลัฟนั้นก้อคือ นบียของเรา มุหัมมัด ขอพร และศันติมีแด่ท่าน และวงศ์วาน ซึ่งท่านชี้แจ้งและขยายในเรื่องนี้ และบรรดาซอฮะบะฮฺได้เรียนรู้ในเรื่องนี้ ใช่ว่าท่านหลงลืม หรือปกปิด จนคนยุคหลังต้องเอามาตีความจนหาที่กลับไปไม่ได้ การตะวีลที่ดียิ่งจงกลับไปทางกิตาบบุลลอฮฺ และแบบฉบับของรซูล และตามความเข้าใจของบรรพชนคนยุคแรก และบรรดาผู้ติดตามพวกท่านเหล่านั้น จากยุคหลัง (ดูเพิ่มเติมที่ كتاب العلم ของชัยค์ อุษัยมีน หน้า 226)
ตอบ
คำว่า แนวทางของอะฮฺลิสซุนนะฮฺ วัล ญะมาอะฮฺ นั้น แนวทางของ อัลอะชาอิเราะฮฺ ได้รับฉายานี้ มาก่อน สะละฟีย์ปัจจุบัน ตั้งแต่อดีต จวบถึงปัจจุบันนั้น คำว่า อะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ จะถูกนำมาใช้กับ อัลอะชาอิเราะฮฺ และอัลมุตูรีดียะฮฺ แต่ปัจจุบัน สะละฟีย์ พยายามอ้างว่า ตัวพวกเขาเองต่างหากที่เป็นอะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ หากแม้ว่าสะละฟีย์ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า วะฮาบีย์ นั้น จะพยายามเรียกตัวเองว่าเป็นอะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺก็ตาม ผมก็อยากที่จะให้นักศึกษาที่มีเกียตริทั้งหลาย ทุ่มเทความพยายามในการศึกษาเรื่องอากิดะฮฺให้อย่างรอบครอบ การที่เราไปรับเอาแนวทางที่อ้างว่าเป็นแนวทางของสะลัฟนั้น เราต้องรู้ที่มาว่า มันมีความเป็นมาอย่างไร ? ใครคือผู้รายงานคำพูดของอุลามาอฺสะละฟุสศอลิหฺ ? ซึ่งในเรื่องศาสนานั้น เราต้องรู้ด้วยว่า สิ่งที่เราเอามานั้น รับเอามาจากใคร ? สะละฟีย์ หรือคนทั่วไปเรียกกันว่า วะฮาบีย์ นั้น พยายามที่จะแอบอ้าง ว่า นั่นคืออากิดะฮฺของสะลัฟ นั่นคืออากิดะฮฺของบรรดซอฮาบะฮฺ แต่สิ่งที่พวกเขาแอบอ้างมานั้น ต่างมีสายรายงาน ที่ฏออีฟ เมาฏั๊วะอฺ ขัดแย้งกับอัลกุรอานที่ชัดเจน บางครั้งต้องเอามาจาก อัลอิสรออีลียาด คือเอามาจากหลักการความเชื่อของยิวยาฮูดี ผมกล่าวอย่างนี้ นักศึกษาที่เป็นสะละฟีย์บางท่านอาจจะไม่พอใจ แต่ผมขอให้ท่านใจกว้างในการเข้ามาศึกษาข้อเท็จจริงครับ แล้วเราก็มาทำการพิสูจน์หลักฐานกันว่า แนวทางใด ที่อยู่ในความเที่ยงตรง มีหลายๆคำพูดมากมาย ที่บังอะสัน เขาไปก๊อบมาอ้างอิง จากอุลามาอฺสะละฟีย์ ซึ่งเป็นคำกล่าวของซอฮาบะฮฺบ้าง ของบรรดาอิมามทั้งสี่บ้าง
เราลองมาคิดดูง่ายๆแบบพื้นๆนะครับว่า หลักฐานต่างๆที่บังอะสันเขาไปก๊อบมาจากอุลามาอฺสะละฟีย์นั้น บรรดาอุมาลาอฺ อัลอะชาอิเราะฮฺมากมาย ไม่รู้สิ่งเหล่านั้นดอกหรือ ? อย่างเช่นอิมามนะวาวีย์ ท่านชัยคฺ อัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร นั้น ไม่รู้สิ่งที่อุลามาอฺสะละฟีย์อ้างอิงมาดอกหรือ ? แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่รับหลักฐานต่างๆเหล่านั้น ? หรือว่าหลักฐานเหล่านั้น มันมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล อย่างเช่นสิ่งที่ผมเคย หักล้าง วิจารณ์ หลักฐานต่างๆ ที่บังอะสันก๊อบมาจากอุลามาอฺสะละฟีย์ ทีละประเด็น ทีละประเด็น บรรดานักศึกษาไม่คิดพิจารณาบ้างหรือครับ ว่า