ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue Jan 13, 2009 3:08 pm ชื่อกระทู้: อัลกุรอาน....คราวละบท |
|
|
อัลกุรอาน....คราวละบท
อัสลามุอาลัยกุม
โอ้ผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลายครับ
วันนี้?กำลังนิ้วที่ท่านมีอยู่ในการที่ท่านคลิกเม้าท์ เข้ามาอ่าน เข้ามาโพส มาเล่น สิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการถูกสอบสวนจากพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ในการที่พระองค์ทรงให้เนียะมัตต่อท่านให้มีมือ มีเท้า มีสติปัญญาให้ได้ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อแสวงหาปัจจัยที่ท่านต้องการ แสวงหาในการสืบค้นข้อมูลในร้านอินเทอร์เน้ตก็ดี ในบ้านก็ดี ท่านได้ใช้ในการคลิกเข้าหาข้อมูลที่เป็นหลักการอิสลามหรือไม่?
หากไม่แล้วล่ะก็....ควรอีกไหม ที่ท่านมีอัลลอฮ มีรอซูลและมีซึ่งเป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งสวนสวรรค์ของอัลลอฮ(ซ.บ)แล้วท่านจะละเลยและไม่ยอมรับฟังและสืบค้นซึ่งหลักการที่เป็นอิสลามครับ.....
หรือท่านจะเป็นมุสลิมแค่ลมปากครับ...ก็จงเลือกดูนะ แล้วอะไรคือสิ่งที่ท่านต้องแสวงหามากกว่าครับในชีวิตท่าน หากท่านมีเป้าหมายและศรัทธาในวันปรโลกครับ.....จงพิจารณากันเถิดครับ.....
เอาหล่ะ เรามาอ่าน อัลกุรอานคราวละบทและนำไปปฏิบัติกันเถอะครับ
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ مَا لَكُمْ إِذَا قِيلَ لَكُمُ انفِرُواْ فِي سَبِيلِ اللّهِ اثَّاقَلْتُمْ إِلَى الأَرْضِ أَرَضِيتُم بِالْحَيَاةِ الدُّنْيَا مِنَ الآخِرَةِ فَمَا مَتَاعُ الْحَيَاةِ الدُّنْيَا فِي الآخِرَةِ إِلاَّ قَلِيلٌ
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้าหรือ? เมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเจ้าว่า จงออกไปต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ พวกเจ้าก็แนบหนักอยู่กับพื้นดิน พวกเจ้าพึงพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ มากกว่าโลกหน้ากระนั้นหรือ ? สิ่งอำนวยความสุขแห่งโลกนี้นั้น สำหรับในปรโลกแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น
อัตเตาบะฮฺ 38
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ مَن يَرْتَدَّ مِنكُمْ عَن دِينِهِ فَسَوْفَ يَأْتِي اللّهُ بِقَوْمٍ يُحِبُّهُمْ وَيُحِبُّونَهُ أَذِلَّةٍ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ أَعِزَّةٍ عَلَى الْكَافِرِينَ يُجَاهِدُونَ فِي سَبِيلِ اللّهِ وَلاَ يَخَافُونَ لَوْمَةَ لآئِمٍ ذَلِكَ فَضْلُ اللّهِ يُؤْتِيهِ مَن يَشَاءُ وَاللّهُ وَاسِعٌ عَلِيمٌ
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเขาไป อัลลอฮ์ก็จะทรงนำมาซึ่งอีกกลุ่มหนึ่งที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์ เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดามุอฺมิน แกร่งแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาพวกเขาจะเสียสละและต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ และไม่กลัวการตำหนิของผู้ตำหนิคนใด นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันแก่ผุ้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้
อัลมาอิดะฮ 54
วัสลามุอาลัยกุม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
maliksn มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/10/2008 ตอบ: 164
|
ตอบ: Thu Jan 15, 2009 8:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ครับ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Thu Jan 15, 2009 11:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِ
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
ถามตัวเองซิ๊
...ทุกๆกิจการที่ท่านทำเริ่มด้วยพระนามของอัลลอฮไหม
ท่านรอซูล(ซ.ล)กล่าวว่า"ทุกๆคำพูดหรือการงานที่มีประโยชน์ ที่มิได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวซิกรุลลอฮ"
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم " การงานนั้นเป็นการงานที่บกพร่อง (ขาดบารอกัต)"
(บันทึกโดยอะหฺมัดในมุสนัดของท่าน/8697 สายรายงานศอฮีฮฺ)
الْحَمْد للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงอภิบาลโลกทั้งหลาย
ถามตัวเองซิ๊
...ทุกๆการได้รับสิ่งดีๆมายังท่าน เรากล่าวไหมซึ่งคำนี้
الرَّحْمـنِ الرَّحِيمِ
ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา
ถามตัวเองซิ๊
วันนี้ขอต่อพระองค์ซึ่งให้พ้นบาปที่เราเคยทำแล้วไหม
...مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ
ผู้ทรงสิทธิอำนาจในวันตอบแทน
ถามตัวเองซิ๊
ทุกครั้งที่จะลงมือทำผิด เคยไหมที่จะคิดว่า เราจะถูกตอบแทน
หรือเราไม่ตระหนัก หรือเราเพียงแค่เปล่งออกมาเพื่อให้พ้น 5 เวลา
ของแต่ละวันครับ ....
...
إِيَّاكَ نَعْبد وإِيَّاكَ نَسْتَعِين
เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอนมัสการ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ
ถามตัวเองซิ๊
เมื่อทุกข์ขอที่ใคร เมื่อเศร้าขอจากใคร
จากเพื่อนหรือจากแฟนครับ
اهدِنَــــاالصِّرَاطَ المستَقِيمَ
โปรดชี้นำเราสู่แนวทางอันเที่ยงตรงด้วยเถิด
ถามตัวเองซิ๊
วันนี้เราตามใคร วันนี้เรายึดใคร
หรือตามอัลกุรอานและหะดิษ
หรือตามบรรพบุรุษครับ
صِرَاطَ الَّذِينَ أَنعَمتَعَلَيهِمْ غَيرِ المَغضوبِ عَلَيهِمْوَلاَ الضَّالِّينَ
แนวทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ ได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเขา มิใช่แนวทางของพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่ (แนวทางของ) พวกที่หลงผิด
ทุกๆ5 เวลาที่เราเปล่ง
แต่น่าเสียดายที่ทุก 5 วันของการรอคอย
เพื่อรอดูบอลพรีเมียร์ลีกในวันเสาร์
หรือเพื่อ 5 สิบบาทกับยาแก้ไอผสมกับน้ำโค๊กและน้ำแข็งครับ
http://www.banatulhuda.com/webboard_show.php?Key=&Page=1&postid=85
เพราะเหตุนี้ใช่ไหมครับ
มุสลิมถึงตกต่ำ มุสลิมถึงถุกรุมกินโต๊ะครับ
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue May 12, 2009 9:30 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เห็นว่าเหมาะกับกระทู้นี้ เลยมาโพส 1
------------------------------------------
อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ Al-Anfaal อายะฮที่ 2 ว่า
ซึ่งมีใจความว่า" แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น คือ ผู้ที่เมื่ออัลลอฮ์ถูกกล่าวขึ้นแล้ว หัวใจของพวกเขาก็หวั่นเกรง และเมื่อบรรดาโองการของพระองค์ถูกอ่านแก่พวกเขา โองการเหล่านั้นก็เพิ่มพูนความศรัทธาแก่พวกเขา และแด่พระเจ้าของพวกเขานั้นพวกเขามอบหมายกัน "