ทำไมหลักฐานที่ว่าเจ๋ง หรือดี ซึ่งบังอะสันนำมาอ้างอิงเพื่อมาสนับสนุนแนวทางของเขานั้น ถึงต้องถูกหักล้างและถูกวิจารณ์ในเชิงวิชาการอยู่เรื่อยไป แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่ผมได้นำเสนออากิดะฮฺของบรรดาซอฮาบะฮฺและชนยุคสลัฟนั้น กลับไม่ถูกวิจารณ์เลยแม้สักหลักฐานเดียว นั่นย่อมชี้ให้เห็นว่า อากิดะฮฺของสะละฟีย์ในเรื่องนี้นั้น ย่อมมีความบกพร่อง _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:37 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อย่างเช่นกรณีของ อากิดะฮฺของอิมามนะวาวีย์ (ร.ฏ.) ซึ่งบังมุหัมมัด และผมได้นำเสนอไปเพื่อยืนยันการเป็น อุลามาอฺ อัลอะชาอิเราะฮฺ ตามที่บังอะสันเคยถามมา แต่เมื่อเรานำมาเสนอ บังอะสันก็ไม่ยอมรับอากิดะฮฺของอิมามนะวาวีย์ (ร.ฏ.) แล้วตอบกลับมาอย่างคนที่ไม่ค่อยยอมรับความจริงว่า ผมเอาเพียงแค่ความเห็นของอิมามนะวาวีย์มาพูด ซึ่งผมไม่ทราบเหมือนกันว่า อิมามนะวาวีย์นั้น มีอากิดะฮฺมาจากความเห็นหรือเปล่า ? หรือว่าอากิดะฮฺของอิมามนะวาวีย์นั้น มันมีที่มา ? ทำไมบังอะสันไม่ถามว่า ใหนหลักฐานที่มายืนยันคำพูดของอิมามนะวาวีย์ ? อย่างนี้ จะเป็นคำถามของผู้ที่ใฝ่สัจจะธรรมอย่างแท้จริง
อย่างเช่นประเด็น การตีความ บังอะสันพูดอย่างไร้หลักฐานว่า ตีความจนหาที่กลับไปไม่ได้ ? ซึ่งคำพูดนี้นั้น ผมไม่ทราบว่ามันออกมาจากอารมณ์ หรือออกมาจากหลักการ ? ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า มัซฮับของอัลอะชาอิเราะฮฺนั้น มีอยู่ สองแนวทาง คือการมอบหมาย และการตีความเมื่อมีความจำเป็น ส่วนประเด็นการตีความนั้น เราจะตีความโดยที่เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮฺ สอดคล้องกับภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาของอัลกุรอาน และความหมายที่ตีความนั้น ย่อมกลับไปหาอัลกุรอานและซุนนะฮฺทั้งสิ้น ซึ่งคำว่า อัลอิสติวาอฺ เราตีความว่า การปกครอง คืออัลเลาะฮฺทรงปกครอง ซึ่งคำว่าปกครองนั้น มีอายะฮฺต่างๆมากมาย ที่ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮฺทรงสิทธิ์ในการปกครองฟากฟ้าและแผ่นดิน และเป็นผู้ปกครองในวันแห่งการตอบแทน เป็นต้น และอย่างเช่น คำว่า พระหัต เราตีความจากแนวทางที่สอง ว่า อำนาจ ความเดชานุภาพ ซึ่งการตีความอย่างนี้ มีความหมายตามที่อัลกุรอานอายะฮฺต่างๆ ได้กล่าวเอาไว้มากมาย เช่น อัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุกๆ สิ่ง เป็นต้น แล้วบังอะสันพูดมาได้อย่างไรว่า ตีความจนหาที่กลับไปไม่ได้ ??? แต่ในทางตรงกันข้าม แนวทางสะละฟีย์ พยายามบอกว่า อัลเลาะฮฺอยู่นั่ง (ใช้ศัพท์ดีๆหน่อยคือ ประทับ) อยู่บนอะรัช ด้วยกับซาตฺของพระองค์ ( بذاته ) ซึ่งคำๆนี้ ไม่มีระบุไว้ในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ แม้สักบทเดียว และเป็นคำกล่าวอ้าง ที่หาที่หวนกลับไปไม่ได้ ?? นี่คือคำท้าทายครับ นักศึกษาทั้งหลาย มีใหมสักบทที่กล่าวอย่างนั้น