-------------------------------- |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Sat May 16, 2009 8:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ Al-`Araaf อายะฮที่ 179 ว่า
[7:179]
Thai: [7:179]
และแน่นอนเราได้บังเกิดสำหรับญฮันนัม ซึ่งมากมายจากญิน และมนุษย์ โดยที่พวกเขามีหัวใจซึ่งพวกเขาไม่ใช้มันทำความเข้าใจและพวกเขามีตา ซึ่งพวกเขาไม่ใช่มันมอง และพวกเขามีหู ซึ่งพวกเขาไม่ใช้มันฟัง [color=darkred]ชนเหล่านี้แหละประหนึ่งปศุสัตว์ ใช่แต่เท่านั้น พวกเขาเป็นผู้หลงผิดยิ่งกว่า ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือผู้ทีเผลอเรอ[/color]
-------------------- |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sengship มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/09/2008 ตอบ: 102
|
ตอบ: Mon May 18, 2009 7:21 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอถามนิดนึงว่า หลังจากที่ละหมาดเสร็จแล้วเราก็ไปจับมือคนข้างๆไม่ทราบว่าถูกต้องมั้ย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon May 18, 2009 5:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
sengship บันทึก: | ขอถามนิดนึงว่า หลังจากที่ละหมาดเสร็จแล้วเราก็ไปจับมือคนข้างๆไม่ทราบว่าถูกต้องมั้ย |
ตอบ
อัลหั้มดุลิลละฮ
การจับมือ หรือภาษาอาหรับเรียกว่า "المصافحة " (อัลมุศอฟะหะฮ)มีสุนนะฮให้กระทำเมื่อแรกพบกัน และ เมื่อจากกัน ส่วนการจับมือกันหลังละหมาดฟัรดูนั้น โดยเชื่อว่า เป็นอิบาดะฮเฉพาะนั้น ไม่มีในสุนนะฮ แต่เป็นบิดอะฮ
والله أعلم بالصواب _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sengship มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/09/2008 ตอบ: 102
|
ตอบ: Tue May 19, 2009 5:35 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้าว!งั้นที่เห็นและเป็นอยู่มันไม่ถูกต้องเหรอเนี๊ยะ แล้วถ้าเค้ายื่นมือมาแล้วจะให้ทำไงอ่ะ ปฏิเสธเค้าไปเหรอคับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Tue May 19, 2009 10:17 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณ sengship พูดมาน่าคิด
เวลาอยู่นอกสุเหร่าเจอกัน ถ้าเป็นเพื่อนก็ เฮ้ยไปใหน
ถ้าแก่หน่อยก็มีครับ
คำว่า อัสลามุอลัยกุม กลับไม่ได้เอามาใช้กัน
คำนี้ เป็นคำทักทายของชาวสวรรค์
อยากเป็นชาวสวรรค์ ก็ต้องซ้อมทักทายกันไว้ ทุกที่ที่พบเจอ
การให้สลามหลังละหมาดเป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่บิดอะห์
ถ้าหากพฤติกรรมนั้น เป็นสิ่งที่เกิดกับเขา ทั้งในและนอกสุเหร่า |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue May 19, 2009 11:48 am ชื่อกระทู้: |
|
|
sengship บันทึก: | อ้าว!งั้นที่เห็นและเป็นอยู่มันไม่ถูกต้องเหรอเนี๊ยะ แล้วถ้าเค้ายื่นมือมาแล้วจะให้ทำไงอ่ะ ปฏิเสธเค้าไปเหรอคับ |
คำตอบอยู่ในฟัตวาข้างล่างนี้ครับ
ما حكم المصافحة بعد الصلاة ، وهل هناك فرق بين صلاة الفريضة والنافلة؟
ข้อตัดสิน(หุกุม)ขอการจับมือหลังละหมาดนั้นเป็นอย่างร์ และ ณ ที่นี้ มีความแตกต่างระหว่างละหมาดฟัรดูและละหมาดสุนัต หรือไม่?