แต่บังอะสันและสะละฟีย์ทั้งหลาย ก็ไม่มีทางออก ก็ไปเอาคำพูดของอุลามาอฺสะลัฟที่มีสายรายงานที่ฏออีฟ เมาฏั๊วะอฺ มาอ้าง ทั้งที่เรื่องอากิดะฮฺนี้ อัลเลาะฮฺและร่อซูลเท่านั้น ที่ทำการบัญญัติให้ทำการศรัทธายึดมั่น หากเราไปอ่านหนังสือ اجتماع الجيوش الإسلامية (อิจญฺมาอฺ อัลญุยูส อัลอิสลามียะฮฺ) ของ อิบนุก๊อยยิม นั้น ผมขอกล่าวอัลหัมดุลิลลาห์ ที่ผมไม่ยึดสิ่งที่ อิบนุก๊อยยิมได้อ้างอิงเอาไว้ เนื่องจากมันเป็นการรายงานคำพูดเหมือนนิยามปรัมปรา อิสรออีลียาด บางครั้งที่มีผู้รายงานที่ ชอบกุหะดิษ และเป็นสิ่งที่ บังอะสันชอบนำมาอ้างอิง โดยไม่รู้ว่ามันมีสายรายงานที่กุขึ้นมาหรือไม่ ? แต่บังอะสันให้การยอมรับเชื่อสิ่งในนั้น ก็เนื่องจากว่า บังอะสันนั้น ตักลีดตาม อิบนุก๊อยยิม อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งทำไมเราไม่มาพิจารณาสิ่งที่ อิบนุก๊อยยิมนำมาอ้างอิง สติปัญญาที่อัลเลาะฮฺให้เราทำการพิจารณานั้น เอาไปไว้ที่ใหนหมด ? แล้วใครคือผู้ที่ตักลีด กันแน่ ?? นักศึกษาทั้งหลายโปรดพิจารณาด้วยครับ _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:38 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากคุณอิลยาส
พิมพ์ลำบากเหมือนกันนะครับ เรยมะค่อยอยากพิมพ์ ต้องขอชมเชยคุนฟารุก อัซฮารีย์ และคุนมหัมมัด และอ.อะสัน ขยันพิมพ์กันจริงๆครับ ของอัลลอฮฺตอบแทนความดีทุกทั่น
ตอบ
อัลหัมดุลิลาห์ครับ ที่เราได้พิมพ์ภาษาอาหรับไปด้วย แต่ผมขอบอกว่า บังอะสันนั้น เขาไม่ได้พิมพ์ภาษาอาหรับหรอกครับ เขาเพียงแค่ก๊อบตักลีด เขามาเท่านั้นเอง คุณอิลยาสลองพิจารณาดูซิครับว่า บังอะสันเคย พิมพ์ตอบรับสลามว่า وعلبكم السلام บ้างหรือเปล่า ? เขาเพียงแต่ให้สลามลูกเดียว เพราะว่าไม่ต้องพิมพ์ _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Nov 25, 2005 3:43 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากบังอะสัน
روى عثمان بن سعيد الدارمي، قال: حدثنا الحسن بن الصباح، قال: حدثنا علي بن الحسن بن شقيق، عن ابن المبارك قيل له: كيف تعرف ربنا، قال: بأنه فـوق السماء السابعة على العــرش باين من خلقه(5
............................................................
ที่มา
(5) رواه الدارمي في رده على المريسي ص24، ورده على الجهمية (67)، وعبدالله بن أحمد في (السنة) (216)، والبخاري في (خلق أفعال العباد ص31، والبيهقي في (الأسماء والصفات) (902)، والصابوني في (عقيدة السلف وأصحاب الحديث) ص20، وقال شيخ الإسلام في (الحموية): "وهذا مشهور عن ابن المبارك ثابت عنه مروي من غير
.....................................................
ความหมาย
รายงานโดย อุษมาน บินสะอีด อัดดาริมีเล่าว่า อัลหะซัน บิน อัศเศาะบาห เล่าว่า อะลี บิน ฮะซัน บิน ชะกีก เล่าว่า รายงานจากอิบนุลอัลมุบารอ็ก ว่า ได้มีผู้กล่าวแก่ท่านว่า ท่านรู้จักพระผู้อภิบาลของพวกเราอย่างไร เขา(อิบนุอัลมุบารอ็ก)กล่าวตอบว่า แท้จริง พระองค์ทรงอยู่บนฟากฟ้าชั้นที่เจ็ด บน บัลลังค์ ที่แตกต่าง(ไม่เหมือน)มัคลูคของพระองค์
................................