الجواب :
الأصل في المصافحة عند اللقاء بين المسلمين شرعيتها ، وقد كان النبي صلى الله عليه وسلم يصافح أصحابه رضي الله عنهم إذا لقيهم وكانوا إذا تلاقوا تصافحوا . قال أنس رضي الله عنه والشعبي رحمه الله : (كان أصحاب النبي صلى الله عليه وسلم إذا تلاقوا تصافحوا وإذا قدموا من سفر تعانقوا) وثبت في الصحيحين أن طلحة بن عبيد الله - أحد العشرة المبشرين بالجنة رضي الله عنهم - قام من حلقة النبي صلى الله عليه وسلم في مسجده عليه الصلاة والسلام إلى كعب بن مالك رضي الله عنه لما تاب الله عليه فصافحه وهنأه بالتوبة وهذا أمر مشهور بين المسلمين في عهد النبي صلى الله عليه وسلم وبعده وثبت عنه صلى الله عليه وسلم أنه قال : ((ما من مسلمين يتلاقيان فيتصافحان إلا تحاتت عنهما ذنوبهما كما يتحات عن الشجرة ورقها)) ، ويستحب التصافح عند اللقاء في المسجد أو في الصف وإذا لم يتصافحا قبل الصلاة تصافحا بعدها تحقيقا لهذه السنة العظيمة . ولما في ذلك من تثبيت المودة وإزالة الشحناء . لكن إذا لم يصافحه قبل الفريضة شرع له أن يصافحه بعدها بعد الذكر المشروع . أما ما يفعله بعض الناس من المبادرة بالمصافحة بعد الفريضة من حين يسلم التسليمة الثانية فلا أعلم له أصلا بل الأظهر كراهة ذلك لعدم الدليل عليه . ولأن المصلي مشروع له في هذه الحال أن يبادر بالأذكار الشرعية التي كان يفعلها النبي صلى الله عليه وسلم بعد السلام من صلاة الفريضة . وأما صلاة النافلة فيشرع المصافحة بعد السلام منها إذا لم يتصافحا قبل الدخول فيها . فإن تصافحا قبل ذلك كفى .
ตอบ
รากฐานในการจับมือนั้น มีบัญญัติใช้ให้ปฏิบัติ ขณะทีพบกันระหว่างมุสลิม และแท้จริงปรากฏว่า นบี ได้จับมือบรรดาเศาะหาบะฮของท่าน (ร.ฎ) เมื่อท่านได้พบกับพวกเขา และพวกเขา(เหล่าเศาะหาบะฮ) เมื่อพบกัน พวกเขาก็จับมือซึ่งกันและกัน ,อะนัส (ร.ฎ) และอัชชุอฺบีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อเขา)ได้กล่าวว่า (บรรดาเศาะหาบะฮของท่านนบี เมื่อพวกเขาพบกัน พวกเขาก็จับมือซึ่งกันและกัน และเมื่อพวกเขากลับจากเดินทาง พวกเขาก็สวมกอดกัน ) และปรากฏรายงานที่ยืนยันในเศาะเฮียะบุคอรีและมุสลิม ว่า แท้จริงฏอ็ลหะฮ บิน อุบัยดิลละฮ ซึ่งเป็นคนหนึ่งจากจำนวนสิบคนที่ได้รับแจ้งข่าวดีว่าจะได้เข้าสวรรค์ (ร.ฎ) ได้ลุกขึ้นยืนจากวงประชุมของท่านนบี แล้วไปหาท่านกะอับ บิน มาลิก(ร.ฎ) ขณะที่เขาได้ทำการเตาบะฮ(จากความผิดที่ไม่ยอมเข้าร่วมรบในวิถีทางของอัลลอฮ) แล้วเขา(ฏอ็ลหะฮ)ได้จับมือกับเขา และเขาได้แสดงความยินดี กับเขา ที่เขาได้ทำการเตาบะฮนั้น และนี้คือ สิ่งที่(ปฏิบัติกัน) อย่างแพร่หลาย ในสมัยของท่านนบี และหลังจากสมัยของท่าน และได้ปรากฏรายงานที่แน่นอนจากท่านนบี ว่า ท่านได้กล่าวว่า (ไม่มีมุสลิมสองคน ที่เขาทั้งสองพบกัน แล้วเขาทั้งสองต่างจับมือซึ่งกันและกัน นอกจาก บาปของเขาทั้งสองจะหลุดร่วง ดัง เช่น ต้นไม้ผลัดใบ ) และชอบให้จับมือกันและกัน เมื่อพบกันในมัสญิด หรือในแถว และเมื่อเขาทั้งสองไม่ได้จับมือกันก่อนละหมาด ก็ให้จับมือกันหลังละหมาดได้ เพื่อเป็นการพิสูจณ์ให้เห็นถึงสุนนะฮอันยิ่งใหญ่นี้ และเมื่อการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากการยืนยันความรักและขจัดความบาดหมาง ที่มีต่อกัน แต่ว่า เมื่อเขาทั้งสองยังไม่ได้จับมือกันก่อนละหมาดฟัรดู ก็มีบัญญัติใช้ให้เขาจับมือกันหลังละหมาด หลังจากที่ได้มีการซิกริลละฮที่ถูกบัญญัติไว้เสร็จแล้ว .สำหรับ สิ่งที่บรรดาผู้คนกระทำกัน จากการรีบเร่ง จับมือซึ่งกันและกัน หลังละหมาดฟัรดู เมื่อมีการกล่าวสลามครั้งที่สองเสร็จนั้น ข้าพเจ้าไม่เคยทราบทีมาของมัน แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ การกระทำดังกล่าวเป็นมักรูฮ(เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ) เพราะไม่มีหลักฐานบ่งบอกเอาไว้ และเพราะในขณะนั้น ผู้ละหมาดมีบัญญัติใช้ให้เร่งรีบการกล่าวซิกริลละฮ ที่มีบัญญัติไว้ ซึ่งท่านนบี ได้ปฏิบัติมันหลังจากละหมาดฟัรดู และสำหรับการละหมาดสุนัตนั้น ก็ให้จับมือกันหลังจากกล่าวสลาม จากการละหมาดนั้น เมื่อทั้งสองยังไม่ได้จับมือกันก่อนเข้าสู่การละหมาด แต่ถ้าเขาทั้งสองได้จับมือกันแล้วก่อนหน้านั้น ก็ เพียงพอแล้ว(คือไม่ต้องมาจับมือกันอีก) (1)
......................................................
จากฟัตวาข้างต้น หวังว่า คุณแสงทิพย์คงเข้าใจ ส่วนเรื่องการเกรงใจคนนั้น เป็นคุณสมบัติของคนดี แต่..ถ้าเกรงใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้น เราอาจจะเป็นคนดีในทัศนะของมนุษย์ แต่ จะเป็นคนที่อีหม่านบกพร่องในทัศนะของอัลลอฮ เพราะฉะนั้น เราควรชี้แจงสุนนะฮที่ถูกต้องแก่เขา
-----------------------------------------(1)
المصدر :
من ضمن أسئلة موجهة إلى سماحة الشيخ ابن باز طبعها الأخ / محمد الشايع في كتاب - مجموع فتاوى و مقالات متنوعة الجزء الحادي عشر _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Sat May 23, 2009 4:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
โอ้ผู้ศรัทธาเอ๋ย ไฉนเล่า เรามิได้กลั่นกรอง มิได้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปก่อนการนำเสนอเรื่องราวหนึ่งเรื่องราวใดของพี่น้องเราก่อนหล่ะ....หรือเราจะเป็นคนล้มละลายในวันกียามัตอ่ะ...
อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลฮุจรอจ อายะที่ 6 ว่า
[49:6]
Thai: [49:6]
"โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! หากคนชั่วนำข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป "
ฝากไว้อ่านควบคู่กันไป
ใครเล่า....ที่เป็นคนล้มละลาย / Download
http://mureed.com/article/Shabab%5EArticle.html
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Sun May 31, 2009 9:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอาลัยกุม
โอ้บรรดาชายและหญิงผู้ศรัทธาแล้วเอ๋ย
ตรวจสอบกันเถิดนะว่าวันนี้! สิ่งที่จะกล่าวนำเสนอข้างต้นนี้ เคยไหมที่สามีและภรรยาจะร่วมกันเรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติซึ่งกันและกัน...