นีก็เป็นความเชื่อของชาวสลัฟ ซึ่งเราก็เชื่อตามนั้น โดยไม่ได้เอาความเห็นมาหักล้าง อย่างอะชารียะฮยุคปัจจุบัน เนื่อจาก อิหม่ามอัชอะรี ได้กลับมาสู่อะกีดะฮแบบสลัฟแล้ว
ตอบ
ผมอยากที่จะยกตัวบทมาอย่างสมบุรณ์ เนื่องจากบังอะสันยกมาแบบตัดตอนและอำพราง ตามปกติวิสัยของบังเขา ซึ่งตัวบทแบบสมบูรณ์นั้นมีดังนี้
روى عثمان بن سعيد الدارمي، قال: حدثنا الحسن بن الصباح، قال: حدثنا علي بن الحسن بن شقيق، عن ابن المبارك قيل له: كيف تعرف ربنا، قال: بأنه فـوق السماء السابعة على العــرش باين من خلقه ولا نقول كما تقول الجهمية أنه ههنا فى الأرض فقيل لأحمد بن حنبل فقال هكذا هو عندنا
ความว่า " รายงานโดย อุษมาน บินสะอีด อัดดาริมีเล่าว่า อัลหะซัน บิน อัศเศาะบาห เล่าว่า อะลี บิน ฮะซัน บิน ชะกีก เล่าว่า รายงานจากอิบนุลอัลมุบารอ็ก ว่า ได้มีผู้กล่าวแก่ท่านว่า ท่านรู้จักพระผู้อภิบาลของพวกเราอย่างไร เขา(อิบนุอัลมุบารอ็ก)กล่าวตอบว่า แท้จริง พระองค์ทรงอยู่บนฟากฟ้าชั้นที่เจ็ด บน บัลลังค์ ทีแยกออกจากมักโลคของพระองค์ และเราไม่กล่าวเหมือนกับที่พวกอัลญะฮฺมียะฮฺได้กล่าวว่า แท้จริงพระองค์นั้นอยู่บนแผ่นดิน ณ ที่นี้ ดังนั้น (ดังกล่าว)จึงถูกกล่าวแก่ท่านอะหฺมัดบินหัมบัล แล้วท่านอะหฺมัดกล่าวว่า อย่างนี้แหละ คือทัศนะของเรา " ดู มุคตะซ๊อร อัลอุลู้ ของท่านอัซซะฮะบีย์ ทำการตรวจทานโดย อัลบานีย์ หน้า 151 โดยไม่มีคำว่า " باين من خلقه "
คำว่า " باين من خلقه " บังอะสันแปลว่า " ที่แตกต่าง(ไม่เหมือน)มัคลูคของพระองค์ " นั้น ไม่ถูกต้องตามทัศนะอากิดะฮฺของสะละฟีย์ (วะฮาบีย์ปัจจุบัน)ที่บังอะสันยึดถืออยู่ เท่าที่ผมศึกษาเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จนถึงขณะนี้นั้น ผมพบว่า คำว่า " باين من خلقه " ตามทัศนะของสะละฟีย์ (วะฮาบีย์ปัจจุบัน) นั้น หมายถึง อัลเลาะฮฺทรงแยกออกจากมัคโลก คืออัลเลาะฮฺทรงมีระยะทางอยู่ห่างจากมัคโลกโดยอยู่บนฟากฟ้า และคำว่า " باين من خلقه " ที่สะละฟีย์ปัจจุบัน ชอบนำมาใช้นั้น ไม่มีกล่าวไว้ในอัลกุรอานและซุนนะฮฺเลยแม้แต่น้อย แล้วสะละฟีย์มากล่าวแอบอ้างเข้าข้างฝ่ายตนเองได้ว่าไรว่า อากิดะฮฺของพวกเขานั้น คือ " ทรงมีคุณลักษณะ ตามที่พระองค์อัลเลาะฮฺทรงแจงลักษณะให้แก่พระองค์เองเท่านั้น "
ดังนั้นคำว่า" باين من خلقه " ที่รายงานจากท่านอิบนุมุบาร๊อกนั้น บางสายรายงานกล่าวไว้ แต่อีกบางรายงานไม่ได้กล่าวไว้ ซึ่งเป็นตัวบทที่สับสน مضطرب และที่สำคัญ คำคำนี้ ไม่ได้กล่าวเอาในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ
อิมาม อัลอัชอะรีย์ จะกลับมาสู่อะกีดะฮฺแบบสะลัฟ ทำไม ในเมื่อ ท่านอิมาม อัลอัชอะรีย์ ก็มีอะกีดะฮฺสะลัฟอยู่แล้ว และเรา อัลอิชาอิเราะฮฺ จะกลับไปสู่อิกีดะฮฺแบบสะลัฟทำไม ในเมื่อ อัลอะชาอิเราะฮฺนั้น คืออากิดะฮฺ สะลัฟ ของแท้ _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|