หากไม่มีในตัวภรรยาท่าน สามีรับรู้แล้ว ก็นำไปใช้และนำเสนอต่อภรรยาเถิด แต่หากไม่มีในตัวสามีท่าน ภรรยารับรู้แล้ว ก็นำไปใช้และนำเสนอต่อสามีท่านเถิดนะ....อินชาอัลลอฮ
คำสั่งเสียให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดี
จากอัลกุรอาน
อัลเลาะห์ตรัสว่า :
และจงอยู่ร่วมกับนางด้วยดี
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 19)
และพวกเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมในระหว่างบรรดาหญิง(ภรรยา)ได้เลย แม้ว่าพวกเจ้าจะพยายามอย่างยิ่งก็ตาม ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าเอียงไปจนหมด แล้วพวกเจ้าก็จะปล่อยให้บรรดานางที่ถูกทอดทิ้งนั้น ประหนึ่งเป็นผู้ที่ถูกแขวนไว้ และหากพวกเจาประนีประนอมกัน และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริงอัลเลาะห์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 129)
จากอัลหะดีษ
หะดีษที่ 1
รายงานจากอบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า :
ท่านทั้งหลาย จงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด แท้จริงสตรีถูกบังเกิดมาจากซี่โครง (หมายถึง อัลเลาะห์ทรงบังเกิดฮาวา มาจากซี่โครงของอาดัม) และแท้จริงซี่โครงที่งอที่สุดนั้นก็คือ อันที่อยู่ด้านบน (หมายถึงอันตรายของสตรีนั้นอยู่ที่ลิ้นของนาง) ถ้าหากท่านดัดซี่โครงอันบนให้ตรงท่านก็ต้องหักมัน (เพราะมันไม่สามารถรับการดัดให้ตรงได้) ถ้าหากท่านปล่อยไว้ (โดยไม่ดัดใดๆเลย) มันก็จะคงอยู่แบบโค้งงอตามสภาพ ดังนั้นท่านทังหลายจงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด
(บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
ดูในบุคอรีย์ เล่ม 6 หน้า 261 , 262 และดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1468
อีกสำนวนหนึ่ง บันทึกไว้ในศอฮีฮ์บุคอรีย์ และมุสลิม เช่นเดียวกันกล่าวว่า :
สตรีนั้นเหมืนกับซี่โครง(ในด้านโค้งงอ) ถ้าหากท่านดัดให้ตรง ท่านก็ต้องหัก ถ้าหากท่านอยู่กับนางอย่างสุขสำราญ ท่านก็สุขสำราญโดยที่นางคงอยู่อย่างนั้น
อีกสำนวนหนึ่งในมุสลิมกล่าวว่า :
แท้จริงสตรีนั้นถูกบังเกิดมาจากซี่โครง ท่านไม่อาจดัดให้ตรงตามแนวทางที่ท่านพอใจได้ ถ้าหากท่านจะสุขสำราญกับนาง ก็จะต้องสุขสำราญไปกับความโค้งงอนั้น ถ้าหากท่านพยายามดัดให้ตรง ท่านก็จะต้องหักมัน และการหักมันก็คือ ต้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน
คำอธิบาย
สามีคนหนึ่งได้มาหาท่านรอซูล เขาร้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติของภรรยาของเขา ท่านรอซูลก็พยายามช่วยแก้ปัญหาให้ ท่านรอซูลอธิบายถึงธรรมชาติของสตรีให้บรรดาศ่อฮาบะห์ทราบ และท่านแนะนำให้สามีทุกคนตองควบคุมดูแลภรรยาของตน ให้อยู่ในแนวทางแห่งอิสลามอย่างแท้จริง จะต้องเน้นในด้านการเชื่อฟัง และการปฏิบัติตามสามีให้มาก และการมีมารยาทดีตามที่อิสลามต้องการนอกจากนี้แล้วท่านรอซูล (ซ.ล.) กำชับผู้เป็นสามีให้คำนึงถึงธรรมชาติแห่งความเป็นผู้หญิง อย่าได้ใช้ความรุนแรงในการแนะนำสั่งสอน อย่าแข็งกระด้าง หรือเอาแต่อำเภอใจโดยไม่มีสติ
แนวทางในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของสตรีนั้น ให้ยึดถือคำสอนจากคัมภีร์อัลกูรอานที่ว่า :
และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง ก็อาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน อัลเลาะห์ก็ทรงให้มีในสิ่งนั้นซึ่งความดีอันมากมาย
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 4-19)
และอัลกุรอานที่ว่า :
และบรรดาชายนั้นคือ ผู้ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง เนื่องด้วยการที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคน และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขาบรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี ผู้รักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ลับหลังสามี เนื่องด้วยสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงรักษาไว้ และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนางนั้น ก็จงกล่าวตักเตือนนาง และทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน และจงเฆี่ยนนาง แต่ถ้าหากนางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 4-34)
ท่านรอซูล ตักเตือนผู้ที่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของความเป็นสตรี มุ่งมั่นแต่จะดัดนิสัยภรรยาให้อยู่มือ โดยลืมนึกถึงธรรมชาติของความเป็นสตรี ในที่สุดก็ถึงจุดแตกหัก ต้องหย่าร้างกันทั้งๆที่เคยอยู่กินกันมานาน ท่านรอซูลแนะนำไว้ว่าในเรื่องนี้จะต้องมีผ่อนหนักผ่อนเบาผสมผสานกัน ตราบใดที่นางไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นฮะรอม(ต้องห้าม) หรือตราบใดที่นางไม่ได้ดื้อดึงอยู่ในความชั่วก็ให้ฝ่ายชายอดทน อยู่กินกับนางไปเรื่อยๆ โดยยับยั้งชั่งใจไว้ หรือถ้าหากอดทนไม่ไหวก็จงปล่อยนางไป(หย่า) ดีกว่าที่จะต้องอยู่กับนาง รับผิดชอบต่อความไม่เอาไหนของนาง อิสลามนั้นปรารถนาให้ชีวิตคู่นั้นประสบความสำเร็จ ทั้งนี้จะต้องยืนอยู่บนรากฐานแห่งความเป็นจริง และจะต้องไม่มีอุปสรรคขัดขวางแนวทางไปสู่ความสุขนั้น
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้
1. สามีจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการอบรมภรรยา
2. สามีจะต้องรู้จักใช้สมอง ผ่อนหนักผ่อนเบาในการดัดนิสัยภรรยา
3. สอนให้ผู้อบรมจะต้องรู้ซึ้งถึงสภาพอันแท้จริงของผู้ที่ถูกอบรมเสียก่อน
4. พระนางฮาวา ถูกบังเกิดมาจากซี่โครงด้านซ้ายของท่านนบีอาดัม เป็นเรื่องจริง
--------------------------
และพี่น้อง มาฟังและเข้าใจซิ..ว่า ซี่โครงส่วนบนดั่งที่ถูกนำเสนอไปนั้น อะไรคือ ส่วนบน อะไรคือ สาระที่เราต้องนำมาพิจารณาถึงการใช้ชีวิตคู่ของเราในวันนี้!
http://www.islaminthailand.org/dp6/node/498
นาที่ 95 เป็นต้นไป......
วัสลามุอาลัยกุม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Thu Jun 25, 2009 12:34 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอาลัยกุม วาเราะมาตุลลอฮ วาบารอกาตุฮ
อัลลอฮซุบฮานาฮุวา ตะอาลา ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะฮที่ 103 วไว้ว่า
"ครั้นเมื่อพวกเจ้าเสร็จจากการละหมาดแล้ว ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ ทั้งในสภาพยืนและนั่งและในสภาพนอนเอกเขนกของพวกเจ้า ครั้นเมื่อพวกเจ้าปลอดภัยแล้ว ก็จงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย"
พี่น้องครับ >> อย่าตาย จนกว่าจะเป็นมุสลิมนะครับ/ Download
http://www.mureed.com/article/Shabab%5EArticle.html
วัสลามุอาลัยกุม วาเราะมาตุลลอฮ วาบารอกาตุฮ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Mon Jul 20, 2009 1:08 am ชื่อกระทู้: |
|
|
[4:17]
Thai: [4:17]แท้จริงการสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวที่อัลลอฮ์จะทรงรับนั้นคือสำหรับบรรดาผู้ที่กระทำความชั่วโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้นแล้วพวกเขาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวในเวลาอันใกล้ ชนเหล่านี้และอัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ผู้ทรงปรีชาญาณ
-------------------------------------------------------------------------------- |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|